[รีวิวซีรีส์] SKY Castle ซีรีส์เกาหลีที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ห้ามพลาด
เรียกได้ว่า Sky Castle กลายเป็นซีรีส์ระดับปรากฎการณ์ที่ทุบสถิติขึ้นเป็นอันดับ 4 ซีรีส์ช่องเคเบิลทีวีเกาหลีที่เรตติ้งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ และเพิ่งกวาดรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม (โจฮยอนแทค) นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (ยัมจุงอา) และ นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (คิมบยองชุล) จากเวทีแบคซังอวอร์ดครั้งที่ 55 มาหมาดๆ โดยปัจจัยความสำเร็จมากมายที่ทำให้มันกลายเป็นซีีรีส์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงมีอะไรบ้างนั้น เรารวบรวมไว้ให้แล้ว
ซีรีส์สะท้อนค่านิยมการแข่งขันทางการศึกษาในเกาหลีได้อย่างถึงแก่น
เอาจริงๆจะว่ามันสะท้อนแค่เกาหลีก็คงไม่ใช่ เพราะต่อให้เมืองไทยที่มีระบบการคัดเลือกเข้าเรียนต่อที่่ต่างกันแต่ค่านิยมเรื่องการศึกษาของพ่อแม่แทบไม่ต่างกัน และเด็กๆก็ยังทุกข์ทรมานกับระบบการศึกษาเหมือนๆกัน จนเรื่องราวที่หนังบอกเล่าทำงานกับคนดูในระดับสะเทือนจิตใจแทบทุกตอน โดยเฉพาะการสร้างตัวละครพ่อแม่แต่ละคนที่แทบถอดแบบพ่อแม่ในยุคปัจจุบัน รวมถึงค่านิยมการแข่งขันแย่งที่นั่งในมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงเพื่อทำให้พ่อแม่ภูมิใจ ที่ท้ายสุดกลายเป็นผลกรรมที่ตกกับลูกก็น่าจะเป็นข้อคิดดีๆให้พ่อแม่ที่ชมได้อย่างแน่นอน
และที่ทำให้เห็นว่าบทของซีรีส์มีความละเอียดละออก็ไม่เพียงเรื่องราวของลูกๆเท่านั้น แต่ยังลามไปในส่วนของพ่อแม่ โดยเฉพาะสงครามแย่งตำแหน่งที่โรงพยาบาลระหว่างหมอคังและหมอฮวังที่มีทั้งชื่อมหาวิทยาลััย ความสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องที่มักเล่นพรรคพวกกันเอง ที่ทำให้เห็นว่าการศึกษาจากมหาวิทยาลัยดังๆบางครั้งก็ไม่ช่วยการันตีว่าจะยกระดับจิตใจของคนจบมาแต่อย่างใด โดยเฉพาะอาชีพแพทย์ที่ทำให้เราเห็นความจริงอันน่าขยะแขยงเมื่อธุรกิจบีบให้หมอต้องผ่าตัดเพื่อเอาเงินเข้าโรงพยาบาลจนเกิดความผิดพลาดกับคนไข้ ที่ช่วยสะท้อนได้ดีเหมือนกันว่าท้ายที่สุดคนที่จบมหาวิทยาลัยดังๆก็ขาดจรรยาบรรณได้หากปล่อยให้ความโลภมาบดบังจิตใจ แถมบทเรียนราคาแพงที่ หมอคัง ได้รับก็สาสมกับสิ่งที่เขาทำจนชวนสะเทือนจิตใจไม่น้อยเลย
รากฐานความสำเร็จในชีวิตของลูกเริ่มที่ครอบครัว
อาจมีซีรีส์มากมายที่พูดถึงความรักความสัมพันธ์ในครอบครัว แต่ Sky Castle กลับโดดเด่นด้วยคาแรกเตอร์ครอบครัวที่ผ่านการคิดวิเคราะห์และนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะครอบครัวของศาสตราจารย์ชาที่ในเรื่องเรามักเห็นการเปรียบเทียบคนกับปิรามิด และมักยกเรื่องราวครอบครัวของตนที่เริ่มจากศูนย์แล้วค่อยๆไต่เต้าจนมีเกียรติมากดดันลูก รวมถึงการเปรียบเทียบลูกสาวคนโตที่เรียนเมืองนอกกับลูกแฝดของตนก็สะท้อนถึงค่านิยมผิดๆและแนวคิดการเลี้ยงดูบุตรของคนเอเซียได้อย่างเห็นภาพชัดเจนมาก ซึ่งซีรีส์ก็ไม่ได้บอกเล่าแบบขาวจัดดำจัดแต่มันค่อยๆโน้มน้าวให้เราเห็นข้อดีข้อเสีย จนกระทั่งชะตากรรมตัวละครอันยากจะคาดเดานี่แหละที่เป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับศาสตราจารย์ชาซึ่งเป็นตัวแทนพ่อแม่ที่ชอบแบ่งแยกชนชั้นได้อย่างเข้าอกเข้าใจและเสนอทางออกที่เชื่อได้ว่าจะช่วยให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติในการเลี้ยงลูกใหม่ได้อย่างแน่นอน
ซึ่งมันก็ช่วยเสริมให้เรื่องราวพลอตหลักใน Sky Castle ยิ่งแข็งแรงเข้าไปอีก เพราะนอกจากศูนย์กลางของเรื่องอย่างการพยายามส่งลูกสาวเข้าเรียนแพทย์ของครอบครัวคังจนเยซอกลายเป็นคนเสพย์ติดการแข่งขันจนเป็นคนไร้สังคมแล้ว อีกตัวละครที่ดูเหมือนตัวตลกของเรื่องอย่าง จินจินฮี ที่ดูเป็นคุณแม่ไร้สติก็กลับกลายเป็นคนที่เข้าใจลูกที่สุด แม้จะดุด่าและตีลูกบ้าง แต่กลับเป็นคุณแม่ที่มีฉากกอดลูกมากที่สุดในเรื่อง ที่ช่วยให้เห็นตัวอย่างในการเลี้ยงดูลูกให้มีความสุขเหนือเรื่องการเรียนที่เน้นแต่ได้เกรดดีๆเหมือนครอบครัวอื่น ซึ่งในซีรีส์มีตัวอย่างการเลี้ยงลูกของแต่ละครอบครัวที่ต่างกันให้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นภาพอย่างชัดเจน
เหนือการเทศนาสั่งสอน คือเรื่องราวที่เข้มข้นและความเป็นภาพยนตร์..จนหยุดดูไม่ได้..
สิ่งที่ทำให้ Sky Castle ประสบความสำเร็จคงหนีไม่พ้นบทซีรีส์ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว และที่สำคัญคือมันเป็นซีรีส์ที่มีบทสุดระทึก การสร้างโลกของหมู่บ้านคนรวยในสกายแคสเซิลถูกคิดมาเป็นอย่างดี รายละเอียดต่างๆถูกนำมาใส่อย่างละเอียดละออ โดยหลังจากเราทึ่งกับโลกลับๆของคนรวยที่ต้องหาตัวช่วยให้ลูกของตนสอบติดมหาวิทยาลัยด้วยการเข้าประชุมกับธนาคารชั้นนำที่แอบติดต่อผู้ประสานงานคณะติวเตอร์มาบริการลูกค้าแล้ว มันยังมีเงื่อนปมการฆาตกรรมที่ต้องบอกว่าเดายังไงก็เดาไม่ถูกแถมมันยังมาเสริมกับข้อคิดเรื่องการเลี้ยงลูกและค่านิยมทางการศึกษาซึ่งเป็นข้อคิดหลักของเรื่องได้อย่างกลมกล่อมอีกด้วย
ทีมนักแสดงระดับตัวแม่ ทั้งฟาด ทั้งเชือดเฉือน
และอีกจุดเด่นคือเหล่านักแสดงที่แทบทำให้เราไม่อาจละสายตาจากจอได้เลยโดยเฉพาะ ยัมจุงอา ในบทฮันซอจิน คุณแม่ที่ทำทุกทางแม้จะยอมเอาครอบครัวไปเสีี่ยงเพียงเพื่อเกรดของลูกสาวที่เล่นได้แบบตีบทแตกกระจุย เพราะในขณะที่เราหมั่นใส้กับความมั่นหน้าและบุคลิกสุดร้ายกาจที่พร้อมแทงข้างหลังคนอื่นตลอดเวลาแต่เมื่อถึงคราวเธอได้รับบทเรียนคนดูก็ไม่อาจใจร้ายเกลียดเธอได้ลงคอและมันยังสะท้อนถึงความเป็นมนุษย์แม่ได้อย่างน่าเห็นใจและสมจริงจนรางวัลที่เธอได้คือเครื่องการันตีฝีมือการแสดงอย่างไร้ข้อกังขา ตีคู่ที่ได้เข้าชิงสาขาเดียวกันอย่าง คิมซอฮยอง ในบทโค้ชคิมสุดร้ายกาจก็เต็มไปด้วยมิติอันซับซ้อนเป็นตัวละครสีเทาที่น่าศึกษาการสร้างตัวละครเอามากๆ เพราะภายใต้บุคลิกอันน่าเชื่อถือที่รู้แม้กระทั่งอุณหภูมิแสงและห้องที่ทำให้ท่องหนังสือแต่ละวิชาได้ดีคือความอำมหิตที่คนดูแอบเสียงสันหลังวาบทุกครั้งที่เธอปรากฎบนจอ รวมไปถึงเหล่านักแสดงวัยรุ่นหน้าตาดีชวนกรี๊ดที่ไม่ได้ขายแค่หน้าตาแต่บทบาทการแสดงยังจัดอยู่ในระดับน่าพอใจเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย
รับชม Sky Castle ทั้ง 20 ตอนได้ 2 ช่องทาง ได้แก่ Viu Thailand และ Netflix (ช่อง 7HD เร็วๆ นี้)
อัลบั้มภาพ 9 ภาพ