รีวิว Pokemon Detective Pikachu ไลฟ์แอ็คชั่นฉบับแฟนโปเกมอน

 

 

แฟนโปเกมอนกว่าครึ่งค่อนโลกต่างตั้งตารอคอยการดัดแปลงมังงะ เกมและแอนิเมชั่นในดวงใจของพวกเขาให้กลายเป็นหนังไลฟ์แอ็คชั่น ปี 2019 ถึงเวลาแล้วที่ Pokemon Detective Pikachu จะปรากฏโฉมสู่สายตาของผู้ชม

 

Pokemon Detective Pikachu บอกเล่าเรื่องราวของทิม (จัสติซ สมิธ) เด็กชายวัยรุ่นที่อาศัยอยู่กับคุณย่าในเมืองต่างจังหวัดห่างไกล และดูเหมือนกิจกรรมที่เพื่อนๆของเขาชอบชวนทิมไปจับโปเกมอนตามทุ่งนาป่าเขาจะไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจซักเท่าไหร่ก็ตามที จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้รับข่าวว่าพ่อของเขาอย่างแฮร์รี่ กู้ดแมน ซึ่งทำงานเป็นนักสืบอยู่ในเมืองใหญ่อย่างไรม์ซิตี้ เกิดประสบอุบัติเหตุและหายตัวไปอย่างลึกลับ

 

 

ทิม ลูกชายผู้ห่างเหินจึงต้องเดินทางเข้าเมืองไรม์ซิตี้เพื่อค้นหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเขากันแน่ ระหว่างที่เขาเดินทางไปสำรวจอพาร์ทเม้นท์ของพ่อ ทิมได้พบกับลูซี สตีเวนส์ (แคเธอรีน นิวตัน) นักข่าวสาวที่พยายามสืบคดีอันแสนพิศวงของแฮร์รี่ แม้จะเป็นการเริ่มต้นทำความรู้จักที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่เมื่อทิมก้าวเข้าไปในห้องทำงานของพ่อตัวเอง เขาก็พบว่ามีรูปถ่ายของทิมตั้งไว้ทั่วห้อง ทิมจึงเริ่มทวนถามตัวเองมาโดยตลอดว่า ความจริงแล้วความรู้สึกที่เขาไม่เคยต้องการพ่อนั้น อาจจะเป็นเพราะเขาไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับพ่อของตัวเองเลยต่างหาก

 

ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่เริ่มต้นขึ้น เพื่อผลักดันประเด็นการตามหาพ่อที่หายไปในเมืองไรม์ซิตี้ ซึ่งมีตัวละครโปเกมอนอย่างปิกาจู (ให้เสียงพากย์โดยไรอัน เรย์โนลด์ส) ปรากฏตัวขึ้นมา ปิกาจูจำได้แค่เพียงว่าเขาเป็นคู่หูกับแฮร์รี่ แต่หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุเขาก็จดจำอะไรไม่ได้เลย ตัวหนังเริ่มพาผู้ชมไปสืบหาเบาะแสต่างๆ ตามสถานที่ที่แฮร์รี่เคยไป ล้วนแล้วแต่นำไปสู่สถานการณ์ที่ลึกลับขึ้นเรื่อยๆ

 

 

สำหรับแฟนๆโปเกมอน การได้เห็นเหล่าตัวการ์ตูนลุกขึ้นมามีชีวิตน่าจะเป็นความรู้สึกที่พวกเขารอคอย ไม่ต่างอะไรจากการที่แฟนๆหนังมาร์เวล เห็นบรรดาตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่ตัวเองหลงรัก ลุกขึ้นมามีชีวิตจริงๆ ซึ่งหนังก็ออกแบบโปเกมอนมาได้น่ารักน่าชัง แต่น่าเสียดายที่เราก็กลับรู้สึกว่า เมื่อหนังดำเนินเรื่องไปสักระยะแล้ว ความรักของโปเกมอนก็ไม่ค่อยจะช่วยให้เนื้อเรื่องการสืบสวนตามหาพ่อของทิมน่าติดตามหรือมีน้ำหนักนัก จนเมื่อช่วงไคลแม็กซ์ ซึ่งเฉลยออกมานั้น ยิ่งชวนรู้สึกว่า ทีมเขียนบทออกจะเลอะเทอะไปหน่อยในออกแบบบทสรุปให้เป็นอย่างนั้น (ถ้าเหตุการณ์ที่หนังเฉลยออกมาเป็นการ์ตูนอาจจะดูน่าเชื่อถือ แต่เมื่อมันเป็นหนังคนแสดงแล้ว กลายเป็นความพิลึกพิลั่นและทำให้เหตุผลดูแบนราบสนิทไปเลย)

 

อย่างไรก็ตามก่อนจบเรื่องราวก็แอบมีเซอร์ไพรส์หักมุมเล็กๆ ที่บรรดาคนดูเด็กๆอาจจะอ้าปากค้าง แต่สำหรับคนดูอย่างเราๆ ที่ผ่านหนังแนวสืบสวนสอบสวนมาประมาณหนึ่งก็เริ่มเดาทางได้แล้วว่าจริงๆแล้วพ่อของทิมหายไปไหนกันแน่ตั้งแต่ช่วงที่ตัวละครเดินทางไปยังศูนย์วิจัยที่นำตัวมิวทูมาทดลอง

 

เอาเป็นว่าถ้าใครเป็นแฟนโปเกมอน หลงรักในความน่ารักของพวกมัน ก็อย่าพลาด Pokemon Detective Pikachu แต่ถ้าคิดอยากจะไปดูหนังสืบสวน แอ็คชั่นหวือหวา ก็อาจจะต้องผิดหวังได้