ธาร-ไทป์ ประเด็นคุกคามทางเพศในซีรีส์วาย และโลกที่ไม่ไกลเกินเตียงนอน

ถ้าจำกันได้นะคะคุณกิตติ เมื่อหลายเดือนก่อน เทยได้เขียนบทความ “สวยใดเล่า จะเท่านายเอกซีรีส์วาย” หลังจากที่เทยได้ชำแหละความแฟนตาซีชื่นตื่นตาหลุดไปจากโลกแห่งความจริงของซีรีส์วายที่ตอนนี้มีมากมายยังกะรายได้ผู้นำประเทศ เทยก็ดันไปพบเจอกับซีรีส์วายเรื่องใหม่ ที่กลายเป็นม้ามืดของปีนี้เฉยเลยค่ะ ด้วยการคว้ายอดวิวอันดับหนึ่งไปใน LINE TV ในเดือนนี้ นั่นคือ “TharnType the Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดีๆ” นั่นเอง

ลำพังเฉพาะความปังหรือมีคนดูเยอะ เทยคงไม่ชวนเมาท์ แต่เรื่องนี้ก็มีอะไรให้คุยกันกรุบๆ อยู่มากค่ะ

>> สวยใดเล่าจะเท่านายเอกซีรีส์วาย

“TharnType the Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดีๆ” เป็นซีรีส์ในหมวดหมู่วาย ออกอากาศทุกคืนวันจันทร์ เวลา 23:30 น. ทางช่อง one31 ผลิตโดย Me mind Y ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายวายเรื่อง “TharnType Story” โดย MAME “อรวรรณ วิชญวรรณกุล” โดยต้นฉบับนิยายเรื่องนี้นะคุณเอ้ย มีความอีโรติก อู้อ้าถึงเครื่อง 18+ รัวๆ เลยค่ะแม่ แต่เมื่อปรับมาเป็นบทโทรทัศน์ ก็มีการปรับแต่งให้ออกอากาศได้ รวมถึงปรับเนื้อเรื่องให้ทันยุคสมัยมากขึ้น

TharnType เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อตัวละคร ธาร และ ไทป์ สองนักศึกษาปี 1 ที่ต้องมาอยู่หอพักชายภายในมหาวิทยาลัยร่วมกัน โดย ธาร เป็นเกย์หนุ่มรูปหล่อ ดีกรีนักดนตรี ผู้แสนโรแมนติก ในขณะที่ ไทป์ เป็นเด็กหนุ่มใต้ชายแท้นักฟุตบอล ที่ออกตัวว่าเขา “เกลียดเกย์” เข้ากระดูกดำ และเมื่อเพื่อนคาบข่าวมาบอกว่า รูมเมทของเขาจริงๆ แล้วเป็นเกย์ สงครามและเรื่องราวระหว่างชายหนุ่มสองคนอันดุเดือดจึงเกิดขึ้น จนกระทั่งมันแปรเปลี่ยนเป็นความรักในที่สุด

ใช่ค่ะใช่ ตัวเนื้อเรื่องก็อาจจะพอคาดเดาได้ เป็นสูตรสำเร็จของนิยายวายหรือซีรีส์วายทั่วๆ ไป อย่างที่ทุกๆ คนก็คงพอเดาออก กับการพยายามเล่นกับภาพจำของวัยรุ่นชายในอุดมคติสองแบบ ที่ถูกจับมาอยู่ด้วยกัน แล้วใช้คาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันฟาดฟันกันไป แต่ความพิเศษที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นม้ามืดและโดดเด่น ก็คือความที่เนื้อเรื่องเดิมมันคือนิยายวายแนว 18+ ฉะนั้น ฉากเข้าพระเข้านายมันเลยโจ๋งครึ่ม ชนิดที่ว่าไม่ต้องรอเลยค่ะ

แน่นอนว่าสาวก แฟนละครสายวายที่ชอบใจ ก็คงฟินจิกหมอนไปตามๆ กันกับการเข้าพระนายแบบไม่แคร์เวิลด์ มองข้ามข้อเท็จจริงหลายประการที่ถือเป็นช่องโหว่ของซีรีส์วายแทบทุกเรื่อง ที่ว่า “ชายแท้ทุกคนเทิร์นเกย์ได้ เพียงแค่จูบเดียว” นี้ แต่ทว่าซีรีส์เรื่องนี้ กลับมีประเด็นที่วกกลับมาขยี้อย่างน่าสนใจ โดยการกลับไปล้วงปูมหลังตัวละครของ ไทป์ ว่าทำไมเขาถึงเกลียดเกย์เข้ากระดูกดำ และประเด็นนั้นกลับเป็นเรื่องที่ทำเอาเทยไม่คาดฝัน ว่าซีรีส์วาย ที่ไกลจากความถูกต้องในเรื่องเพศสภาพ จะกล้าหยิบยกเรื่องนี้มาพูดค่ะ

ใน EP.4 ที่ออกอากาศไปแล้วเมื่อสองอาทิตย์ก่อน มีการเปิดอดีตของตัวละครไทป์ในเรื่อง ว่าสาเหตุที่เขาเกลียดเกย์นั้น มาจากตอนเขาอายุ 11 ขวบ เขาถูกคนงานก่อสร้างในรีสอร์ทของพ่อตัวเอง ล่อลวงไปยังที่หนึ่ง โดยอ้างว่าจะพาไปสนามฟุตบอล แต่ทว่าเขาโดนทำร้ายร่างกาย มัดมือมัดเท้า และถูกบีบบังคับให้สำเร็จความใคร่ให้ การโดนล่วงละเมิดทางเพศแต่เด็กนี้ สร้างบาดแผลในใจให้กับ ไทป์ จนทำให้เขาเกิดอาการ Trauma และฝันร้าย รวมถึงมีพฤติกรรมรังเกียจเพศที่สามอย่างตรงไปตรงมา

แต่เจ้าพระเอกของเรานี่ก็น้า… เมื่อรู้ว่าเจ้านายเอกเขาออกอาการรังเกียจ ก็ไม่มีความถอยร่น ยังดาหน้า ออกตัวจีบ ออกตัวคุกคามอย่างรุนแรง เพราะถือว่าตัวชอบเขาแล้ว เขาดื้อมา เกลียดมา ฉันก็จะเปลี่ยนความเกลียดเป็นความรักให้ได้ซะดีดี ซึ่งการดูแลของคุณธารพระเอกของเรื่องก็เหมือนจะได้ผล ธารค่อยๆ ดูแลไทป์ในช่วงที่อาการ Trauma ของไทป์หนักจนไปเรียนไม่ได้ เมื่อไทป์รู้สึกอุ่นใจขึ้น ทัศนคติต่อเพศที่สามของเขาก็ลดลง

ปัญหาของการล่วงละเมิดเด็กชายอายุต่ำกว่า 18 ปี นับเป็นปัญหาที่พบได้เยอะมากในบ้านเรา การที่ซีรีส์วายเรื่องนี้นำประเด็นนี้มานำเสนอ ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปในหลายมุมมองเหมือนกันค่ะ บ้างก็ว่า การที่เจ้าพระเอกอย่างธารไปรุกล้ำขนาดนั้น มันก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำหรือเปล่า ว่าไอ้ชาวเรานั้น มันเป็นเพศแห่งการหื่นกระหาย เอะอะก็จะลวนลามใครๆ เขาไปทั่ว ในเมื่อเจ้าไทป์โดนล่วงละเมิดทางเพศมาแล้ว ธารก็ไม่ควรจะกระทำสิ่งเดิมซ้ำลงไปอีกก็ว่า

สำหรับประเด็นนี้ ก็คงมีการถกเถียงกันต่อไป แต่สิ่งที่เทยว่ามันน่าสนใจก็คือ เหตุการณ์ที่ขับเคลื่อนคู่ไปกับการเปิดปูมหลังของไทป์ในกรณีนี้ ก็คือใน EP เดียวกันนั้น มันดันมีกะเทยและตุ๊ดเน็ตไอดอล เจ้าของเพจชื่อดัง (ไม่ใช่กะเทยนิวส์นะคะคุณกิตติ) คือนางดันไปเจอเจ้าไทป์ แล้วชอบ อยากจะขอถ่ายรูปมาลงเพจ แต่เจ้าไทป์ก็ไม่สะดวกใจ เมื่อกะเทยเห็นว่าเขาไม่สะดวกใจ ก็แทนที่จะปล่อย ก็ดันไปรุกคืบ ไปขอเขาถ่ายรูปหนัก ลามไปยันจับมือถือแขน ลูบเนื้อลูบตัวเขาไปใหญ่ จนเขาด่ากลับเข้าให้  

“อีตุ๊ดนี่ ไปไกลๆ-ีน กูเลยนะ” 

เท่านั้นแหละดราม่าลงค่ะคุณ กะเทยเอารูป เอาเฟสอะไรไปแปะลงเพจ แล้วก็ซัดตัวละครไทป์กลับเลยว่า “เนี่ย ชายแท้คนนี้เหยียดเพศ นี่มันยุคไหนละ” ตั่งต่าง ทำเอานายเอกของเราต้องเผชิญกับปรากฎการณ์โดนตัดสินจากคนทั้งมหาลัย โดยผ่าน Social Media Sanction ขึ้นมาซะงั้น

เมื่อชายแท้ที่เกลียดเกย์ เพราะเคยโดนเกย์ล่วงละเมิดทางเพศ ก้าวมาสู่ยุค 2019 ด้วยการเผชิญการโจมตีจากเพศทางเลือกในประเด็นเดิม การตั้งคำถามว่า ใครเป็นเหยื่อกันแน่ ก็ชวนเอาน่าขมวดคิ้วพอควรเลยค่ะ เพราะประเด็นทั้งสอง ก็นับว่าเป็นประเด็นใหม่ และเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยมาก กับการชี้หน้าแปะป้ายให้ใครเป็นเหยื่อ ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะประเด็นในเรื่องเหยียดหรือไม่เหยียดนี่แหละ

เรื่องราวจะจบลงอย่างไรในตอนนี้ เทยคงต้องฝากไปติดตามย้อนหลังดูได้ แต่สิ่งที่เทยคิดว่ามันน่าสนใจ คือซีรีส์วายที่ดูพล็อตดาษดื่น จับผู้ชายจูบกันเพื่อเอาใจสายวาย กลับพัฒนาบทและเลือกประเด็นในเรื่องการโจมตีทางเพศออกมาได้น่าสนใจมากๆ ค่ะ แม้ว่าทางออกของปัญหานี้ในท้ายที่สุด จะถูกบีบให้ออกไปสู่โรแมนติกบวกอีโรติกสุดเบอร์ ด้วยตรรกะและเหตุผลแบบชวนขมวดคิ้วอยู่บ้าง แต่ก็ต้องนับว่านี่เป็นก้าวสำคัญ ที่น้อยมากว่าในซี​รีส์​ตระกูลวายจะได้เห็นกัน

เพราะการใช้ Social Media Sanction กันในละคร ส่วนใหญ่ก็มักจะวนเวียนอยู่กับคลิปตบ เมียน้อย เมียหลวง ปีสองพันเท่าไหร่ก็ว่ากันไป และมีขั้วการแบ่งฝ่ายชัดเจน ว่าฝ่ายชาวเน็ตผิด หรือคนในคลิปผิด แต่ทว่าในเรื่องนี้ การจะพูดว่าไทป์ผิด ก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะเขาก็มีแผลของเขา แต่จะบอกว่าฝั่งเจ๊กะเทยไม่ผิด มันก็ไม่ได้อีก เพราะตัวเองก็ล้ำเส้นเค้าเหมือนกัน เลยเป็นความอีหลั่กอีเหลื่อ ที่สะท้อนไปหาคนดูได้ดี เพราะกลายเป็นว่า ไม่มีอะไรขาวดำไปซะทีเดียว​ ในโลกโซเชียลมีเดีย

อีกสิ่งที่น่าสนใจใน EP เดียวกัน คือวิธีการรับมือของตัวละครไทป์ กับการโดนสังคมลงโทษ ก็โอเคแหละค่ะ หล่อนเหยียดเพศ หล่อนโดนด่า ก็พอเข้าใจ แต่การที่เจ๊กะเทยเอารูปหน้าหล่อนมาลง เนี่ย เจ๊กะเทยผิดเต็มๆ และคุณพระเอกเอง ก็ถามไถ่แล้วว่า ทำไมไม่แจ้งความ ไทป์เอง ก็ตอบในประเด็นนี้ไว้น่าสนใจค่ะว่า

“เพราะไอ้ข่าวเหี้ยนั่นอ่ะ​ ตอนนั้นทำชีวิตกูชิบหาย​ มาตามยุ่งวุ่นวาย​กับชีวิต​เด็กคนนึงที่สภาพจิตใจย่ำแย่​ ข่าวแม่งก็กรอบนิดเดียว​ มาเสือกกะชีวิต​กูจัง กูไม่ออกจากบ้านเป็นเดือนๆ​ เพราะไม่อยากให้ใครมาถามกูว่า​ เป็นไงลูก​ น่าสงสารจัง​ โถ​ ถือว่าฟาดเคราะห์​นะลูก​ ลูกพ่อมึงดิ​ ลองเป็นลูกพวกมึงบ้างไหมล่ะ​ จะได้เลิกเสือก​เรื่องของกูซะที​ และถ้าจะถามถึงความน่ากลัวของการโดนเล่นข่าวเป็นยังไงอ่ะ​ กูอ่ะ​ รู้ดีสุดแล้ว”

ทั้งๆ ที่ไทป์เป็นเหยื่อแท้ๆ แต่เขาก็รู้ว่าในสังคมไทย การถูกลากออกไปในที่แจ้ง เป็นอะไรที่เจ็บปวด และเขาเลือกจะใช้วิธีเงียบเสียดีกว่า จะเอาตัวเองไปร้องแรกแหกปากให้มันเป็นเรื่องขึ้นมาอีก

ยิ่งเป็นการสะท้อนวัฒนธรรมปิดปาก หรือ Blaming Victim ในสังคมบ้านเราเอามากๆ เลยนะคะเนี่ย

อย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นซีรีส์วายที่โครงเดิมก็ 18+ แม้จะปรับบทซีรีส์ให้กลมกล่อนมีประเด็นซ่อนไว้เพิ่มเติมตามยุคสมัย ก็นะคะ เรื่องราวมันก็วกกลับมาที่เตียง เตียง และเตียงตามเดิม คุณธาร รุกแท้สุดหล่อของเรา ก็ทำหน้าที่พระเอกจนสามารถพิชิตใจไทป์ได้ใน EP ล่าสุด

แม้เรื่องบนเตียงของทั้งธารและไทป์จะถี่ยิบ จิกหมอนสะบั้นหั่นแหลกกันไปข้าง แต่การส่งผ่านเซ็กซ์ในเชิงอำนาจบนเตียงของสองตัวละครนี้ก็น่าสนใจนะคะคุณขา รุกแท้กับชายแท้ และกลายเป็นว่าชายแท้อย่างไทป์ ก็ยอมเทิร์นตัวเองเป็น “รับแท้” ให้คุณธารซะงั้น

แม้จะต้องมานั่งคุยกันเรื่องที่มาที่ไป ปมตัวละคร และหลักการ Fluid Gender กันอีกหลายตัว แต่ก็นับว่าเป็นแนวคิดที่น่าสนใจเหมือนกัน สำหรับกรณีการมีอะไรกันแบบชายชาย ยิ่งเมาท์ไปคอลัมน์นี้ก็จะกลายเป็นปัญหาบนเตียงทางบ้านไปเสีย แต่คุณกิตติคะ เรื่องนี้เทยไม่เมาท์ไม่ได้ค่ะ

ในกลุ่มแฟนคลับนิยายเรื่องนี้ มีการตั้งกระทู้ถามกันเป็นอย่างมากว่า “สรุปไทป์เป็นเกย์หรือเปล่า” ซึ่งสาวๆ สายวาย ก็ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไทป์ไม่เป็น แต่ยกเว้นให้คุณธารเท่านั้น” ซึ่งประโยคนี้ ก็ต้องถือเป็นประโยคไม้ตายชวนฝันในซีรีส์วายแทบทุกเรื่อง ที่ว่า “กูไม่ได้เป็นเกย์ แต่กูรักมึง” เพื่อยืนยันการตามหาความรักแบบล้นพ้น เหนือกฎเกณฑ์ใดใดให้สาววายได้ฟินกัน

ซึ่งการจะอธิบายเรื่องนี้นะคะคุณ มันก็ค่อนข้างยาก เพราะมันก็จะคาบเกี่ยวกับหลักการในเรื่องเพศ​ว่า เวลาเราจะบอกว่าใครเป็น หรือไม่เป็นเกย์ มันก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณให้ใครนิยามนั่นแหละค่ะ

มีงานวิจัยตัวนึงเกี่ยวกับ Gender Study ที่เขาว่า มีกรณีชายแท้ แมนๆ เลยนะ ในรัฐแบบคาวบอยในอเมริกา ที่หนังเรื่อง Brokeback Mountain เคยไปทำวิจัยสำรวจ ก็ค้นพบชายแท้คาวบอย ที่มีหนังสือเพลย์บอยเป็นตับ มีภรรยา มีลูกที่น่ารัก เขาก็ดันมีกิจกรรมทางเพศแบบ “แมนๆ” กับคู่ขาคาวบอยด้วยกันด้วย แต่เมื่อนักวิจัยไปสร้างแบบสอบถาม เขาก็ยืนยันว่า เขาไม่มีทางเรียกตัวเองว่าเป็นเกย์เด็ดขาด เพราะเขามองว่ามันเป็นแค่กิจกรรมหนึ่ง และไม่เคยมีความคิดที่จะเลิกกับภรรยา​ 

เอ๊า​ งงล่ะสิ

แต่มันทำให้เราเห็นว่า การจะบอกว่าใครเป็นหรือไม่เป็นเกย์นั้น​ มันเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง​ มันก็ใช่​ คุณเยกันสนั่น​หวั่นไหว​แต่บอกฉันว่าไม่ใช่​ ไม่ได้เป็น​นี่ก็ตลก แต่ในแง่มุมหนึ่ง เราจะไปนิยาม​เขาทั้งๆ ที่เขายังไม่นิยามตัวเองนี่ก็​​ เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน ในบางกรณีค่ะคุณ

แต่ปัญหา​จากการไม่ยอมให้เกิดการอธิบาย​ตัวตนก็คือรัฐพวกนี้นะคะ จะผ่านกฎหมายแต่งงานเพศเดียวกัน ก็ย๊ากยาก ชายแท้ที่เย่อกันอร่อยพวกนี้แหละค่ะ ที่ไม่ยอมให้เกย์แต่งงานกัน เพราะมองว่ามันจะไปทำลายสถาบันครอบครัว ซึ่งก็จะแบบ เดี๋ยวก่อนไหมคะ คุณก็ทำเหมือนกัน แล้วทำมาเปง

ปลอม ดูออกค่ะ

มันก็เลยกลายเป็นว่า สิ่งที่ธารไทป์ กำลังพาคนดูไป ก็ไม่ใช่เพียงการพาให้สาววายจิกหมอนฟินไปเรื่อยๆ แต่มันก็ปักคำถามหลายอย่างเกี่ยวกับโลกของการลื่นไหลทางเพศไว้เหมือนกันว่า เห้ย เป็นไปได้เหรอ ยังไงซิ ใครรุกใครรับ ใครชายแท้นะลูกซิ บอกแม่ซิ แล้วมันจะยังไงต่อไปซิ 

นี่ยังไม่รวมเรื่องการที่ไทป์ก็เป็นคนใต้ ที่เขาก็ว่าอนุรักษ์นิยมเรื่องเพศสูงมาก จนดราม่าเรื่องครอบครัวอาจจะตามมา หรือธารเอง ก็เคยเป็นรับมาก่อน กับตัวละครที่กำลังจะปรากฎตัว 

โอ๊ย เนี่ย ความแฟนตาซี อร่อยๆ ของโลกที่ไม่ไกลเกินเตียงนอนนี่แหละแม่ นัวสุดแล้ว

อย่างไรก็ดี นอกจากเนื้อหาอันชวนตั้งคำถามในหลายประเด็นของ TharnType the Series สิ่งที่น่าประทับใจคือการแสดงของ มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ และ กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ ที่ดูเข้ากันอย่างประหลาด จนออร่าของทั้งคู่กลบช่องโหว่และคำถามหลายจุดของซีรีส์ไว้ได้อยู่ รวมถึงเพลงประกอบที่ก็เพราะเอาเรื่องทีเดียว จนได้รับความนิยมไปไกลถึงต่างแดนเลยนะ

อ่ะ ถึงจะวายแฟนตาซีอะไรยังไง ถ้าซื้อใจกะเทยได้ ก็ต้องให้ค่ะ สนับสนุน​เทใจให้วายเก้งลูกสาวไป

 

เหยี่ยวเทย รายงาน