[รีวิว] EL CAMINO - หนังยาวเพื่อสาวก Breaking Bad โดยเฉพาะ

[รีวิว] EL CAMINO - หนังยาวเพื่อสาวก Breaking Bad โดยเฉพาะ

[รีวิว] EL CAMINO - หนังยาวเพื่อสาวก Breaking Bad โดยเฉพาะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังปิดตำนานเจ้าพ่อยาเสพย์ติดอย่าง วอลเทอร์ ไวต์ ชะตากรรมของ เจสซี พิงค์แมน (อารอน พอล) ยังคงดำเนินต่อหลังหนีการคุมขังของ ทอดด์ (เจสส์ เพลมอนส์) อาชญากรจอมซาดิสและพรรคพวกมาได้ เจสซี ต้องหาทางหนีการจับกุมทั้งตำรวจและแก๊งค้ายา รวมถึงหาเงินที่ซ่อนไว้เพื่อหวังไปเริ่มชีวิตใหม่ แต่แล้วอดีตอันเลวร้ายก็ตามหลอกหลอนเขาไม่เลิก

หลังปิดฉาก Breaking Bad  ซีซันที่ 6 (บางแหล่งนับเป็นครึ่งหลังของซีซัน 5) ไปในปี 2013 พร้อมเกียรติยศได้ติดอันดับซีรีส์ที่มีบทโทรทัศน์ยอดเยี่ยมที่สุดของอเมริกาในลำดับที่13 จนเป็นที่เลื่องลือทั้งในหมู่คอซีรีส์และนักเรียนหนังว่าเป็นซีรีส์ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องดู! จนเรื่องราวของวอลเทอร์ ไวต์ อดีตครูสอนเคมีที่หันหลังให้ศีลธรรมแล้วร่วมมือกับ เจสซี พิงค์แมน ลูกศิษย์ตัวเองลักลอบผลิตยาไอซ์ขาย เพื่อหวังหาเงินก้อนสุดท้ายให้ลูกเมียก่อนตัวเองจะถูกมะเร็งพรากชีวิตไป ได้รับการสานต่อทั้งฉบับรีเมคของ โคลัมเบีย หรือกระทั่งการมาผลิตซีรีส์ไซด์สตอรีร่วมกับเน็ตฟลิกซ์ จนเกิด Better Call Saul ซีรีส์สุดฮิตที่ว่าด้วยเรื่องราวของ ซอล ทนายความลิ้นสาลิกาที่ช่วยอาชญากรให้รอดจากเงื้อมมือกฎหมาย แต่กระนั้นเรื่องราวที่ถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่หายไปจริงๆกลับเป็นเรื่องของ เจสซี พิงค์แมน อดีตลูกศิษย์ของวอลเทอร์ ไวต์ นั่นเอง

 

EL CAMINO เริ่มเรื่องราวในเส้นเรื่องหลักต่อจากเหตุการณ์ในตอนจบของ Breaking Bad ทันทีหลัง วอลเทอร์ ไวต์ (ไบรอัน แครนสตัน) ได้บุกไปช่วยเหลือ เจสซีจนเขาหนีออกมาจากแก๊งค้ายาซาดิสต์ที่จับเขาไปทรมานได้ และด้วยเจสซี ได้ตกเป็นเป้าหมายทั้งของทางการและผู้มีอิทธิพลก็ทำให้ปลายทางเดียวในชีวิตเจสซี คือการหนีออกจากประเทศให้ได้เร็วที่สุด และในขณะเดียวกันภาพเหตุการณ์ตอนเขาถูกกักตัวก็คอยมาตามหลอกหลอนและอาจเป็นคำตอบว่าทำไมชีวิตได้พาเขามาสู่จุดนี้ได้ ซึ่งจากกลวิธีการเล่าดังกล่าวก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะมันถูกบอกเล่าโดย เจ้าของเรื่องตัวจริงของ Breaking Bad อย่าง วินซ์ กิลลิแกน ที่กลับมาเขียนบทและกำกับนั่นเอง

ซึ่งหากจะให้ประเมินหนังความยาว 2 ชั่วโมงเรื่องนี้ก็อาจเปรียบเทียบได้กับ Breaking Bad  สักตอนที่พยายามบอกเล่าตัวละคร ที่อาจไม่ได้มีฉากตื่นเต้นมากมาย โดยส่วนใหญ่จะตัดสลับระหว่างภาพปัจจุบันของเจสซีที่พยายามหาทางหนีกับภาพย้อนอดีตหรือแฟลชแบ็คที่ทำให้เห็นว่าเจสซีเจอเล่นงานหนักแค่ไหนหลังเข้ามาสู่วงการยาเสพย์ติด แต่พอถึงจุดไคลแมกซ์ก็ต้องยอมรับอยู่ดีว่า วินซ์ สามารถขมวดปมที่เหมือนไม่มีอะไรมากมาย ไปสู่การเซอร์วิสแฟนซีรีส์ Breaking Bad  ได้แบบอดกรี๊ดไม่ได้เลยทีเดียว

สิ่งที่ถือเป็นไฮไลต์ของ EL CAMINO คงหนีไม่พ้นการแสดงของ อารอน พอล ในบทเจสซี ตัวเด่นของเรื่อง เขาให้ภาพที่ดูโตขึ้นและทำให้เห็นว่า เจสซี พิงค์แมน เด็กฮิปฮอปลูกน้องของวอลเทอร์ ไวท์ ได้เปลี่ยนไปแล้ว เขาถูกวงการยาเสพย์ติดกลืนกินและกัดกร่อนตัวตนจนไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ทำให้ เจสซี ใน  EL CAMINO  แทบเป็นภาพมุมกลับของ วอลเทอร์ ไวต์ สำหรับคนที่ยังมีลมหายใจอยู่แต่ก็ใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็นจริงๆ และแน่นอนตามที่ได้ประกาศก่อนหน้านี้คือการกลับมาสู่โลก Breaking Bad อีกครั้งของ ไบรอัน แครนสตัน ในบท วอลเทอร์ ไวต์ ที่ซีนของเขาเหมือนเป็นช่องว่างที่หายไปในฉบับซีรีส์ว่า ชีวิตพ่อค้ายากสมัครเล่น/ครู/คนใกล้ตายอย่างเขา ได้สอนอะไรเจสซี ไว้บ้าง แต่คนที่อาจไม่เด่นเท่าแต่ทำให้เรื่องราวเติมเต็มได้สมบูรณ์จริงๆกลับขอยกให้การปรากฎตัวของ คริสเตน ริตเตอร์ ในบท เจน ความรักครั้งเดียวของเจสซีในซีซัน 2 ที่เหมือนภาพความสุขที่ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว ซึ่งถือเป็นการตอบแทนในคุณงามความดีของ Breaking Bad ที่ทำให้คริสเตน ริตเตอร์ ได้รับบท เจสสิกา โจนส์ ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวลที่ร่วมทำกับเน็ตฟลิกซ์อีกด้วย

 

สรุปแล้ว หากคุณเป็นแฟน Breaking Bad ก็เหมือนหนังภาคบังคับที่จะได้ปิดตำนานได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนคนที่ไม่เคยดู Breaking Bad มาก่อนคิดว่าดูแล้วอาจจะรู้สึกเบื่อและน่าจะงงกับความสัมพันธ์ของตัวละครแน่ๆ เพราะหนังไม่มีการเล่าย้อนว่าใครเป็นใครมาก่อน ดังนั้น EL CAMINO จึงเหมาะกับแฟนของซีรีส์ Breaking Bad ที่ดูครบ 6 ซีซันแล้วเท่านั้นครับ

ชม EL CAMINO ได้แล้วทาง Netflix

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook