รีวิว In The Tall Grass เดินหลงในพงหญ้า

รีวิว In The Tall Grass เดินหลงในพงหญ้า

รีวิว In The Tall Grass เดินหลงในพงหญ้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สตรีมมิ่ง Netflix น่าจะเป็นสตูดิโอหนึ่งที่ขยันหยิบเอานวนิยายสยองขวัญของ “สตีเฟ่น คิง” เอามาดัดแปลงขึ้นจอใหญ่บ่อยที่สุดเจ้าหนึ่ง แถมปีนี้หนังที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายของคิง ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ก็อัดแน่นมาตั้งแต่ต้นปีไม่ว่าจะเป็น Pet Sematary, It Chapter Two และ Doctor Sleep (ภาคต่อของ The Shining) ที่กำลังมีโปรแกรมเข้าฉายในเดือนหน้า

 

 

สำหรับ In The Tall Grass นั้นบอกเล่าเรื่องราวของเบคกี้ (เลย์สลา เดอ โอลิเวียร่า) สาวท้องแก่ที่เดินทางมากับพี่ชายของตัวเองอย่างคาล (เอเวอรี่ ไวแอต) จนกระทั่งเมื่อทั้งสองผ่านถนนที่ริมทางเต็มไปด้วยหญ้าสูงท่วมศีรษะและดูกว้างสุดลูกหูลูกตา ส่วนถนนฝั่งตรงข้ามเป็นโบสถ์ร้าง อันเป็นสิ่งปลูกสร้างเดียวในบริเวณนั้น จู่ๆเบคกี้ก็ได้ยินเสียงเรียกขอความช่วยเหลือชองเด็กชายคนหนึ่งจากในพงหญ้า

 

 

แม้ว่าตอนแรกทั้งสองจะลังเล แต่สุดท้ายคาลก็จำใจเดินเข้าไปในพงหญ้าและเบคกี้ก็เดินตามเข้าไป ไม่นานนักทั้งสองก็เกิดพลัดหลงกัน แม้ว่าจะตะโกนเรียกกันเท่าไหร่พวกเขาก็หากันไม่เจอสักที ทั้งสองเริ่มสงสัยว่าพงหญ้าแห่งนี้เป็นเขาวงกตที่ไร้ทางออก คาลจึงออกความคิดเพื่อดูว่าที่จริงแล้วทั้งสองอยู่ห่างกันแค่ไหน เขาจึงส่งสัญญาณให้กระโดดขึ้นพร้อมๆกัน ในครั้งแรกพวกเขาอยู่ใกล้กันเพียงแค่ไม่กี่ก้าว แต่เมื่อการกระโดดครั้งที่สองเริ่มขึ้น คาลก็ต้องใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเขาพบว่าเบคกี้อยู่ห่างออกไปนับร้อยเมตรเพียงภายในไม่กี่วินาที พวกเขาจึงรับรู้ได้ทันทีว่าทุ่งหญ้าแห่งนี้มีอะไรที่ไม่ปกติอย่างรุนแรง

 

 

เมื่อตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้า สองพี่น้องค้นพบว่าก่อนหน้านี้มีอีกครอบครัวเดินหลงเข้ามาในพงหญ้าแห่งนี้เช่นกัน ซึ่งประกอบไปด้วยโทบิ้น(วิลล์ บูเอ้ จูเนียร์) ลูกชาย รอส (แพทริก วิลสัน) ผู้เป็นพ่อ และนาตาเลีย (เรเชล วิลสัน) แม่ รวมไปถึงสุนัขอีกหนึ่งตัว ตกดึกเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องของใครสักคน เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่

 

 

In The Tall Grass เป็นหนังที่เล่นกับเรื่องของมิติเวลาโดยอาศัยโลเคชั่นเพียงไม่กี่จุดในการขับเคลื่อนเรื่องราว สถานการณ์ที่พลิกผัน ปมปริศนาลึกลับซึ่งคนดูต้องพยายามทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครกันแน่ อีกทั้งยังสร้างความกดดันให้กับตัวละครและส่งต่อมายังผู้ชมว่าทำไมจู่ๆตัวละครในเรื่องจึงมีพฤติกรรมที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปในแบบที่เราคาดไม่ถึง นอกเหนือไปจากนี้ประเด็นที่สตีเฟ่น คิงมักจะแทรกสอดในเรื่องราวของเขาเองอยู่เสมอ และปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้คือความเชื่อในเรื่องพระเจ้าและสิ่งลี้ลับ ว่าสิ่งใดกันที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์มากกว่ากัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook