[รีวิว] โคนัน เดอะ มูฟวี่ 23 ศึกชิงอัญมณีสีคราม สิงคโปร์ยับ
“กำปั้นสีน้ำเงิน” บลูแซฟไฟร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งจมอยู่ในทะเลแถบสิงคโปร์พร้อมกับเรือโจรสลัดในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ได้ถูกมหาเศรษฐีท้องถิ่นเก็บกู้ขึ้นมา และนำมาอวดโฉมต่อหน้าสาธารณชน แต่กลับเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นที่มารีน่าเบย์แซนด์ส โดยในที่เกิดเหตุนั้นมีสาส์นเตือนของจอมโจรคิดที่เปื้อนเลือดตกอยู่… ขณะเดียวกัน รันกับโซโนโกะก็เดินทางมาชมการแข่งขันคาราเต้ที่จัดขึ้นที่สิงคโปร์พอดี ส่วนโคนันเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้เนื่องจากไม่มีพาสปอร์ต จึงต้องอยู่เฝ้าบ้าน แต่จอมโจรคิดต้องการใช้ประโยชน์จากโคนัน จึงใช้มายากลหลอกล่อพาตัวโคนันมายังสิงคโปร์ แถมยังจับเขาแปลงโฉมใหม่พร้อมกับยึดแว่นตา นาฬิกาข้อมือ และเสื้อผ้าไปหมดอีกด้วย หากไม่ยอมทำตามที่คิดบอก โคนันก็จะไม่สามารถกลับญี่ปุ่นได้ เมื่อถูกรันถามชื่อโดยที่ดูไม่ออกว่าคนที่เธอถามเป็นใคร โคนันจึงโมเมตอบไปว่าชื่ออาเธอร์ ฮิราอิ (!?) ต่อมาคิดก็ได้รับข้อมูลว่าบลูแซฟไฟร์หลับใหลอยู่ในตู้เซฟใต้ดินของคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ทีแรกนึกว่าลักลอบเข้ามาได้ง่ายๆ แต่แท้จริงแล้วที่นั่นมีกับดักสุดแสนอันตรายรอคิดอยู่ นั่นคือการเผชิญหน้ากับเคียวโกขุ มาโคโตะ นักคาราเต้สุดแกร่งผู้ไร้พ่าย 400 นัด ชะตากรรมของคิดจะเป็นเช่นไร…!? และน้ำสีแดงฉานที่ถูกปล่อยออกมาจากปากเมอร์ไลอ้อน สัญลักษณ์ของสิงคโปร์ ก็ราวกับเป็นลางบอกเหตุร้ายบางอย่าง!
แฟนการ์ตูนบ้านเราน่าจะไม่มีใครไม่รู้จัก เจ้าหนูแว่นยอดนักสืบ หรือเด็กนรกตัวซวยตลอดศกไปที่ไหนก็มีคนตายที่นั่น ฉายานามระบือไกลอย่าง โคนัน เป็นแน่ และถ้าใครเป็นแฟนโคนันตัวจริงก็ย่อมต้องเฝ้าคอย โคนันเดอะมูฟวี่ โพรเจกต์พิเศษที่เป็นแอนิเมชันฉายโรงขนาดยาวซึ่งเป็นเหมือนโคนันฉบับพิเศษที่จะออกมาเอาใจแฟน ๆ ด้วยคุณภาพของเนื้อหาที่ยิ่งใหญ่กว่าปกติอยู่เสมอ และในครั้งนี้ก็เป็นภาคที่ 23 แล้วเช่นกันกับชื่อ ศึกชิงอัญมณีสีคราม
สำหรับส่วนที่ชอบของภาคนี้คงเป็นการยำใหญ่ที่นำ จอมโจรคิด ตัวละครจากผลงานอีกเรื่องของอาจารย์ อาโอยามา โกโช มาเพิ่มความวายป่วง และก็เป็นกำไรของคนดูอีกต่อที่จะได้ชม 2 ตัวเอกจาก 2 เรื่อง มาครอสโอเวอร์กัน แม้จะไม่ใช่เรื่องแรกที่เราได้เห็นทั้งคู่ปรากฏตัวร่วมกัน แต่ในภาคนี้มันเพิ่มความสนุกตรงที่สถานการณ์บีบบังคับให้ทั้งคู่ต้องร่วมมือกันด้วยจุดประสงค์เป้าหมายที่แตกต่าง คิดต้องการขโมยอัญมณีและพิสูจน์ว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้น ด้านโคนันก็ถูกลักพาตัวมาทั้งยังถอดเขี้ยวเล็บอุปกรณ์ไฮเทคออกหมด โดยต้องช่วยพิสูจน์ให้คิดพ้นผิด ในขณะเดียวกันก็ต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริง และปกป้อง รัน เพื่อนสาวไปพร้อมกัน
ความสนุกยังเพิ่มไปอีก เพราะมีปัจจัยที่ 3 ที่เข้ามาป่วนมากขึ้นทั้งเรื่องราวความรักของโซโนโกะ กับนักคาราเต้ เคียวโกขุ ซึ่งอีกด้านคือคู่ปรับตัวฉกาจของจอมโจรคิดด้วย แล้วยังเรื่องของฆาตกรรมลึกลับที่วนเวียนอยู่รอบเพชร แล้วมีกลุ่มก้อนแก๊งต่าง ๆ มาเกี่ยวพันวุ่นวายทั้งเศรษฐีแห่งเกาะสิงคโปร์ อดีตนักจิตวิทยาอาชญากรรมที่ผันตัวมาทำบริษัทความปลอดภัย ทั้งตำรวจสิงคโปร์ และแก๊งโจรสลัดอีก คือเดาไม่ถูก ถึงถูกก็ถูกได้ไม่หมด เพราะแฟกเตอร์ต่าง ๆ ประเคนมาอัดแน่นมาก ๆ ขนาดที่ว่าไม่มีเรื่ององค์กรชุดดำมาเอี่ยว ไม่มีบทให้แก๊งนักสืบเด็กมาวุ่น ยังคับคั่งได้สุด ๆ สำหรับหนังการ์ตูนเรื่องหนึ่งแล้วนะ นี่คุ้มสุด ๆ
ส่วนที่ไม่ค่อยชอบก็คงตรงที่ฉากหลังเป็นสิงคโปร์ บ้านใกล้เรือนเคียงพี่ไทยนี่เองล่ะ ไม่ใช่รังเกลียดอะไรประเทศนี้แต่อย่างใด แต่พอมันใกล้เรามาก ๆ เราก็เลยแทบไม่ค่อยอินกับความเว่อวังสไตล์หนังเดอะมูฟวี่ของโคนัน ที่มักระเบิดภูเขาเผากระท่อมอยู่เนือง ๆ ไหนจะเมอไลออนที่พ่นเลือดสีแดงออกมา ไหนจะระเบิดในอ่าวมารีนาเบย์ คือเว่อสุด เว่อแบบบ้าพลังมาก ๆ แต่พอเราคุ้นสถานที่จริงมาก เราก็เลยยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่ เก็ตมั้ยอ่ะ แบบถ้ามีการ์ตูนเล่าว่าผู้ก่อการร้ายระเบิดภูเขาทองทำให้เจดีย์กลิ้งลงมาหมุนเป็นลูกข่าววนรอบสนามหลวง …เราควรจะตื่นเต้นตกใจ หรือคิดว่าอะไรของมรึงง กันล่ะ 55 ก็ประมาณนั้น
แต่ไม่นับความเว่อที่ขัดมาก ๆ กับแนวเรื่องเชิงสอบสวนที่อาศัยหลักตรรกะเหตุผลในการคลี่คลายคดีแล้ว ก็ถือว่าเป็นแอนิเมชั่นที่มันสะบัด คุ้มค่าตั๋ว คุ้มเวลาทุกนาทีสุด ๆ ทั้งมัน ทั้งฮา ได้ใจสายการ์ตูนจริง ๆ
อ่อแจ้งแฟน ๆ โคนันก่อน สำหรับภาคนี้เป็นเอ็กซ์คลูซีฟที่ฉายเฉพาะโรงในเครือเอสเอฟเท่านั้นนะ รีบไปดูเลย