รีวิว Crawl สานสัมพันธ์พ่อลูก หนีตายจากจระเข้!
หนังอย่าง Crawl อันเป็นผลงานการกำกับของ อเล็กซองเดร เอจา ผู้กำกับที่มีผลงานหนังโหด อาทิ High Tension, The Hills Have Eyes และ Piranha 3D โดยในแต่ละเรื่องสามารถการันตี ปริมาณของเลือดปลอมที่ถูกใช้ในการถ่ายทำ นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องความโหด อเล็กซองเดร เอจา นั้นยังถือเป็นผู้กำกับที่ทำหนังได้สนุกสุดทางของหนังแนวนี้เช่นกัน
สำหรับ Crawl เป็นหนังที่มีจุดขายชัดเจน บอกเล่าเรื่องราวของ “จระเข้หลุด” ที่ออกมาอาละวาดในช่วงเหตุการณ์พายุเฮอริเคนถล่มเมืองพอดิบพอดี และหนังก็ไม่ได้ทำตัวเกินเลยไปกว่า การเป็นหนังที่ตั้งใจจะสร้างความบันเทิงแต่เพียงอย่างเดียว พูดง่ายๆ ว่ามันเป็นหนัง “ดูเอามันส์” ไม่ต้องไปดูเอาประเด็นทางสังคมแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามหนังบันเทิงที่ดีนั้น หนังต้องสามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ชม ทำความเข้าใจกับตัวละครหลักของเรื่อง และสิ่งที่เธอต้องเผชิญหน้า โดยเฉพาะ เฮลีย์ (คายา สโคเดลาริโอ) สาวนักว่ายน้ำประจำมหาวิทยาลัย ซึ่งหลังจากที่เธอทราบข่าวว่าพายุเฮอริเคนกำลังจะพัดถล่มเมือง ทำให้เธอนึกถึงพ่อ (แบร์รี่ เปปเปอร์) ของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะโทรศัพท์ติดต่อนานแค่ไหน พ่อของเธอก็ไม่ยอมรับสายสักที ด้วยความเป็นห่วง เธอจึงขับรถฝ่าฝนเข้าไปในย่านที่กำลังจะกลายเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ
หลังจากที่ออกสำรวจบริเวณบ้านอย่างถ้วนถี่ เธอกลับพบว่าพ่อของเธอนั้น นอนสลบไม่ได้สติอยู่ที่ชั้นใต้ถุนบ้านอันแสนอับชื้น เฮลีย์ต้องตกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเธอพบว่าพ่อของเธอถูกจระเข้โจมตีเป็นแผลเหวอะ และมันยังจ้องเล่นงานเฮลีย์อีกด้วย สองพ่อลูกต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากใต้ถุนบ้านให้ไวที่สุด ก่อนที่ระดับน้ำที่เอ่อล้นจากริมแม่น้ำหลังบ้านจะเข้าท่วมและอาจจะทำให้พวกเขาจมน้ำตาย แต่นั่นหมายความว่าพวกเขาก็ต้องชิงไหว ชิงพริบกับเหล่าจระเข้ที่จ้องจะงาบพวกเขาเป็นอาหารด้วยเช่นกัน
ท่ามกลางวิบากกรรมของตัวละคร ที่ดูเหมือนจะต้องเผชิญหน้ากับความซวยซ้ำซากไม่มีวันจบสิ้น อาทิ นางเอกทำโทรศัพท์หล่นกลางคันระหว่างมาช่วยพ่อ พยายามร้องขอความช่วยเหลือจากคนนอกบ้านแต่กลายเป็นว่าพวกเขากำลังจะกลายเป็นเหยื่อจระเข้ ทางออกจากห้องใต้ถุนที่ถูกปิดตาย ฯลฯ อันล้วนแล้วแต่เป็นความ “จงใจ” ของผู้กำกับที่สร้างสถานการณ์จนตรอกให้กับตัวละคร เพื่อเป้าประสงค์เดียว นั่นคือการสร้างความลุ้นระทึกให้กับคนดูได้เปิดประสบการณ์ร่วมไปกับตัวละครในเรื่อง ให้อยากจะเอาใจช่วยพวกเขาให้รอดพ้นไปจากวิกฤติครั้งนี้
ขณะเดียวกันระหว่างทางของหนัง ก็ยังพักให้คนดูได้หายใจ หายคอ ผ่านเรื่องราวความสัมพันธ์ของสองพ่อลูก ที่ดูเหมือนจะห่างเหินกันพอสมควรหลังจากการหย่าร้าง เหตุการณ์เอาชีวิตรอดจากจระเข้ครั้งนี้ จึงกลายเป็นเหมือนบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิตของทั้งสองว่า บางครั้งความสุขของการเป็นครอบครัวนั้นคือความอบอุ่นของการอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตานั่นเอง