สวัสดี “ชนชั้นปรสิต” ใน Parasite
ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับชาวเกาหลีอย่าง “บงจุนโฮ” ซึ่งมีผลงานหนังเรื่องดังอาทิ The Host หรือ หนังที่เขาข้ามน้ำ ข้ามทะเลไปกำกับให้กับฝั่งฮอลลีวูดอาทิ Snowpiercer และ Okja เป็นต้น โดยการกลับมาครั้งนี้กับ Parasite ถือเป็นหนังสัญชาติเกาหลีแบบเต็มตัว ที่รับประกันได้ว่า จะทำให้คนดูเหวอตลอดทั้งเรื่องที่รับชม
คำขอร้องจากตัวผู้กำกับ “บงจุนโฮ”
ในปัจจุบัน เป็นยุคสมัยที่ผู้ชมภาพยนตร์ค่อนข้างตื่นตัวกับเรื่องการโดน “สปอยล์” เรื่องราวในหนังเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ตัวผู้กำกับหลายคน ออกมาร้องขอให้ผู้ชมที่ได้ดูหนังก่อนคนอื่น งดเปิดเผยเรื่องราวที่อยู่ในหนัง โดยกรณีล่าสุด สองพี่น้องรุสโซ่ ได้ส่งจดหมายถึงแฟนหนังมาร์เวลทั่วโลกขอความร่วมมือในการ “งดสปอยล์”หนัง Avengers: Endgame เป็นต้น
เช่นเดียวกันกับหนังอย่าง Parasite ที่เรียกได้ว่า ถึงจะไม่มีฉากแอ็คชั่น โครมครามใหญ่โต แต่ตัวผู้กำกับก็บอกเลยว่าในหนังเรื่องนี้จะเล่นกับความคาดหวังของคนดูและพลิกสถานการณ์ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งตัวผู้กำกับก็ออกมาร้องขอแฟนหนัง และสื่อมวลชน ที่กำลังจะเขียนรีวิว หรือบทวิจารณ์ ว่าให้ระวังในการเปิดเผยเรื่องราวในหนังเรื่องนี้ ให้น้อยที่สุด เท่าที่จะทำได้
แล้วแบบนี้เราจะรับรู้อะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ได้บ้างล่ะ ?
เรื่องราวที่คนดูควรรู้แบบพอคร่าวๆก่อนชม Parasite คือหนังเรื่องนี้ได้เล่าเรื่องราวของครอบครัวตระกูลคี อันประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 4 คน แม้จะเป็นครอบครัวเล็กๆที่ดูอบอุ่นก็ตาม แต่พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนตกงานด้วยกันทั้งสิ้น จนกระทั่งลูกชายคนโตของบ้านได้รับข้อเสนอจากเพื่อนบ้านที่จัดได้ว่าร่ำรวยมีอันจะกิน และศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ได้เสนอให้คีวู เข้าไปทำงานเป็นติวเตอร์ซึ่งอาชีพดังกล่าวจะทำเงินให้อย่างมหาศาล การที่คีวูต้องไปทำงานให้กับตระกูลพัคซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ได้สร้างแรงกดดันให้กับตัวของเขาเอง และเหมือนกับเขาจะต้องแบกความคาดหวังของครอบครัวเอาไว้บนบ่า และแล้วเมื่อครอบครัวทั้งสองตระกูลได้มาพบกัน เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและเหนือการคาดเดาก็เริ่มต้นขึ้น
เปิดตัวแรงจัด จนทั่วโลกจับตามอง
หลังจากที่ Parasite ได้ไปเปิดตัวที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ครั้งที่ 72 ประจำปี 2019 และได้คว้ารางวัลสูงสุดของเทศกาลอย่างรางวัลปาล์มทองคำมาครอง (Palme d’Or) หรือภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งการคว้ารางวัลนี้ คือการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับภาพยนตร์จากประเทศเกาหลีใต้เรื่องแรกที่สามารถคว้ารางวัลนี้มาครอบครอง นอกจากนี้เสียงตอบรับของหนังเรื่องนี้จากในเทศกาลนี้ พูดไปในทิศทางเดียวกันว่า Parasite นั้น พิเศษกว่าการเป็นหนังเรื่องใหม่ของบงจุนโฮ แต่ยังถือเป็นการเริ่มทิศทางใหม่ในการเป็นผู้กำกับของเขาด้วย
อีกทั้งอรรถรสที่ผู้ชมจะได้รับจากหนังเรื่องนี้ คือการที่ผู้ชม “ไม่รู้อะไรมาก่อน” ทำให้คาดเดาไม่ได้เลยว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังประเภทใดกันแน่ มันอาจจะเต็มไปด้วยอารมณ์อันแสนหลากหลายไม่ว่าจะเป็น หนังตลกร้าย การใส่ประเด็นทางสังคมเข้ามาในหนัง การเล่นกับความรู้สึกของผู้ชม ความตื่นเต้น ซึ่งแม้ว่าจะมีความหลากหลายในหนังเรื่องนี้ แต่สิ่งที่ผู้ชมจะสามารถสัมผัสได้ร่วมกันก็คือ การสะท้อนประเด็นที่ว่าสังคมสมัยปัจจุบันนี้ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ชมในสังคม ยุคสมัยที่สภาพเศรษฐกิจได้สร้างความเหลื่อมล้ำในสังคม ทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นถูกขยายตัวให้กว้างขึ้นไปทุกที ความไม่เสมอภาคเริ่มทวีความรุนแรง ผู้คนจำนวนมากในโลกเริ่มสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวัง ความพยายามในการกล่าวโทษในสิ่งต่างๆ การหาวิธีการแก้ปัญหาด้วยวิธีการง่ายๆ ซึ่ง Parasite ต้องการนำเสนอความซับซ้อนอย่างซื่อตรง เป็นความท้าทายที่พวกเราทุกคนทั่วโลกต้องเผชิญ และเป็นเป้าหมายที่ไปถึงได้ยากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาเลยผ่านไป
ทำความรู้จักชนชั้นปรสิตอีกนิดหน่อย
กลุ่มตัวละครหลักในหนังเรื่องนี้ จริงๆแล้วพวกเขาจัดได้ว่าเป็นครอบครัวชนชั้นล่างที่อาศัยอยู่ในจุดต่ำสุด นั่นก็คือชั้นใต้ดินของอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง ซึ่งเขาคาดหวังแค่ว่า วันหนึ่งจะมีชีวิตที่ดีขึ้นและไม่ได้ต้องการอะไรเป็นพิเศษ แค่ “ความหวังเล็กๆ” ยังเป็นเรื่องจริงได้ยาก เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เมื่อผู้เป็นพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวยังประสบความล้มเหลวทางธุรกิจมาหลายครั้ง ผู้เป็นแม่เคยเป็นนักกีฬาที่ฝึกฝนมายาวนานแต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จสักครั้ง เช่นเดียวกันกับบรรดาลูกๆบ้านที่ไม่ค่อยจะฉลาดนักและทำให้สอบตกบ่อยจนไม่มีโอกาสที่จะเข้ามหาวิทยาลัยได้สักที
ตรงกันข้ามกับครอบครัวของคุณพัค ที่เป็นถึง CEO บริษัทไอที เป็นคนเก่ง มีความสามารถ ร่ำรวย มีภรรยาหน้าตาดี สวย มีลูกๆที่กำลังน่ารักและอยู่ในวัยเรียน ซึ่งครอบครัวนี้ก็ถูกมองว่าเป็นครอบครัวในอุดมคติท่ามกลางสังคมชั้นสูงด้วยกันเองเช่นกัน
ความแตกต่างดังกล่าวคือวิธีการสะท้อนความไม่เท่าเทียมกันในสังคมในยุคสมัยแห่งทุนนิยมและไม่มีทางเลือกอื่นใด ซึ่งสภาพสังคมแบบนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นแค่เพียงในประเทศเกาหลีเท่นั้น แต่ทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหานี้ โดยในโลกแห่งความเป็นจริง ตัวละครจากสองครอบครัวจะไม่มีวันมาเจอกันได้อย่างเด็ดขาด สิ่งเดียวที่จะทำให้พวกเขาได้เจอกันมีแค่เพียง “การจ้างงาน” เท่านั้น และจากจุดเล็กๆนี้เอง หนังเรื่อง Parasite ก็เล่นสนุกกับจุดเล็กๆดังกล่าวนั่นเอง
เรื่องราวและสิ่งที่หนังต้องการจะสะท้อนออกมานั้นจะดุเดือดแค่ไหน คงต้องไปติดตามกันเอาเองในหนัง ซึ่งจะเข้าฉายในประเทศไทย วันที่ 25 กรกฎาคม 2562 ในเครือโรงภาพยนตร์ชั้นนำ