ย้อนความจำกับ 35 ปี Terminator คนเหล็ก 2029 ก่อนดู Dark Fate

ย้อนความจำกับ 35 ปี Terminator คนเหล็ก 2029 ก่อนดู Dark Fate

ย้อนความจำกับ 35 ปี Terminator คนเหล็ก 2029 ก่อนดู Dark Fate
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นับตั้งแต่ปี 1984 โลกเซลลูลอยด์ได้รู้จักกับคาแรกเตอร์หุ่นคนเหล็ก (อันดับ 28 ของ คาแรกเตอร์ที่น่าจดจำที่สุดบนโลกภาพยนตร์ของนิตยสาร Empire) ที่เดินทางข้ามเวลาเพื่อมาสังหารผู้นำมนุษย์แห่งสงครามโลกอนาคตตั้งแต่เขายังไม่เกิด  เพื่อให้ฝ่ายจักรกล SkyNet เอาชนะฝ่ายมนุษย์ได้อย่างเด็ดขาด หนังที่ “มาก่อนกาล” บอกเล่าเรื่องราวการย้อนเวลาและสงครามระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรเป็นเรื่องแรก ๆ ของวงการภาพยนตร์  กลายเป็นผลงานแจ้งเกิดของแชมป์นักกีฬาเพาะกายชาวออสเตรีย ผู้เริ่มก้าวเข้ามามีบทบาทในแวดวงภาพยนตร์ Arnold Schwarzenegger ในวันนั้นเพิ่งจะมีหนังเล่นอย่างพอมีชื่อเสียงอยู่บ้างในหนังคนเถื่อน Conan the Barbarian (1982) และ Conan the Destroyer (1984)

Cameron และ Schwarzenegger ในกองถ่าย The Terminator (1984) ภาคแรก

Cameron และ Schwarzenegger ในกองถ่าย The Terminator (1984) ภาคแรก

ขณะเดียวกัน James Cameron ผู้กำกับที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งโลกภาพยนตร์ในวันนี้ (“The King of the World” ประโยคของ Jack Dawson ใน Titanic (1997) ซึ่ง James กล่าวบนเวทีออสการ์ขณะรับรางวัล) ก็ได้หนัง The Terminator นี้เองเป็นผลงานแจ้งเกิดเช่นกัน หลังจากกำกับหนังเกรด B อย่าง Piranha Part Two: The Spawning (1981) มาแค่เรื่องเดียว นับตั้งแต่นั้นมา Terminator ก็เปรียบเหมือนภาพจำ (Branding) สำคัญของทั้ง Schwarzenegger และ Cameron ที่จะหวนกลับคืนสู่สูตรสำเร็จ “ของตาย” นี้เสมอ เพื่อสร้างชื่อเสียงและเรียกความสำคัญจากความทรงจำรุ่นต่อรุ่นของผู้ชมผู้รักในเรื่องราวของคนเหล็ก

Cameron และ Schwarzenegger ในกองถ่าย Terminator 2: Judgment Day (1991) หรือภาค 2

Cameron และ Schwarzenegger ในกองถ่าย Terminator 2: Judgment Day (1991) หรือภาค 2

Timeline The Terminator (แบบไม่นับภาค 3-5)

  • 1984:  Kyle Reese เดินทางย้อนเวลากลับมาช่วย Sarah Connor ในวันนั้นอายุเพียง 25 ปี เธอกำลังตกเป็นเป้าสังหารจากหุ่น T-800 และมีความสัมพันธ์กัน / Cyberdyne Company เก็บซากของหุ่น T-800 ที่ถูกทำลายไปพัฒนาต่อ (ต่อมา Cyberdyne Company กลายเป็น SkyNet)
  • 1985: John Connor เกิด
  • 1994: Sarah ถูกจับเข้าโรงพยาบาลบ้า John ได้รับการดูแลโดยครอบครัวอุปถัมภ์
  • 1995: Sarah และ John ถูกตามล่าโดยหุ่น T-1000 / John ในโลกอนาคตส่ง T-800 ที่ปรับโปรแกรมให้เป็นหุ่นฝ่ายดีแล้ว กลับมาช่วยตัวเองและแม่
  • 1997: Sarah เสียชีวิตด้วยโรคลูคิเมียที่ประเทศเม็กซิโก มีชีวิตอยู่จนผ่านวันพิพากษาตามกำหนดการเดิมมาได้ เธอสะสมอาวุธมากมายไว้ในโลงศพปลอม เพื่อให้ John ได้ใช้ ส่วน John ก็ใช้ชีวิตต่อไปอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ / รัฐบาลสหรัฐฯ และบริษัท Cyber Research Systems เข้าซื้อกิจการของ Cyberdyne Systems เอาโครงการ SkyNet ปัญญาประดิษฐ์จากซากแขนของหุ่น T-800 ในปี 1984 ไปพัฒนาต่อ
  • 2003 : โครงการ SkyNet พัฒนาสำเร็จ
Poster Fan Art รวบรวมตัวละครและเหตุการณ์ในภาคแรกและภาคสอง

Poster Fan Art รวบรวมตัวละครและเหตุการณ์ในภาคแรกและภาคสอง

The Terminator (1984): คนเหล็ก 2029

จากบทที่เขียนขึ้นเองของ James Cameron และ Gale Anne Hurd (ภรรยาจากการแต่งงานครั้งที่ 2 ของ James)  หนังภาคแรกเล่าเรื่องราวของการช่วงชิงชัยชนะในสงครามเครื่องจักร ฝั่ง SkyNet ในปี 2029 ส่งหุ่นยนต์คนเหล็ก Terminator รุ่น T-800 มากำจัด Sarah Connor สาวบริการในร้านอาหารที่ยังไม่รู้ตัวว่า เธอจะมีบทบาทสำคัญในการให้กำเนิด John Connor ลูกชายที่จะเป็นผู้นำคนสำคัญของฝ่ายมนุษย์ ในสงครามหลังโลกล่มสลาย

Sarah Conn0r ตอนยังเป็นสาวบอบบางในภาคแรก กับผู้กำกับ Cameron

Sarah Connor ตอนยังเป็นสาวบอบบางในภาคแรก กับผู้กำกับ Cameron

Kyle Reese (รับบทโดย Michael Biehn) ทหารมือดีที่สุดของ John Connor ในปี 2029 ก็ถูกส่งมาเพื่อขัดขวางหุ่น T-800 ไม่ให้สังหาร Sarah ได้สำเร็จ อย่างที่แฟน ๆ ของหนังคงทราบดีและได้ตอกย้ำกันอีกทีในภาค 4 Salvation ว่า Kyle Reese ไม่ได้รู้ตัวว่า John คือลูกตัวเอง และเขาถูกลูกส่งมาเพื่อให้เจอกับแม่

Kyle Reese ย้อนเวลามาปกป้องแม่ของ John Connor ก่อนจะพบรักกัน

Kyle Reese ย้อนเวลามาปกป้องแม่ของ John Connor ก่อนจะพบรักกัน

ความสำเร็จระดับแจ้งเกิดทุกคนที่เกี่ยวข้องของหนังทั้งนักแสดงอย่าง Schwarzenegger รับบทตัวร้ายที่แฟน ๆ ต้องกลัวและ Linda Hamilton (ภรรยาจากการแต่งงานครั้งที่ 4 ของ James) ในบทของ Sarah Connor (อันดับ 58 ของ คาแรกเตอร์ที่น่าจดจำที่สุดบนโลกภาพยนตร์ของนิตยสาร Empire) ทำกำไรไปอย่างงดงามในยุคนั้น โดยกับรายได้ทั่วโลกกว่า 78 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากทุนสร้างแค่ 6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น

Schwarzenegger ในบทตัวร้าย หุ่นจักรกลพิฆาต T-800

Schwarzenegger ในบทตัวร้าย หุ่นจักรกลพิฆาต T-800

Terminator 2: Judgment Day (1991): คนเหล็ก 2029 ภาค 2

ก้าวเข้าสู่ทศวรรษ 90 James Cameron และ Arnold Schwarzenegger กลับมาอีกครั้งด้วยวิถีการสร้างคาแรกเตอร์คนเหล็ก Terminator อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือการพลิกให้ Terminator จากตัวร้ายกลายมาเป็นฝั่งตัวดี ข้ามเวลามาทำหน้าที่ช่วยพิทักษ์แม่ลูกตระกูล Corner จากการตามล่าของหุ่น T-1000 (รับบทเป็นหุ่นถมึงทึงและท่าทางสยองขวัญโดยนักแสดง Robert Patrick) ที่ถูกส่งมาจากอนาคตเช่นกัน

Robert Patrick ตัวร้ายที่น่าจดจำที่สุดของ Terminator ใน Judgement Day

Robert Patrick ตัวร้ายที่น่าจดจำที่สุดของ Terminator ใน Judgement Day

ในภาคนี้ James ได้เปลี่ยนนักแสดง Linda Hamilton จากสาวที่บอบบางกลายเป็นสาวบู๊ทะมัดทะแมง ดุดันตามแบบ Icon หญิงร่วมยุคสมัยเดียวกันกับหลายตัวละครจากหนังของ Ridley Scott  นักสร้างหนังหญิงแกร่ง (James Cameron รับช่วงต่อกำกับ Aliens (1986) หรือ Alien ภาค 2 ต่อจาก Ridley ก่อนจะกลับมาทำภาค 2 ของคนเหล็ก และในปี 1991 ก็มีหนังเพื่อนหญิงพลังหญิงระดับตำนานอีกเรื่องของ Ridley ออกฉายนั่นคือ Thelma & Louise (1991) นอกจากนี้ในปี 1982 Ridley ยังสร้างหนัง Blade Runner ที่มีตัวละครเป็นหุ่นยนต์ (หรือมนุษย์?) ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นอิทธิพลหนึ่งที่มีผลต่อ The Terminator)

Sarah Connor ตัวละครหญิงแกร่งของ Linda Hamilton

Sarah Connor ตัวละครหญิงแกร่งของ Linda Hamilton

และในหนังเรื่องนี้เองก็เป็นผลงานที่น่าจดจำและโด่งดังที่สุดในชีวิตนักแสดงของ Edward Furlong ในวัย 14 ปี เพราะนับแต่เรื่องนี้ไป การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดก็ทำให้ชีวิตการแสดงของเขาต้องร่วงโรย  ภาค 2 นี้ได้รับการยกระดับทุนสร้างเป็น 102 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และทำรายรับรวมทั่วโลกได้ในระดับปรากฏการณ์ที่ 502 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ในยุคนั้นไม่มีเรื่องไหนทำได้

สุดหล่อ Edward Furlong กับผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตที่ดังระเบิด

สุดหล่อ Edward Furlong กับผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตที่ดังระเบิด

Trivia เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับ Terminator

  • John Conner ในโลกภาพยนตร์มีนักแสดงรับบทมาแล้ว 7 คนคือ Michael Edwards ในภาค 1, Edward Furlong กับ Dalton Abbot (ในบททารก ซึ่งเขาคือลูกของ Linda Hamilton จริง ๆ) ในภาค 2, Nick Stahl ในภาค 3, Christian Bale ในภาค 4, Jason Clarke ในภาค 5 และนักแสดงอีก 2 คนในซีรีส์ Terminator: The Sarah Conner Chronicle

 

  • ประโยค “Come with me if you want to live” ถูกใช้ในภาพยนตร์มาแล้ว 5 ครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่ Kyle Reese พูดกับ Sarah Connor ในภาค 1 ครั้งที่ 2 หุ่นยนต์ T-800 ได้รับการโปรแกรมใหม่ให้พูดในภาค 2 ครั้งที่ 3 John Connor พูดขึ้นในภาคที่ 3 ครั้งที่ 4 Kyle Reese พูดในภาค 4 และภาค 5 Sarah Connor เป็นคนพูด (ต้องมาดูกันว่าในภาค 6 ประโยคนี้จะมาอีกหรือไม่ และใครจะเป็นคนพูด?)

 

  • ประเด็นเรื่องภาพถ่ายของ Sarah ที่ถกเถียงกันมากว่า ในภาคแรก Kyle Reese ที่ส่ง John Connor มานั้นไม่น่าใช่พ่อของ John ภาพที่ปรากฎในเรื่องจึงเป็นทำให้เกิด “ความสับสนของเส้นเวลา” (Time Paradox) กับ Timeline ย้อนอดีต แต่ก็มีแฟนหนังอีกส่วนมองว่า ทฤษฎีเวลาเกี่ยวกับการย้อนกลับไปแก้อดีตนั้นสามารถเป็นไปได้ (อย่างเช่นในหนัง Avengers: Endgame และ Interstellar ที่การแก้ไขอดีตไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอนาคตก็เป็นได้ เอาเป็นว่า อย่าคิดมากและมองข้ามความสับสนนี้ไปดีกว่า เพื่อจะได้ดูหนังสนุกขึ้น
ภาพถ่ายของ Sarah Conner ที่เป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมด

ภาพถ่ายของ Sarah Conner ที่เป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมด

Terminator : Dark Fate คนเหล็กวิกฤติชะตาโลก

มาจนถึงภาคล่าสุดที่นับเป็นภาค 6 ของ Franchise นี้กับ Terminator: Dark Fate ที่เป็นการกลับมาทวงคืนหนังที่ทำคลอดมากับมือของ James Cameron เขากลับมาทำหน้าที่ทั้งอำนวยการสร้าง และเขียนบทเอง แต่ปล่อยงานกำกับให้เป็นของ Tim Miller ที่สร้างชื่อเสียงและความสำเร็จมาแล้วกับ Deadpool (2013) ขณะที่ลุง Cameron ง่วนอยู่กับ Avatar ภาค 2 จุดขายของภาคนี้อยู่ที่การขอให้ผู้ชมทำเป็นลืมภาค 3-5 ที่พยายามเป็นภาคต่อและภาครีบูตให้หมด และกลับไปสานต่อเรื่องราวจากภาค 2 โดยตรง ในเวลา  27 ปีต่อจากภาค Judgement Day

คืนสู่เหย้าในรอบ 27 ปีของ Hamilton และ Schwarzenegger ใน Dark Fate

คืนสู่เหย้าในรอบ 27 ปีของ Hamilton และ Schwarzenegger ใน Dark Fate

หนังได้ Linda Hamilton ต้นตำรับ Sarah Connor กลับมารับบทเดิมอีกครั้ง (Cameron ถึงกับโทรไปง้ออดีตภรรยาให่กลับมาร่วมแสดงในหนังภาคนี้ด้วยตัวเอง) และถ้าจะมากันครบขนาดนี้ก็คงขาด Arnold Schwarzenegger ในวัย 72 ไปด้วยไม่ได้ สมทบด้วยตัวละครของนักแสดง Mackenzie Davis นักแสดงจาก Blade Runner 2049 (2017) ที่ถ้าหนังประสบความสำเร็จคงจะเป็นตัวละครหลักที่สานต่อเรื่องราว เพราะมีบทเด่นตลอดเรื่อง

Mackenzie Davis นักแสดงจาก Blade Runner 2049 (2017) รับบทตัวละครเด่นของภาคนี้

Mackenzie Davis นักแสดงจาก Blade Runner 2049 (2017) รับบทตัวละครเด่นของภาคนี้

เอาป็นว่าถ้าถึงขนาดที่ James Cameron กลับมาทำเองแล้ว หนังยังไม่ประสบความสำเร็จอีกละก็ ทีมสร้างรวมถึงทั้ง Schwarzenegger และ Cameron ก็คงสมควรแก่เวลาหยุดคิดทวงบัลลังก์ “ครั้งแล้วครั้งเล่า” แยกย้ายไปตามทาง ทิ้งภาค 1 และ 2 ให้ขึ้นหิ้งเป็นตำนานตลอดกาลอย่างถาวรเสียที

อยู่กันมานานและก็แก่ด้วยกันต่อไป

อยู่กันมานานและก็แก่ด้วยกันต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook