Countdown แอพฯ สยองฟ้องวันตาย และ Black Christmas คริสต์มาสนองเลือด

Countdown แอพฯ สยองฟ้องวันตาย และ Black Christmas คริสต์มาสนองเลือด

Countdown แอพฯ สยองฟ้องวันตาย และ Black Christmas คริสต์มาสนองเลือด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ใกล้สิ้นปีทีไร จะเป็นช่วงเวลาที่บรรดาหนังสยองขวัญจากสตูดิโอฟอร์มกลางและสตูดิโอขนาดเล็กจะเริ่มปล่อยหนังสยองขวัญไอเดียสดใหม่ออกมาอยู่เสมอๆ อย่างน้อยหากกระแสดี ช่วงฮาโลวีนก็จะเป็นเวลาในการกอบโกยรายได้ ล่าสุดหนังเรื่อง Countdown อันว่าด้วยแอพพลิเคชั่นสยองที่สามารถบอกวันตายของคุณได้ก็เตรียมมาสร้างความขนหัวลุกให้กับผู้ชมในช่วงปลายปีนี้

 

 

 

จะดีแค่ไหนที่เราสามารถรู้วันตายของตัวเองได้

 

จากสตูดิโอ STX Entertainment หนังเรื่อง Countdown บอกเล่าเรื่องราวของควินน์ (อลิซาเบธ เลล) นางพยาบาลสาวที่บังเอิญได้รับคำแนะนำจากเพื่อนให้ลองดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นใหม่ที่สามารถบอกจำนวนปี วัน ชั่วโมง นาที วินาที ที่เรายังคงสามารถมีลมหายใจได้บนโลกมนุษย์ ปรากฏว่าเมื่อเธอเช็คเวลาชีวิตของตัวเอง ปรากฏว่าเธอเหลืออายุขัยแค่เพียง 2 วันเท่านั้น

 

 

วูบแรกเธอก็คิดว่าแอพฯ ดังกล่าวเป็นการเขียนโปรแกรมขึ้นมาเพื่อเล่นตลกแกล้งคน ของโปรแกรมเมอร์ แต่เมื่อควินน์ได้พบกับเพื่อนร่วมงานที่แฟนสาวของเขาโหลดแอพฯ Countdown ไปแล้ว ระบุเวลาเสียชีวิต ปรากฏว่าเธอได้ตายตามวัน เวลาที่ระบุจริงๆ ควินน์จึงทดลองเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่ แต่ก็ไม่เป็นผล เธอเริ่มพบกับเหตุการณ์ประหลาดเหมือนมียมทูตตามล่าเธอ ควินน์พยายามขอความช่วยเหลือจากแฮคเกอร์ในการค้นหาต้นตอที่มาของแอพ Countdown เพื่อหาความจริงก่อนที่เวลาชีวิตของเธอจะหมดลง

 

ตัวหนังเป็นผลงานการกำกับของจัสติน เดค ผู้กำกับหนังสั้นที่เพิ่งจะกระโดดมากำกับหนังขนาดยาวเป็นครั้งแรก ซึ่งเขาพ่วงหน้าที่ในการเขียนบทภาพยนตร์ด้วยตัวเองอีกต่างหาก Countdown มีกำหนดเข้าฉายในอเมริกา 25 ตุลาคม ส่วนในไทยมีกำหนดฉายวันที่ 26 ธันวาคม  

 

 

ถึงแม้ว่าคอนเซปต์ของ Countdown จะน่าสนใจแค่ไหน แต่เมื่อเราลองพิจารณาตัวอย่างหนังแล้ว ก็จะพบว่ามันเต็มไปด้วยฉากระทึกขวัญแบบซ้ำซากจำเจ อาทิการใช้เสียงดนตรีประกอบ ตุ้งแช่อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเพื่อหลอกคนดู แถมถ้าย้อนไปราวหลายสิบปีก่อน เคยมีหนังจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง One Missed Call ของผู้กำกับทาคาชิ มิอิเกะ ที่ว่าด้วยเบอร์โทรศัพท์ลึกลับที่จะโทรมาฝากข้อความไว้ หากใครได้รับข้อความจากเบอร์ประหลาดจะมีอันเป็นไปในเวลาไม่นาน ซึ่งตัวหนังก็มีการรีเมคเป็นเวอร์ชั่นฮอลลีวูดแต่โดนด่าจากนักวิจารณ์และผู้ชมชนิดไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด แต่เราก็คงต้องให้โอกาสหนังเรื่องนี้เข้าฉายและพิสูจน์ด้วยสายตาของเราเองกันอีกสักครั้งก่อนจะวิจารณ์ตัวหนังได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

 

ตัวอย่าง Countdown ชมได้ที่นี่

 

 

คริสต์มาสนี้ต้องมีคนตาย

 

Black Christmas หนังสยองขวัญระทึกขวัญรีเมคอีกรอบโดยสตูดิโอ Blumhouse ซึ่งเคยถูกสร้างขึ้นมาครั้งแรกในปี 1974 ผลงานการกำกับของบ๊อบ คลาร์ก ที่ว่าด้วยเทศกาลวันคริสต์มาส ระหว่างที่สาวๆของสมาคมนักเรียนหญิงแห่งหนึ่งกำลังฉลองเทศกาลแห่งความสุขอยู่นั้นก็มีฆาตกรโรคจิตได้บุกเข้ามาเชือดสาวๆไปทีละราย

 

 

ก่อนอื่นเลยหนังในปี 1974 เรื่องนี้โดดเด่นตรงที่ว่ามันเป็นหนังสัญชาติแคนาดา ที่จัดได้ว่าเป็นหนังทุนต่ำ (ใช้งบในการสร้างราวหกแสนเหรียญฯ แต่ทำกำไรหลังการเข้าฉายในหลักล้าน) มิหนำซ้ำในช่วงปี 70 หนังเรื่อง Black Christmas จึงเป็นเหมือนหนังไล่เชือด (Slasher) ยุคบุกเบิกที่ว่าด้วยสถานที่ปิดตาย และมีตัวละครหญิงที่ต้องหาทางกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดจากฆาตกรที่หมายจะจ้องเอาชีวิต

 

 

ในปี 2006 Black Christmas ถูกนำมาสร้างใหม่อีกครั้ง อันเป็นผลงานการกำกับของ เกลน มอร์แกน นำแสดงโดยเคธี แคสซิดี้ มิเชล เทรซเซนเบิร์ก แมรี่ อลิซาเบธ วินสตีด ซึ่งถือได้ว่าเป็นดาราวัยรุ่นหญิงที่กำลังมาแรงในช่วงเวลานั้น แต่ด้วยการนำมาสร้างใหม่แบบทื่อๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย หนังในเวอร์ชั่นนี้จึงเป็นเหมือนหนังเกรดบีที่ดูพอผ่านๆ และไม่เหลืออะไรตกค้างไว้ในความทรงจำของผู้ชม

 

 

จนกระทั่งปี 2019 Black Christmas จะออกฉายอีกครั้งภายใต้การดูแลของสตูดิโอหนังสยองขวัญชื่อดังอย่าง Blumhouse ผลงานการกำกับของผู้กำกับหญิง โซเฟีย ทาแคล ที่เคยกำกับหนังระทึกขวัญเรื่อง Always Shine (2016) ที่ว่าด้วยความสัมพันธ์อันน่าขนลุกของผู้หญิงสองคน

 

 

จากตัวอย่างของ Black Christmas ในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้จะเห็นได้ว่าหนังยังคงพล็อตเรื่องที่ว่าด้วยกลุ่มของชมรมนักศึกษาหญิงในมหาวิทยาลัยได้รับเบอร์โทรศัพท์ปริศนา จากนั้นสมาชิกในบ้านก็เริ่มหายตัวไปอย่างลึกลับ ก่อนที่ฆาตกรภายใต้หน้ากากและเสื้อคลุมสีดำจะออกไล่ล่าบรรดาสาวๆที่เหลือท่ามกลางคืนวันคริสต์มาส อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายของตัวอย่าง หนังได้เพิ่มรายละเอียดที่ว่า “มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีประวัติและพิธีกรรมบางอย่างที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน” และเผยให้เห็นฉากที่จู่ๆฆาตกรก็กลายร่างเป็นรูปปั้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย อาจจะทำให้เราคาดเดาก่อนได้ดูหนังในเวอร์ชั่นใหม่นี้ได้ว่า มันอาจจะมีการเชื่อมโยงไปสู่พิธีกรรมโบราณและมีอะไรมากกว่าแค่หนังไล่เชือดธรรมดาๆ อย่างแน่นอน

 

ในอเมริกากำหนดเข้าฉายวันที่ 13 ธันวาคม ปีนี้ ส่วนในไทยยังไม่มีกำหนดเข้าฉาย (แต่คาดว่าคงเข้าฉายในเวลาไล่เลี่ยกัน)

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook