“Joker” เมื่อโจ๊คเกอร์พบประชาชนแบบไลฟ์ (ไม่) สดครั้งแรก
ผมคิดว่าโจ๊คเกอร์เวอร์ชั่น วาคีน ฟีนิกซ์ แตกต่างจากโจ๊คเกอร์ฉบับ ฮีท เล็ดเจอร์ ที่หลายคนชื่นชอบ (รวมทั้งผมด้วย) อยู่พอสมควรนะครับ และแน่นอนว่ามันก็แตกต่างเวอร์ชั่นที่แจ๊ค นิโคลสัน หรือ แม้แต่ จาเร็ด เลโต แสดงด้วยเช่นกัน ว่ากันตรงๆ Joker 2019 ของผู้กำกับ ทอดด์ ฟิลลิปส์ เรื่องนี้แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นต่างๆ ของผู้กำกับทุกคนที่เคยนำวายร้ายหน้ายิ้มคนนี้มาปรากฏบนจอภาพยนตร์ก็ว่าได้
ซึ่งมันก็ต้องเป็นอย่างนั้นแหละครับ ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอะไร เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่ โจ๊คเกอร์ ปรากฏตัวในฐานะเจ้าของเรื่องเล่าของตัวเอง ในหนังของตัวเอง ไม่ใช่ในฐานะวายร้ายตัวหลักประมือกับแบทแมน เหมือนหนังของ ทิม เบอร์ตัน, คริสโตเฟอร์ โนแลน หรือร่วมแจมกับวายร้ายตัวอื่นในหนัง Suicide Squad ของ เดวิด เอเยอร์ ดังนั้น Joker เรื่องนี้จึงเป็นเหมือนหนังที่สร้างขึ้นเพื่อตัวละครตัวนี้โดยเฉพาะ เป็นเหมือนเสื้อผ้าที่ ทอดด์ ฟิลลิปส์ วัดตัวและสั่งตัดเพื่อให้โจ๊คเกอร์สวมใส่คนเดียวเท่านั้น การที่มันมีความแตกต่าง (จากเวอร์ชั่นเก่าๆ) จึงเป็นเรื่องที่ถูกแล้วและควรจะเป็นด้วยซ้ำไป ถ้ามันเหมือนเดิมนั่นต่างหาก ที่ผมว่าสมควรที่เราจะแปลกประหลาดใจ
ทีนี้คำถามต่อมาก็คือว่า ไอ้ที่แตกต่างไปจากของเก่า-แตกต่างอย่างไร แล้วก็อาจจะตามมาด้วยคำถามต่อมาว่า แล้วมันดีไหม
เอาทีละประเด็นนะครับ แตกต่างอย่างไร แตกต่างตรงที่ นี่เป็นครั้งแรกๆ (หรืออาจจะครั้งแรกด้วยซ้ำ) ที่เราจะเข้าใจและได้เห็นภาพว่าอะไรเปลี่ยนให้คนอย่าง อาร์เธอร์ เฟล็ค (วาคีน ฟีนิกซ์) กลายเป็นวายร้ายนามโจ๊คเกอร์ผู้ไม่สนอะไรทั้งสิ้นนอกจากการสร้างภาวะอนาธิปไตยอันไร้การควบคุมได้อย่างไร ซึ่งโจ๊คเกอร์ของ ฮีท เลดเจอร์ ได้ฉายภาพของภาวะที่คนทุกคนมีอิสระเสรีที่จะทำอะไรก็ได้ อย่างไรก็ได้ โดยไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ต่างๆ แบบนั้นแล้วใน The Dark Knight แต่โจ๊คเกอร์ของ วาคีน ฟีนิกซ์ ได้ทำให้ผู้ชมได้เห็นการเปลี่ยนผ่านนั้นอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น เต็มไปด้วยความเป็นมนุษย์มนาอย่างลึกซึ้ง เราได้เห็นบาดแผลในชีวิตของ อาร์เธอร์ เฟล็ค ว่าเขาถูกระบบย่ำยีบีฑาอย่างไร ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างไร้ตัวตนอย่างไร พูดให้ง่ายก็คือ โจ๊คเกอร์ เวอร์ชั่นนี้คือการนั่งดูการเปลี่ยนผ่านของคนคนหนึ่งที่กลายเป็นโจ๊คเกอร์นั่นเอง
ทีนี้ความลักลั่นมันอยู่ตรงนี้ครับ ตรงที่ความน่าสะพรึงกลัวของโจ๊คเกอร์เองนั้นมันดันอยู่ที่การคาดเดาไม่ได้ การกะเกณฑ์ไม่ได้ว่าอะไรจะเกิด อะไรจะไม่เกิด โจ๊คเกอร์จะทำอะไรไม่ทำอะไร ผู้ชมไม่อาจรู้ได้เลย ถ้าสิ่งน่ากลัวมันเกิดมันก็เกิดทันทีปุบปับ ความสยองของวายร้ายตัวนี้มันเลยเป็นแบบนั้นแหละครับ
ซึ่งโชคร้ายที่ว่า Joker เรื่องนี้มันคาดเดาได้ (ว่าลงท้ายมันจะสร้างความวายป่วงกลายเป็นศาสดาแห่งความชิบหาย) ไงครับ หลายคนที่ชื่นชอบความหวาดกลัวอันคาดเดาไม่ได้ของ ฮีท เลดเจอร์ จึงอาจจะรู้สึกรู้สากับ วาคีน ฟีนิกซ์ ไม่มากนัก แต่ถ้ามองว่านี่คือหนังที่พาเราไปสำรวจจิตใจของตัวละครในระดับที่ลงไปลึก ดิ่งไปสุดซอยแบบนั้น ผมก็คิดว่า ทอดด์ ฟิลลิปส์ และ วาคีน ฟีนิกซ์ ทำได้ในระดับที่ยอดเยี่ยมมาก นี่เป็นคำตอบแทนคำถามที่สองที่ผมตั้งเอาไว้ว่า แล้วมันเป็นหนังที่ดีไหม คำตอบคือขึ้นอยู่กับท่านกำลังมองหาอะไร โดยส่วนตัวผมคิดว่าผมโอเคกับ Joker เรื่องนี้มากเลยล่ะครับ คิดว่าหนังมันละเอียดละออตั้งใจดี
ผมคิดว่ามีไม่กี่ครั้งหรอกครับ (ในวงเล็บอีกครั้ง-อาจจะเป็นครั้งแรก) ที่ Joker ยอมออกมาแบบเป็นๆ ไม่พ่วงไปกับตัวละครใดๆ พบประประชาชนซึ่งก็คือผู้ชมแบบเต็มๆ เรียกว่าไลฟ์สดพบประชาชนก็ว่าได้
อ้อ! ไม่สดนะครับ เขาถ่ายทำกันเป็นปีๆ แล้ว
ชมภาพยนตร์ตัวอย่าง Joker ได้ ที่นี่
เกี่ยวกับผู้เขียน
จักรพันธุ์ ขวัญมงคล
นักเขียน นักแปล นักวิจารณ์ภาพยนตร์ และบรรณาธิการอิสระ สนใจความเคลื่อนไหวในแวดวงศิลปะและสังคม
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ