47 Meters Down: Uncaged หนังฉลามดุกับเขาวงกตใต้ทะเล
หลังจากที่สองสัปดาห์ก่อน หนังจระเข้สุดโหดและพายุเฮอร์ริเคนที่พัดถล่มเมืองจนทำให้สองพ่อลูกต้องหนีตายทั้งจระเข้และระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่าง Crawl เพิ่งจะเข้าฉายในบ้านเราไปหมาดๆ สัปดาห์นี้ หนังฉลามภาคต่อ อย่าง 47 Meters Down: Uncaged ก็พร้อมแล้วที่จะกลับมาสร้างความระทึกให้กับผู้ชมอีกครั้ง
ย้อนรอยความสำเร็จของหนังภาคแรก
47 Meters Down หนังสยองขวัญ ว่าด้วยนักท่องเที่ยวผู้โชคร้ายและปลาฉลามที่แสนหิวโหย เมื่อสองศรีพี่น้องคู่หนึ่งที่ดูจะไม่ได้เข้าขากันสักเท่าไหร่ ตัดสินใจไปเที่ยวทะเลเม็กซิโกเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ จนกระทั่งเมื่อพวกเขาเจอกับผู้ประกอบการท้องถิ่นที่นำเสนอการท่องเที่ยวเชิงหวาดเสียว ด้วยการพานักท่องเที่ยวเข้าไปอยู่ในกรงเหล็ก ซึ่งจะถูกหย่อนลึกลงมหาสมุทร เพื่อเฝ้าดูฉลามขาวที่ว่ายน้ำไปมา
ความซวยก็บังเกิดขึ้นกับสองพี่น้อง เมื่อสายสลิงที่ยึดโยงกรงกับเรือเกิดขาดและทำให้ทั้งสองตกไปอยู่ใต้ก้นทะเลที่ความลึก 47 เมตร ฉลามก็ดูท่าจะหิวโหย ถังออกซิเจนอากาศก็ใกล้จะหมดเต็มที สองพี่น้องต้องเลือกว่าจะขาดอากาศตายเป็นศพในกรง หรือออกไปจากกรงแล้วหาทางหนีฉลามที่ดักซุ่มรอเขมือบพวกเธออยู่
ใครจะไปเชื่อว่าหนังทุนสร้างแค่เพียง 5 ล้านเหรียญฯ เรื่องนี้จะกลายเป็นหนังฮิตทั่วโลก ที่สามารถโกยรายได้เมื่อสิ้นสุดการฉายอยู่ที่ 62 ล้านเหรียญฯ จนกลายเป็นหนังจากค่ายอิสระที่ประสบความสำเร็จเรื่องหนึ่งประจำปี 2017
อันที่จริงแล้ว ตอนแรก 47 Meters Down หรือในชื่อดั้งเดิมว่า In the Deep เป็นหนังที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อส่งตรงลง VOD ทั้งที่มี 2 ดาราดังอย่าง แคลร์ โฮลท์ และ แมนดี้ มัวร์ ก็ตาม จนกระทั่งบริษัท Entertainment Studio ตัดสินใจซื้อสิทธิ์มาครอง ทำให้แผนการที่จะส่งหนังฉายทางออนไลน์ก็ยุติไป อย่างไรก็ตามยังคงมีปัญหาเล็กๆ อยู่ที่ว่าหนังเรื่องนี้ถูกผลิตเป็น DVD และถูกกระจายไปตามร้านจำหน่ายโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ไปแล้วบางส่วน ส่งผลให้มือดีนำหนังเรื่องนี้ปล่อยดาวน์โหลดทางออนไลน์ แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อหนังได้กลับเข้ามาฉายในโรง ก็สามารถทำเงินถล่มทลายทั่วโลกจนกลายเป็นปรากฏการณ์
การคาดการณ์ของไบรอน อัลเลน ผู้ก่อตั้งบริษัท Entertainment Studios มองว่าความสำเร็จของ 47 Meters Down มาจากผู้คนที่ต้องการจะดูหนังเกี่ยวกับฉลามดีๆ สักเรื่อง และการตัดสินใจซื้อสิทธิ์ในการฉายหนังเรื่องนี้เป็นความคิดที่ถูกทางจริงๆ และยังเป็นความน่าประหลาดใจตรงที่มันยังเป็นหนังในกลุ่มโฮมวิดีโอที่พลิกโผกลับไปฉายในโรงภาพยนตร์ แถมได้รับการตอบรับที่ดีมากอีกต่างหาก
สานต่อเรื่องราวครั้งใหม่
แน่นอนว่าเมื่อหนังภาคแรกทำเงินถล่มทลาย โครงการทำภาคต่อจึงได้ไฟเขียวทันทีแบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ทีมงานเบื้องหลังจากภาคแรกจึงกลับมาทำงานกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Entertainment Studios Motion Pictures โปรดิวเซอร์ แฮริส และ เลน ผู้กำกับภาพยนตร์ โยฮันเนส โรเบิร์ตส์ และผู้เขียนบทภาพยนตร์ร่วมอย่าง เออร์เนส ริเอร่า
โดยหนังภาคใหม่นี้ไม่ได้มีความเกี่ยวพันอะไรกับเหตุการณ์ในภาคแรก แต่เป็นการเล่าเรื่องราวมุมมองใหม่ ผ่านมิติในการดำน้ำเข้าสู่ถ้ำในมหาสมุทร ซึ่งจะมีการใส่ฉากแอ็คชั่นตื่นเต้นระทึกใจ แปลกและแตกต่าง เรื่องราวของกลุ่มสาววัยรุ่นที่ลงไปดำน้ำในถ้ำ และต้องไปพบเจอกับฉลามที่อยู่ในนั้น มันน่าสนใจมากว่า พวกเธอจะมีชีวิตจากการดำน้ำในถ้ำอย่างไร ความรู้ วิธีการดำน้ำ ความแตกต่างในการดำน้ำทะเลและ ในถ้ำ ขีดจำกัดและกฎเกณฑ์มันแตกต่างกัน
47 Meters Down: Uncaged มีความต่างจากภาคแรกมาก ตัวละครหลักที่เป็นสาวสี่คนนี้สองคนเป็นพี่น้องต่างพ่อ และ อีกสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน พวกเธออาศัยวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยการไปทะเลสาบในเม็กซิโก พ่อของหนึ่งในสาวเป็นนักธรณีวิทยาที่กำลังศึกษาเมืองใต้น้ำ และกำลังวางแผนผังของถ้ำอย่างละเอียด สาวทั้งสี่รู้วิธีการดำน้ำเป็นอย่างดี พวกเธอต้องการเพียงแค่เข้าไปดูปากถ้ำเท่านั้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเพราะปากถ้ำได้เกิดถล่มลงมา พวกเธอจึงติดอยู่ในนั้น และยิ่งไปกว่านั้น มันมีฉลามที่หิวโหยรอกระชากชีวิตของพวกเธอ ลองจินตนาการดูสิ ทั้งพื้นที่แคบอึดอัดอยู่แล้ว แต่ยังมีมัจจุราชคอยขย้ำอีก
เขาวงกตในพื้นน้ำ
47 Meters Down: Uncaged เดินทางไปถ่ายทำที่สาธารณรัฐโดมินิกันเหมือนภาคแรก โดยเฉพาะบรรดาฉากเหนือผืนน้ำ แต่สำหรับฉากใต้น้ำทั้งหมด หนังภาคนี้ถ่ายทำในสหราชอาณาจักร Pinewood Studios และ บาซิลดอน เพราะทีมงานต้องเนรมิตเมืองใต้น้ำขึ้นมา เพราะสถานที่แห่งนี้คือเมืองมายันที่จมอยู่ใต้ท้องทะเล มีลักษณะคล้ายกับเขาวงกต มีเสาโบราณขนาดใหญ่ บันไดวนที่เป็นก้อนหิน รูปปั้นหินผุๆ จุดที่สำคัญที่สุดคือบริเวณห้องโถงใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ทำพิธีกรรมของเผ่ามายันที่ใช้มนุษย์มาเป็นสิ่งบูชายัญ
ผู้ชมจะได้เห็นถึงจิตวิญญาณของหนังในภาคแรก ที่อัดแน่นไปด้วยความระทึก ความกดดัน ขีดจำกัดเรื่องเวลา แต่สำหรับ Uncaged แล้ว มันมีมากกว่านั้น เพราะงบประมาณในการสร้างที่มากขึ้น จึงทำให้ทีมงานได้มีโอกาสสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ รวมไปถึงการผสมผสานการใช้เทคนิคพิเศษ Outpost VFX งานด้านซีจีมาจากการใช้ฟุตเทจฉลามจริงๆ และ การใช้ฉลามจักรกลที่ถูกสร้างขึ้นมาจริง ซึ่งช่วยเพิ่มความระทึกให้กับบรรดาฉากที่ตัวละครจะถูกอสูรร้ายใต้ทะเลไล่ล่า