รีวิว Judy การจากไปของสายรุ้ง

รีวิว Judy การจากไปของสายรุ้ง

รีวิว Judy การจากไปของสายรุ้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

Judy เป็นผลงานการดัดแปลงละครเวทีแนวมิวสิคัลดราม่า เรื่อง End of the Rainbow ซึ่งโฟกัสไปที่ชีวิตของนักแสดงอมตะค้างฟ้าฮอลีวูดอย่าง “จูดี้ การ์แลนด์” ในช่วงเวลาบั้นปลายของชีวิตเธอ ก่อนที่จะเสียชีวิตลงในปี 1969

 

แม้ว่าผู้ชมยุคปัจจุบันอาจจะไม่คุ้นชื่อหรือรู้จักนักแสดงอย่างจูดี้ การ์แลนด์ แต่คุณน่าจะเคยได้ยินบทเพลงดังอย่าง Somewhere Over the Rainbow ซึ่งเป็นเพลงจากภาพยนตร์อมตะอย่าง The Wizard of Oz กันมาบ้าง ชีวิตของจูดี้นั้นไม่ได้สดใส สวยงามแบบในภาพยนตร์ เมื่อหนังเผยให้เห็นว่า จูดี้ในวัยกลางคนนั้น เธอต้องรับมือกับปัญหารุมเร้ามากมาย ไม่ว่าจะในฐานะคุณแม่ลูกสอง ที่ชีวิตครอบครัวล้มเหลวมาโดยตลอด อาการติดเหล้า และช่วงชีวิตขาลงที่เธอไม่สามารถโด่งดังได้เหมือนเดิม

 

 

จูดี้ต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงกลับมา จนกระทั่งเธอได้รับข้อเสนอจาก The Talk of the Town ไนต์คลับชื่อดังในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ให้เดินทางมาเปิดแสดงคอนเสิร์ต แม้ว่าเธอจะต้องแยกจากลูกๆ แต่เธอก็ตัดสินใจรับงานนี้เพียงเพราะว่าเธออยากจะกอบกู้ชื่อเสียงกลับมา ทว่าระหว่างเปิดการแสดงจูดี้กลับมีอาการเครียด เป็นกังวล ทำให้เธอต้องพึ่งพาเหล้า อีกทั้งอาการนอนไม่หลับซึ่งเป็นสภาวะที่เธอเผชิญมาตั้งแต่ช่วงในวัยเด็ก เริ่มทำให้จูดี้ตกอยู่ในห้วงของความทุกข์อีกครั้ง

 

 

เรเน่ เซลเวเกอร์ ผู้รับบทจูดี้ แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอก และน้ำเสียงจะแตกต่างกับ “ตัวจริง” อย่างสิ้นเชิง แต่การก้าวเข้ามารับบทบาทนี้ เธอสามารถโอบอุ้มสภาวะอันปวดร้าวของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้าหากวาคิน ฟินิกซ์เป็นทุกอย่างให้กับหนังเรื่อง Joker เรเน่ ไม่แตกต่างกับวาคิน เช่นกัน เพราะตลอดเวลาของเรื่องหนังแทบทุกฉากทุกนาทีคือการปรากฏตัวของนักแสดงหญิงคนนี้ ยังไม่รวมไปถึงการที่เธอใช้เสียงของตัวเองร้องเพลงในหนังทุกบทเพลง โดยไม่ใช้การลิปซิงค์เสียงต้นฉบับของจูดี้ การ์แลนด์ ยิ่งเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการรับบทบาทนี้ของเธอ ซึ่งคาดว่าเธอน่าจะได้ติดเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมบนเวทีลูกโลกทองคำและเวทีออสการ์ในช่วงต้นปีหน้า ถ้าหากไม่มีสิ่งใดพลิกโผในนาทีสุดท้าย

 

 

ตลอดทั้งเรื่องเราอาจจะได้ดูโศกนาฏกรรมของดาวค้างฟ้าจากฮอลีวูด แต่หนังก็ยังเผยให้เห็นที่มาที่ไปว่า บางครั้งการที่เป็นดาวที่จรัสแสงมาตั้งแต่วัยเยาว์นั้น ในโลกมายาทุกอย่างถูกปรุงแต่งและถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้คนดูมีความสุข ทว่าหลังกล้องนั้นชีวิตของนักแสดงกลับต้องทนทุกข์จากการกดทับทางเพศ การดูถูกและลดคุณค่าในความเป็นมนุษย์ ตัวตนที่หล่นหาย หรือกระทั่งการต้องกินยาลดความอ้วนเพื่อรักษาหุ่นให้ผอมอยู่ตลอดเวลา

 

 

จูดี้ การ์แลนด์อาจจะมอบผลงานที่ตราตรึงและอยู่ในความทรงจำของผู้ชมตลอดมา แต่ชีวิตจริงของเธอนั้นกลับตาลปัตรกับตัวละครโดโรธีใน The Wizard of Oz อย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามฉากสุดท้ายที่เธอพยายามขับร้องบทเพลง Somewhere Over the Rainbow แต่ท่อนสุดท้ายเธอไม่อาจจะร้องได้จบ ทำให้ผู้ชมบางส่วนช่วยกันขับร้องบทเพลงนี้จนจบบริบูรณ์ จูดี้จึงได้แต่โอบรับความรักจากแฟนเพลงของเธอเอง และกล่าวว่า “สัญญานะว่าจะไม่ลืมกัน”

 

มันไม่สำคัญหรอกว่าจูดี้ การ์แลนด์จะล้มเหลวในชีวิตคู่มากี่ครั้ง แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอยังมีคนรักที่ยังคอยให้กำลังใจและพร้อมสนับสนุนเธอเสมอมา ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งการได้รับความรักจากคนรอบข้างถือเป็น “พลังใจ” ที่สำคัญที่สุด แม้ “สายรุ้ง” จากจะไป แต่สิ่งที่จูดี้เหลือไว้ คือความทรงจำที่ดีสำหรับแฟนๆของเธอตลอดกาล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook