รีวิว Aladdin โลกใหม่สวยงามของเจ้าหญิงจัสมิน

รีวิว Aladdin โลกใหม่สวยงามของเจ้าหญิงจัสมิน

รีวิว Aladdin โลกใหม่สวยงามของเจ้าหญิงจัสมิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แอนิเมชั่นคลาสสิกจากดิสนีย์สตูดิโอเรื่อง Aladdin ออกฉายในปี 1992 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากผู้ชมและนักวิจารณ์ อีกทั้งหลังจากที่แอนิเมชั่นเรื่องนี้กลายเป็นม้วนวิดีโอ ก็เรียกได้ว่ามันแทบจะกลายเป็นการ์ตูนประจำครัวเรือนของแทบทุกบ้านเลยก็ว่าได้

 

ความสำเร็จที่อยู่เหนือความหมายคือ Aladdin ใช้ทุนสร้างเพียง 28 ล้านเหรียญฯ แต่กลับทำรายได้ทั่วโลกสูงถึง 504 เหรียญฯ มนต์เสน่ห์ที่ตราตรึงที่สุดคงจะหนีไม่พ้นเพลงประกอบภาพยนตร์อย่าง A Whole New World ซึ่งกลายเป็นบทเพลงคลาสสิคระดับตำนานและโด่งดังข้ามกาลเวลามาถึงทุกวันนี้ (พ่วงด้วยการคว้ารางวัลออสการ์สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและรางวัลแกรมมี่อวอร์ดส์สาขา Song of the Year อีกด้วย)

เรื่องราวใน Aladdin ของดิสนีย์โฟกัสไปที่อลาดิน หัวขโมยข้างถนนผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี หลังจากที่เขามีโอกาสได้พบกับเจ้าหญิงจัสมินโดยบังเอิญในตลาดกลางเมือง ทว่าทุกย่างก้าวการเคลื่อนไหวของอลาดินกลับถูก จาฟาร์ เสนาบดีของสุลต่านจับตามองทุกฝีก้าวและเลือกให้เขาเป็นคนที่ต้องลงไปเอาตะเกียงวิเศษในถ้ำกลางทะเลทราย ทว่าหลังจากที่อลาดินได้ตะเกียงวิเศษมาแล้ว เขาบังเอิญปลดปล่อยยักษ์ในตะเกียงอย่างจินนี่ออกมา อิทธิฤทธิ์ของจินนี่สามารถบันดาลพรวิเศษ 3 ประการที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของอลาดินไปตลอดกาล

อันที่จริงเวอร์ชั่นไลฟ์แอ็คชั่นของผู้กำกับกาย ริชชี่ นั้นรีเมคเหตุการณ์ในแอนิเมชั่นออกมาแบบฉากต่อฉาก (ไม่ต่างจากไลฟ์แอ็คชั่นเรื่องก่อนๆของดิสนีย์นั่นแหละ) แต่หนังก็ยังเลือกที่จะใส่รายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติมเข้าไปในหนัง เพื่อเพิ่มความสมเหตุสมผลของเรื่องราวในฐานะที่ตัวละครเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่อลาดินพาเจ้าหญิงจัสมินมาหลบยังที่พักของตัวเองจากการถูกตามไล่ล่าในท้องตลาด การเพิ่มเหตุผลว่าทำไมเจ้าหญิงจัสมินถึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมานอกพระราชวัง มนต์วิเศษของยักษ์จินนี่ทำไมถึงไม่มีใครจดจำใบหน้าที่แท้จริงของอลาดินหลังจากกลายเป็นเจ้าชายได้ และอีกหลายเหตุผลที่ไม่เคยได้รับการอธิบายในเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น ในไลฟ์แอ็คชั่นเรียกว่าอุดรอยรั่วเหล่านี้ได้อย่างน่าสนใจ

ยิ่งไปกว่านั้นการเพิ่มบทบาทและคาแรกเตอร์ของเจ้าหญิงจัสมิน (นาโอมิ สก็อตต์) ให้เป็นมากกว่าแค่ “ตัวละครเจ้าหญิง” ด้วยการให้เธอมีบทบาทในการแสดงความคิดเห็นเชิงการเมืองการปกครอง การมองเห็นบริบทแวดล้อม การหลีกเลี่ยงระบอบการคลุมถุงชนเพื่อประคับประคองอาณาจักร ซึ่งเป็นที่มาของเพลงเอกของเจ้าหญิงจัสมิน ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น แต่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในเวอร์ชั่นนี้อย่างเพลง Speechless ซึ่งเป็นเพลงที่สามารถอธิบายแนวคิดเชิงเฟมินิสต์ (แนวคิดเชิงความเสมอภาคของสิทธิสตรี) ของเจ้าหญิงจัสมินในเวอร์ชั่นปี 2019 อีกด้วย

สำหรับผู้เขียนแล้ว Aladin ในเวอร์ชั่นไลฟ์แอ็คชั่นนั้น เป็นการรีเมคที่ยังคงดูสนุก บันเทิง มีรายละเอียดปลีกย่อยที่คนเคยดูแอนิเมชั่นมาแล้วก็จะไม่เบื่อ คนที่ไม่เคยดูมาก่อนก็ยังสามารถเข้าใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้น บทเพลงคลาสสิกที่เคยสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมาแล้ว นำมาทำใหม่ก็ยังคงคุณภาพมาตรฐานเช่นเคย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook