“Parasite” แรงอัดที่ทำให้คนจนต้องระเบิด
ปกติเวลาดูหนังสักเรื่องจบผมใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ในการย่อยหนังที่ดูออกมาเป็นงานเขียนหรือบทความ นานกว่านั้นกลัวจะลืมและเดดไลน์ส่งต้นฉบับก็จะผิดเพี้ยนไปด้วย ที่เล่าเรื่องนี้เพราะว่า นับจากวันที่ได้ดู Parasite หนังเรื่องล่าสุดของ บง จุนโฮ (ผู้กำกับ Okja, Snowpiercer, The Host) ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงหนังปาล์มทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปีล่าสุด จนถึงวันที่เขียนต้นฉบับชิ้นนี้ ผมใช้เวลาตั้ง 10 วันแน่ะครับกว่าจะรวบรวมและเรียบเรียงความคิดให้เป็นระบบ (หากว่าผมมีสิ่งนั้นน่ะนะ) ได้ 10 วันที่ว่านี้ 5 วันแรกผมใช้ไปกับรักษาอาการจุก อกไหม้ใจขม ส่วน 5 วันหลังก็หมดไปกับการคิดถึงมันอย่างจริงๆ จังๆ
ครับ ยอมรับเลยว่า Parasite เป็นหนังที่สั่นสะเทือนข้างในใจผมจริงๆ
พูดอย่างนี้ก็อย่าได้คิดว่ามันเป็นหนังที่ดูยากนะครับ ยิ่งดีกรีรางวัล Palm D’or ที่หนังได้รับมา นี่อาจทำให้หลายคนหวาดหวั่นหรือกริ่งเกรงว่ากลัวจะดูไม่รู้เรื่อง แต่อย่าลืมว่าแนวโน้มของการให้รางวัลปาล์มทองคำช่วง 2-3 ปีหลังก็ให้หนังที่ไม่ได้ถึงกับดูยากมากหากยังจำได้ปีที่แล้วที่ Shoplifter ของ โคเรเอดะ ได้รางวัลไปก็ไม่ใช่หนังที่ดูยาก (โอเค The Square อาจจะเซอร์ขึ้นมาหน่อย) แต่สำหรับ Parasite ไม่ใช่หนังดูยากอย่างที่คิดเลย แต่ผมคิดว่ามันเป็นหนังที่มีการตีความได้หลายระดับแตกต่างกันไป ดูเอาสนุกก็สนุกระทึกใจ ตื่นเต้น และตลกมาก แต่พอดูเอาใคร่ครวญก็สั่นคลอนในใจเหมือนที่ผมเป็นอยู่หลายวัน ก็นับว่าเป็นความเหนือชั้นของ บง จุนโฮ นะครับ ที่สามารถทำหนังข้ามไปข้ามมาระหว่างให้ความบันเทิงและมอบอะไรให้ผู้ชมขบคิดได้อย่างลงตัว ไม่บีบบังคับผู้ชมให้เลือกทางใดทางหนึ่งได้อย่างแนบเนียน
Photo by Pascal Le Segretain/Getty Images
ซึ่งประเด็นจริงๆ ของ Parasite นั้นผมมองว่ามันใหญ่มากนะครับ คือหนังพูดถึงความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นของสังคมเกาหลีใต้ การไม่สามารถแบ่งปันทรัพยากรสาธารณะให้ทั้งสองชนชั้น (คนจนและคนรวย) เข้าถึงร่วมกัน จนคนที่อยู่ระดับล่างกว่า (ก็คนจนนั่นแหละครับ) กลายเป็นชนชั้นที่ต้องอยู่ในภาวะถูกบีบอัด กดทับ ถูกเหยียบข่มไว้ด้วยโครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจที่ไม่อำนวยให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและดำรงตัวตนไว้ได้ในฐานะมนุษย์ จนกระทั่งแรงบีบอัดนั้นระเบิดออกมา ผลจากแรงระเบิดนั้นได้ทำลายทั้งตัวพวกเขาเอง และคนที่อยู่ในชนชั้นสูงกว่า ครับ Parasite ในความคิดของผมมันพูดอะไรแบบนั้นเลยล่ะครับ ดูแล้วก็เจ็บ ดูแล้วก็จุก (แถมส่วนตัวคือ ดูแล้วก็สมเพชตัวเองที่เกิดมาจนด้วย ฮ่าๆ) แถมยังอดหวนคิดถึงชนชั้นทางสังคมบ้านเราที่มีทั้งความเหมือน และความต่างที่ก็ดูคล้ายๆ กันอย่างอดไม่ได้
อ่านที่ผมเขียนมาถึงตรงนี้ก็ย้ำอีกครั้งว่าท่านไม่จำเป็นต้องดูเพื่อหาสิ่งที่อยู่ในย่อหน้าข้างต้นนั่นก็ได้ ดูเพื่อความสนุกบันเทิงผมก็เชื่อว่า Parasite มอบให้ท่านได้แบบครบรส ทั้งสนุก ตื่นเต้น เอาใจช่วยตัวละคร รวมทั้งเศร้าสะเทือนใจ ก็น่าจะถือว่าบรรลุวัตกุประสงค์ในฐานะหนังเรื่องหนึ่งแล้ว แต่ถ้าท่านได้ใคร่ครวญมากไปกว่านั้น ก็ถือว่าหนังพาท่านดิ่งลึกลงไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดี
ยกเว้นว่าท่านเป็นคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลความเป็นอยู่ของผู้คนในประเทศ ถ้าท่านดูเรื่องนี้แล้วท่านได้แค่ความสนุกตื่นเต้นเพียงเท่านั้นก็ถือว่าน่าผิดหวัง ถ้าท่านมองไม่เห็นความเหลื่อมล้ำ มองไม่เห็นการออกแบบโครงสร้างที่มีปัญหา มองไม่เห็นคุณค่าของมนุษย์ และมองไม่เห็นคนจนในหลากหลายมิติล่ะก็ ผมก็ผิดหวังในตัวท่านล่ะครับ เช่นเดียวกับที่ผมผิดหวังในตัวเองที่อุตส่าห์ใช้เวลาตั้ง 10 วันในการคิดถึงมัน (Parasite) แต่กลับเขียนออกมาได้เพียงเท่านี้
เอาน่ะ ไปดูกันเยอะๆ เลยครับ แนะนำอย่างแรง
ชมภาพยนตร์ตัวอย่าง Parasite ได้ ที่นี่