รีวิว จอมขมังเวทย์ 2020 การเปลี่ยนแปลงของความเชื่อ

รีวิว จอมขมังเวทย์ 2020 การเปลี่ยนแปลงของความเชื่อ

รีวิว จอมขมังเวทย์ 2020 การเปลี่ยนแปลงของความเชื่อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

15 ปีคือระยะเวลาที่หนัง “จอมขมังเวทย์ 2020 ได้ทิ้งช่วงห่างจากเหตุการณ์ในหนังภาคแรก โดยเรื่องราวในภาคนี้ไปโฟกัสอยู่ที่ตัวละครใหม่อย่าง วิน (หมาก-ปริญ สุภารัตน์) ลูกชายเจ้าของค่ายมวยดังย่านนนทบุรี ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวหลังจากที่พ่อของเขาถูกลอบสังหารจากฆาตกรลึกลับ เพื่อชิงเครื่องรางของขลังที่พ่อติดตัวไว้ตลอดเวลา จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้วิน ตัดสินใจกระโจนเข้าสู่การสักยันต์และนำ “ของ” ตามความเชื่อโบราณเข้ามาใส่ในตัวเอง

 

 

จอมขมังเวทย์ 2020 ติดเครื่องความตื่นเต้นให้คนดูอย่างรวดเร็ว ด้วยการซัดฉากแอ็คชั่น การต่อสู้ในสไตล์หมัดมวยมือเปล่ากันตั้งแต่ฉากแรก ใส่จุดพลิกผันให้ตัวละครอย่างวินกระโจนเข้าสู่ด้านมืด แม้ว่าผู้ชมจะไม่ได้เห็นใบหน้าของฆาตกร แต่ด้วยองค์ประกอบแวดล้อมของหนังก็เอื้อให้คนดูคาดเดาได้ทันทีว่าคนร้ายของเรื่องคือใคร

 

แต่ถึงผู้ชมจะรู้ตัวคนร้ายอยู่แล้ว หนังก็ยังดำเนินต่อไปได้อย่างเปี่ยมอรรถรส เมื่อ จอมขมังเวทย์ 2020 พาคนดูไปสำรวจความเชื่ออันหลากหลายไม่ว่าจะเป็น แนวคิดของคนรุ่นเก่าที่เชื่อว่า ต่อให้คนเรามีความสามารถด้วยความพยายามมากแค่ไหน “ไสยศาสตร์” เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะผลักดันให้มนุษย์มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น สวนทางกับคนรุ่นใหม่อย่างวิน ที่มองว่าความสำเร็จของคนยุคปัจจุบันคือความมุมานะพยายามด้วยตัวเองเท่านั้น

 

 

หนังยังความเชื่อสำหรับคนยุคปัจจุบัน อันว่าด้วยพลังของจักรวาล พลังบวกจากสิ่งรอบตัวและการโอบรับความสุขที่เกิดขึ้น ถูกนำเสนอผ่านองค์กรของครูเมย์ (นก-สินจัย เปล่งพานิช) ซึ่งเต็มไปด้วยบรรดาผู้ที่ศรัทธาในแนวคิด “เราต้องคิดว่าเราคือสุดยอด แล้วเราก็จะสุดยอด นี่คือกฎของจักรวาล” อย่างมากมาย จนนำไปสู่การบูชาเครื่องรางของขลังที่ทำกำไรให้กับองค์กรนี้อย่างมหาศาล

 

 

ตัวละครแต่ละตัวในหนังเรื่องนี้ล้วนพัวพันอยู่กับความเชื่อในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การเชื่อในไสยศาสตร์เพราะต้องการ “เหนือกว่า” คนอื่น เชื่อในความถูกต้องตามครรลองของกฎหมาย เพราะในชีวิตมนุษย์ล้วนต้องเคารพในกติกาของสังคม เชื่อในการล้างแค้นเพราะจะนำมาซึ่งความสงบในจิตใจ โดยไม่ว่าตัวละครในหนังเรื่องนี้จะมีแนวคิดแบบไหนก็ตาม พวกเขาใช้มันเป็นแรงผลักดันของชีวิตทั้งสิ้น

 

 

นอกเหนือจากประเด็นความเชื่อแล้ว สิ่งที่เราอดพูดถึงไม่ได้เลย นั่นคือการแสดงที่โดดเด่นของ ก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล ที่เรียกได้ว่าเขาออกแบบตัวละคร “ก็อด” ให้น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า ท่าทาง การเล่นหูเล่นตา หรือน้ำเสียงในการเรียบเรียงประโยค จนเราอาจจะกล่าวได้ว่า เขาเป็นหนึ่งในตัวละครที่น่าจดจำที่สุดจากหนังไทยในปี 2019 เลยก็ว่าได้

 

จอมขมังเวทย์ 2020 จึงถือเป็นหนังแอ็คชั่นภาคต่อ ที่ดูเพลิน มีประเด็นชวนขบคิด และเป็นอีกหนึ่งหนังไทยที่ดูแล้วไม่รู้สึกเสียดายเงิน หรือเสียดายเวลาในรอบปีนี้ครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook