The Hustle คอมเมดี้อย่างจริงจัง
แรกเห็นตัวอย่างหนังเรื่องนี้ก็ยอมรับเลยน่าดูมาก การที่เลือกเอา แอนน์ แฮทธาเวย์ มาจับคู่กับรีเบล วิลสัน สาวอ้วนขาฮาแห่งยุคนี้ เป็นไอเดียที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นคู่ที่มีทั้งความเหมือนและความแตกต่าง รีเบล วิลสัน นี่แจ้งเกิดมากับบทสาวอ้วน เล่นฮาแบบบ้าหลุดโลก และก็ยังไปได้ดีกับลุคแบบนี้ ส่วนแอนน์ นี่มาในลุคไฮโซ เริด เชิด หยิ่ง ซึ่งเป็นแนวถนัดของเธอเลย และเธอก็ผ่านการรับทหนังคอมมีดี้มาบ้างแล้ว แม้กระทั่งผลงานล่าสุดอย่าง Ocean8 ที่ว่าด้วยการจารกรรมต้มตุ๋นเช่นเดียวกับ The Hustle พอมาเรื่องนี้ที่ต้องเล่นแบบคอมมีดี้แบบสบาย ๆ ก็เลยไม่ใช่งานยากหรือแปลกใหม่สำหรับเธอ
The Hustle ในชื่อไทย “โกงตัวแม่” ก็เล่าเรื่องราวของสาว 18 มงกุฏตามชื่อหนังนั่นล่ะ โดยเนื้อหานั้นดัดแปลงมาจากหนังคลาสสิค “Dirty Rotten Scoundrels” (1988) กลับกันตรงที่ว่าเวอร์ชั่นเดิมนั้นตัวละครนำเป็นชาย แล้วก็เอามาเปลี่ยนเป็นหญิงเสียแทน หนังเปิดเรื่องด้วยการแนะนำตัว เพนนี รัสต์ สาว18มงกุฏระดับตลาดล่างที่หลอกตอดเล็กตอดน้อยเหยื่อเพศชายไปวัน ๆ จากนั้นก็ย้ายมาแนะนำตัว โจเซฟิน 18มงกุฏตัวแม่ ที่เพียบพร้อมไปด้วยรูปลักษณ์ที่สวยสง่า เธอเลยจ้องตะครุบเฉพาะเหยื่อที่เป็นมหาเศรษฐีเท่านั้น แต่แล้วเพนนี ก็เลือกที่จะข้ามน้ำข้ามทะเลมาหากินในเมืองตากอากาศในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นถิ่นหากินของโจเซฟิน ซึ่งเจ้าถิ่นก็พยายามกำจัดผู้บุกรุกให้ออกไปจากดินแดนของเธอ
ครี่งแรกของหนังหนักไปกับการแนะนำตัวของแต่ละฝ่าย ต่อด้วยการที่เพนนียอมรับนับถือในฝีมือของโจเซฟิน และขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ก็เล่าเรื่องราวหลุดโลกโปกฮาไปได้เรื่อย ๆ เนื้อหามาเข้มข้นขึ้นในช่วงหลัง เมื่ออาจารย์และลูกศิษย์เกิดขัดคอกันและลงเอยด้วยการแข่งขันกันหลอกเอาเงินจากเป้าหมายรายเดียวกัน ใครหลอกเอาเงินมาได้ก่อนชนะ ก็เป็นช่วงที่บทเปิดโอกาสให้สอดแทรกมุกฮาลงไปได้มาก มีอยู่ฉากที่อัดมุกได้แน่น ได้เสียงหัวเราะต่อเนื่องกันยาวนาน เป็นมุกซกมกที่ชวนให้คิดถึงมุกแบบนี้ในหนังน้าค่อม โก๊ะตี๋ จตุรงศ์ อะไรแบบนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นมุกแบบนี้ในหนังฮอลลีวู้ดซึ่งมุกส่วนใหญ่ก็มาจากรีเบล วิลสัน ขาเดิมนั่นแหละ ที่เธอยังใช้ประโยชน์จากร่างตุ้ยนุ้ยและแสดงออกด้วยท่าทางบ้า ๆ บอ ๆ ก็ได้เสียงหัวเราะกลับไปทุกที
dirty rotten scoundrels (1988) หนังต้นแบบของเรื่องนี้
แม้ว่าบทหนังจะอิงจาก Dirty Rotten Scoundrels แต่ก็อิงแค่พลอตหลัก แต่รายละเอียดของเรื่องราวแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแล้วก็ให้ผลลัพธ์ที่คุณภาพต่างกันลิบลับ ทั้งในด้านความสมเหตุสมผล และลีลาชั้นเชิงการหลอกเหยื่อของ 2 สาว ที่คิดตามแล้วก็ไร้ตรรกะความสมจริง ทำให้หนังตระกูล Ocean ที่ว่าด้วยการรวมหัวจารกรรมนั้นดูเป็นหนังสาระจริงจังขึ้นมาทันที เมื่อมาเทียบกับ The Hustle เหยื่อทุกรายในหนังล้วนเป็นชายที่มีเงินแต่ช่างไร้สมอง ก็เลยทำให้มองในมุมกลับว่าที่แผนของพวกเธอประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่เพราะแผนการที่ฉลาดรัดกุม แต่เป็นเพราะเจอเหยื่อไร้สมองต่างหาก
ทีเด็ดของหนังที่จบแบบหักมุมนั้น Dirty Rotten Scoundrels เผยมาได้แบบชวนอึ้ง ทึ่งกับความแยบยลของผู้เขียนบท แต่พอมาเป็นบทของ The Hustle เฉลยมาก็ชวนอึ้ง แต่จิ๊กซอว์ที่วางมากลับรู้สึกค้างคาอยู่ในหัวถึงความไม่ลงตัวของเรื่องราวที่ปูมา ทำให้มีคำถามตามมามากมาย แต่สุดท้ายด้วยโจทย์ที่ว่านี่คือหนังคอมมีดี้ ก็กลายเป็นเหตุผลที่หักล้างความไม่สมเหตุสมผลนั้นเสียหมด ก็ต้องเตือนตัวเองว่านี่คือหนังตลกเอาฮาเป็นหลัก เราไม่ควรมาคิดเล็กคิดน้อยตามหาเหตุผลความสมจริงในหนัง
ถ้าต้องมองหาข้อดีของหนังว่ามีอะไร เหตุผลโดดเด่นก็คือ แอนน์ แฮทธาเวย์ ที่ปรากฏตัวมาได้เฉิดฉาย สวยเด่น ในหลาย ๆ ชุด ถ้าไม่มีเธอ The Hustle ก็น่าจะออกมาเป็นแผ่นดีวีดี หรือฉายทางช่องสตรีมมิ่งไปเลยจะเหมาะกว่า และ The Hustle ก็น่าจะกลายเป็นหนังที่ได้คะแนนต่ำสุดในเครดิตการแสดงของแอนน์เลยก็ว่าได้ แม้พิจารณาในด้านหนังตลก มีหลาย ๆ มุกยิงติด แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นมุกทะลึ่ง ลามก ที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะเห็นมุกเหล่านี้ในหนังที่เน้นขาย แอนน์ แฮทธาเวย์ และ รีเบล วิลสัน เพราะหน้าหนังก็ไม่ได้สื่อไปทางนั้นเลย ส่วนดีอื่น ๆ ก็ยกให้การเล่าเรื่องที่ลื่นไหล รีเบล ที่ได้บทเข้าทางเล่นได้อย่างปลดปล่อยเต็มที่ ฉากจบที่หักมุมชวนเหวอ ก็ถือว่า The Hustle เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับการเสียเงินแลกเสียงหัวเราะในโปรแกรมหลัง End Game ถ้าเจอเนื้อหาที่มันไม่สมเหตุสมผล ก็รีบเตือนตัวเองครับ “นี่มันหนังตลก นี่มันหนังตลก”