รีวิว Gemini Man ยานอนหลับฉบับวิล สมิธ
จริงอยู่ว่าโปรเจกต์ Gemini Man นั้นเคยถูกวางแผนการสร้างเอาไว้ตั้งแต่ 20 กว่าปีก่อน แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ไม่เอื้อโอนต่อการทำเทคนิคพิเศษในการจำลองใบหน้านักแสดงคนเดียวกันแต่ต่างช่วงอายุกัน ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ได้รับการสร้างจนกระทั่งปี 2019
น่าเสียดายตรงที่ว่าเมื่อ Gemini Man ที่ออกฉายในปีนี้ แม้ว่างานด้านภาพจะคมกริบ เทคนิคพิเศษ น่าสนใจแค่ไหนก็ตาม แต่ความน่าอึดอัดที่สุดก็คือการที่ผู้ชมถูกบังคับให้นั่งจ้องหน้ากับวิล สมิธ อยู่ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ใช้การโคลสอัพใบหน้านักแสดงอยู่บ่อยครั้งจนอยากเบือนหน้าหนีจากจอภาพยนตร์
ยิ่งไปกว่านั้นบทภาพยนตร์ที่ว่าด้วยการตามล่าตัวเองนั้น ถูกเล่าเรื่องราวได้อย่างราบเรียบ ใกล้เคียงกับคำว่า น่าเบื่อ ชวนง่วงหงาวหาวนอน กว่าที่ฉากแอ็คชั่นที่ตัวเอกสองช่วงอายุจะมาปะทะกัน หนังก็ผ่านเลยไปถึง 40 กว่านาทีแล้ว แถมช่วงเวลาก่อนหน้านั้น หนังก็ยัดทะนานไปด้วยบทสนทนาที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับเรื่องราวในภาพรวมนัก
ทันทีที่หนังเริ่มเผยรายละเอียดเกี่ยวกับจูเนียร์ ร่างวัยเด็กของเฮนรี่ โบรแกน (วิล สมิธ) ว่าเขาคือร่างโคลนนิ่ง ที่เคลย์ (ไคลฟ์ โอเว่น) พ่อเลี้ยง สร้างเขาขึ้นมา เราก็แทบจะหมดความสนใจในตัวหนัง เนื่องจากมันแทบไม่มีลูกล่อลูกชนอะไรให้เรารู้สึกว่า Gemini Man มีอะไรแปลกใหม่ที่หยิบเอาประเด็นทางวิทยาศาสตร์ที่ว่าเรื่องโคลนนิ่งมานำเสนอให้กับผู้ชมในยุคนี้เลยสักนิดเดียว
ในยุคสมัยที่หนังเกี่ยวกับการโคลนนิ่งมีให้ดูกันแทบชินตา Gemini Man คือหนังที่เชย ตกยุค และปราศจากความบันเทิง อีกทั้งแง่มุมที่พยายามชี้ชวนให้คนดูขบคิด ที่ว่าด้วยการที่มนุษย์เราจะทำอะไรถ้าหากมีโอกาสได้บอกตัวเองในอดีต ตัวละครอย่างเฮนรี่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการที่เขาจะบอกให้จูเนียร์เติบโตขึ้นมาด้วยความเป็นตัวเองและเลือกทำในสิ่งที่ชอบ ซึ่งนอกจากจะไม่กินใจ ซ้ำซาก ยังฟังดูเป็นบทที่เขียนมาเพื่อยัดใส่ปากตัวละครแบบทื่อๆด้วยซ้ำไป
ท้ายที่สุดแล้วเรายิ่งไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำไปว่านี่จะเป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ “อังลี่” ที่สั่งสมการทำหนังดราม่าคุณภาพมาแล้วหลายเรื่องอาทิ The Wedding Banquet, Eat Drink Man Woman, Sense and Sensibility, Brokeback Mountain กระทั่ง Life of Pi จนเรามองว่า Gemini Man น่าจะเป็นผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดเท่าที่เราเคยดูการกำกับของผู้กำกับท่านนี้
Gemini Man มีความย่ำแย่มาตั้งแต่บทภาพยนตร์แล้ว ต่อให้ทิศทางในการกำกับจะนำเสนอภาพให้น่าตื่นตาแค่ไหน สุดท้ายเรื่องราวที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ก็ไม่อาจจะสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ชมได้อยู่ดี