The Grudge ผีดุ ขึ้นจออีกรอบ คำสาปบ้านเฮี้ยนยังไม่จบ!

The Grudge ผีดุ ขึ้นจออีกรอบ คำสาปบ้านเฮี้ยนยังไม่จบ!

The Grudge ผีดุ ขึ้นจออีกรอบ คำสาปบ้านเฮี้ยนยังไม่จบ!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คนยุคมิลเลเนียมน่าจะไม่มีใคร ไม่รู้จักหนังสยองขวัญเรื่องดังสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Ju-On หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “ผีดุ” ซึ่งออกฉายครั้งแรกในปี 2002 จนกลายเป็นหนังผีที่ได้รับการจดจำในฐานะตัวละครไอคอนปีศาจผมยาวคลานลงจากบันไดบ้านในสภาพตัวบิดเบี้ยว และผีเด็กชายหน้าขาววอกสวมกางเกงในตัวเดียว ในปี 2020 เรื่องราวของ “ผีดุ” จะถูกนำมายกเครื่องใหม่เพื่อเล่าถึงคำสาปในบ้านอาถรรพ์หลังนี้อีกครั้งกับ The Grudge

ย้อนแฟรนชายส์เวอร์ชั่นญี่ปุ่น

ก่อนหน้า Ju-On: The Grudge (2002) จะออกฉายในวงกว้าง ความเป็นจริงแล้ว Ju-On: The Curse คือเรื่องราวแบบออริจินัลที่แท้จริง ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาในปี 2000 แต่เป็นภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อส่งตรงลงตลาดวิดีโอ ก่อนที่จะมีภาคต่อตามออกมาอย่างรวดเร็วกับ Ju-On 2: The Curse ในปีเดียวกัน เมื่อหนังได้รับความนิยมอย่างมาก ผู้กำกับอย่างทาคาชิ ชิมิซุ จึงได้รับโอกาสในการกำกับเวอร์ชั่นที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ และประสบความสำเร็จในวงกว้าง หนังได้รับการพูดถึงจากคอหนังสยองขวัญอย่างแพร่หลาย แม้จะมีบางคนตั้งประเด็นว่า “หนังดูไม่รู้เรื่อง” (เพราะหนังไม่ได้เล่าเรื่องตามลำดับเวลา)

จากความสำเร็จในภาคแรก ทำให้หนังคลอดภาคต่อออกมากับ Ju-On: The Grudge 2 (2003) ก่อนที่ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นจะพักการสร้างไปพักใหญ่ เพราะทาคาชิ ชิมิซุ ไปกำกับเวอร์ชั่นรีเมคที่อเมริกา จนกระทั่งในปี 2009 จึงมี Ju-On: White Ghost และ Ju-On: Black Ghost ออกมา ก่อนที่ในปี 2014 จะมี Ju-On: The Beginning of the End ตามออกมาและในปี 2015 กับ Ju-On: The Final Curse ที่เป็นภาคปิดตำนานผีดุ แต่จนแล้วจนรอดในปี 2016 ก็ยังมีความพยายามในการเอาผีคายาโกะไปปะทะกับผีซาดาโกะใน Sadako vs. Kayako จนคนดูเหวอไปตามๆกัน

เวอร์ชั่นรีเมค

ยุคต้นปี 2000 เป็นช่วงเวลาที่ฮอลลีวูดนิยมนำภาพยนตร์ทางฝั่งเอเชียเอามารีเมคกันอย่างคับคั่ง แน่นอนว่า Ju-On เป็นเรื่องหนึ่งที่ถูกนำมาสร้างใหม่ภายใต้ชื่อ The Grudge ในปี 2004 ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ผู้กำกับทาคาชิ ชิมิซุ ได้กลับมานั่งแท่นผู้กำกับอีกครั้ง ภายใต้การดูแลงานสร้างของ แซม ไรมี่  และนำแสดงโดยซาร่าห์ มิเชล เกลลาร์ ผู้รับบทคาเรน หญิงสาวที่ไปข้องเกี่ยวกับบ้านต้องคำสาปโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้จะได้รับคำวิจารณ์ปานกลางแต่ด้วยกระแสหนัง J-Horror ที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมในเวลานั้นทำให้หนังสามารถทำรายได้ในอเมริกาสูงถึง 110 ล้านเหรียญฯ และทำรายได้ในต่างประเทศไปอีก 76 ล้านเหรียญฯ ส่งผลให้ทำรายรับรวมทั้งสิ้น 187 ล้านเหรียญฯ

จากความสำเร็จในเวอร์ชั่นรีเมคทำให้หนังคลอดภาคต่อตามออกมาในปี 2006 กับ The Grudge 2 ซึ่งก็ยังคงเล่าเรื่องของคำสาปบ้านผีสิงและผีคายาโกะ และยังได้ทาคาชิ ชิมิซุ ได้กลับมานั่งแท่นผู้กำกับอีกครั้ง (จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นผู้กำกับชนิดผูกขาดเลยก็ว่าได้!) ซาร่าห์ มิเชล เกลลาร์ ยังกลับมาในบทรับเชิญ ส่วนแอมเบอร์ แทมบลินท์ มารับบทออเบรย์ เดวิส น้องสาวของคาเรน ที่มาช่วยเหลือและดูอาการของพี่สาวตัวเองจนต้องเข้าไปพัวพันกับบ้านอาถรรพ์

 

สำหรับ The Grudge 3 ยังคงสานต่อเรื่องราวจากหนังเวอร์ชั่นรีเมคภาค 2 เมื่อเจค ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวถูกนำตัวมาไว้ในโรงพยาบาลจิตเวช แน่นอนว่าคำสาปอาถรรพ์ยังคงไม่จบสิ้นและมีผู้เคราะห์ร้ายอีกจำนวนนับไม่ถ้วน โดย The Grudge 3 ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อส่งตรงลงดีวีดีเลย ทำให้หนังจัดได้ว่าคุณภาพย่ำแย่ จนนักวิจารณ์กล่าวว่า The Grudge 2 ที่จัดว่าแย่แล้ว ยังดูบันเทิงและมีสมองกว่าหนังภาคนี้เลยด้วยซ้ำไป

เวอร์ชั่นรีบูตปี 2020

ความพิเศษสำหรับ The Grudge ในเวอร์ชั่นนี้เป็นหนังสยองขวัญเรท R หมายถึงความโหดสยองแบบถึงเลือดถึงเนื้อ มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดต้นกำเนิดเรื่องราว ให้ฉากหลังเกิดขึ้นในประเทศอเมริกาทั้งหมด ไม่มีความเกี่ยวโยงกับประเทศญี่ปุ่นเลย แก่นหลักยังคงอ้างถึงเรื่อง “เมื่อใครสักคนถูกฆ่าตายด้วยความเคียดแค้น เมื่อนั้นคำสาปจึงบังเกิดขึ้น”  ปีเตอร์ (จอห์น โช) นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ได้เดินทางมายังบ้านแห่งหนึ่งตามคำสั่งของบริษัทเพื่อตรวจสอบสภาพบ้าน หลังจากที่เขาเข้าไปในบ้าน ปีเตอร์ได้พบกับร่างที่อยู่ในสภาพเน่าเปื่อยในอ่างอาบน้ำ เขาจึงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น มัลดูน (แอนเดรีย ไรซ์โบโรห์) เพื่อสืบสวนเรื่องราวว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนในบ้านหลังนี้ แต่ระหว่างทำคดี เธอกลับพบกับเหตุการณ์ประหลาดราวกับเธอถูกสาป เมื่อเธอรู้สึกว่าเธอกำลังถูกผีสาวที่ชื่อคายาโกะตามล่าเอาชีวิต ท้ายที่สุดแล้วตัวละครไหนจะเอาชีวิตรอดจากคำสาปบ้านหลังนี้ได้บ้าง ในอเมริกา The Grudge มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 3 มกราคม ปี 2020

The Grudge เป็นผลงานการกำกับของนิโคลัส เปสเซ จาก The Eyes of My Mother ซึ่งนอกจากจะนั่งแท่นกำกับแล้วเขายังเป็นคนเขียนบทเองอีกด้วย นอกจากนี้หนังยังได้รับการควบคุมดูแลการสร้างจาก แซม ไรมี ผู้อยู่เบื้องหลัง Evil Dead, Don’t Breath และ Crawl และนอกจากสองนักแสดงนำอย่างจอห์น โชและแอนเดรีย ไรซ์โบโรห์แล้ว ยังมีนักแสดงสมทบอาทิลิน เชย์ (Insidious), เดเมียน บิเชอร์ (The Nun), เบ็ตตี้ กิลพิน (The Hunt) และแจ็คกี้ วีเวอร์ (Bird Box) มาร่วมชะตากรรมคนดวงซวยที่ถูกวิญญาณร้ายตามล่า

ชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ที่ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook