Charlie's Angels อย่าเรียกฉันว่า "นางฟ้า"
จากอดีตซีรีส์เพื่อนหญิง พลังหญิงยอดนิยมทางโทรทัศน์ในปี 1979 Charlie’s Angels ได้ออกอากาศเป็นครั้งแรกทางช่องเอบีซีในอเมริกา ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้ชมเป็นอย่างมาก ซีรีส์เรื่องนี้ก็แพร่ภาพทั้งหมด 5 ซีซั่น จำนวนทั้งสิ้น 110 เอพิโซด ก่อนที่จะได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 2000 ผลงานการกำกับของ แมคจี นำแสดงโดย คาเมรอน ดิแอซ, ดรูวส์ แบรี่มอร์ และ ลูซี่ ลิว ก่อนจะมีภาคต่อตามออกมาในปี 2003 กับ Charlie's Angels: Full Throttle
และแล้วปี 2019 ก็ถึงเวลาที่ Charlie's Angels ถึงเวลาในการปัดฝุ่นขึ้นจอใหญ่อีกครั้ง
เพื่อนหญิงพลังหญิงกลับมาอีกครั้ง
ทางสตูดิโออย่างโซนี่ พิคเจอร์ส มองหาตัวผู้กำกับหญิงที่จะมารับหน้าที่ในการกำกับ อลิซาเบธ แบงค์ คือตัวเลือกแรกของทางสตูดิโอ เนื่องจากเธอมีผลงานการกำกับหนัง รวมเพื่อนหญิงพลังหญิง อย่าง Pitch Perfect 2 ซึ่งได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวก อีกทั้งยังทำเงินให้กับแฟรนชายส์ดังกล่าวเป็นจำนวนไม่น้อย
ความสำเร็จของ Charlie's Angels ทั้งสองภาคในปี 2000 และ 2003 ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทั่วโลกอยากลุกขึ้นมาเตะต่อยวายร้ายให้ศิโรราบแบบ “นางฟ้า” สายลับ อลิซาเบธ แบงค์ ที่ก้าวขึ้นมารับหน้าที่เป็นผู้กำกับหนังในเวอร์ชั่นล่าสุดต้องการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการที่ผู้หญิงต่อสู้เพื่อผู้หญิงและธีมของการให้อำนาจกับผู้หญิง รวมไปถึงการมองโลกในแง่บวก
โปรดิวเซอร์อย่างอลิซาเบธ แคนทิลลัน ได้กล่าวเอาไว้ว่า คนทุกรุ่นควรจะมีนางฟ้าชาร์ลีของตัวเอง สำหรับเวอร์ชั่นซีรีส์ในปี 1979 เป็นการสะท้อนถึงการปลดปล่อยผู้หญิงให้เป็นอิสระและการปลดล็อคศักยภาพของผู้หญิงในยุคนั้น สำหรับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ในปี 2000 และ 2003 คือการแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงสามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ และสำหรับเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ เป็นการต่อยอดแนวคิดทั้งสองข้างต้นว่า ผู้หญิงสามารถทำได้ทุกอย่างถ้าได้รับโอกาส มันเป็นเรื่องของการที่ผู้หญิงสนับสนุนผู้หญิงในการทำงาน ความเป็นพี่น้องกัน การรวมใจกันและเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันถึงการได้เป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่ง นั่นเอง
จากอดีตจนถึงวันนี้
วันที่ 22 กันยายน ปี 1979 Charlie’s Angels ได้ออกอากาศเป็นครั้งแรกทางเอบีซีในอเมริกา ซีรีส์เรื่องนี้ ที่สร้างโดยอีวาน กอฟฟ์และเบน โรเบิร์ตส์และอำนวยการสร้างโดยแอรอน สเปลลิงและเลียวนาร์ด โกลด์เบิร์กเล่าเรื่องราวการผจญภัยเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมของผู้หญิงสวยสามคน ที่ทำงานให้กับหน่วยงานนักสืบเอกชน ทาวน์เซนด์ เอเจนซี ที่บริหารงานและสนับสนุนด้านเงินทุนโดย ชาร์ลี เศรษฐีลึกลับ ผู้ซึ่งไม่เคยเปิดเผยตัวตน เมื่อตอนแรกที่ซีรีส์ออกฉาย ก็ได้รับความนิยมในทันที Charlie’s Angels แพร่ภาพทั้งหมด 5 ซีซัน 110 เอพิโซดและนำไปสู่ภาพยนตร์อีกสองเรื่อง
เมื่อ Charlie’s Angels คือการให้อำนาจแก่ผู้หญิง เมื่ออยู่บนจอโทรทัศน์ สำหรับเวอร์ชั่น 2019 คือการสานต่อแนวคิดที่ว่า “ทาวน์เซนด์ เอเจนซีควรจะอยู่ที่ไหน ในอีก 40 ปีให้หลัง” ในยุคสมัยใหม่นี้ บริษัทแห่งนี้ได้ขยายตัวไปทั่วโลก สร้างเป็นเครือข่ายนางฟ้าและบอสลีย์ ผู้ดูแลพวกเธอ ในทั่วโลก อลิซาเบธ แบงค์ ต้องการตอบคำถามที่ว่า “ชาร์ลส์ ทาวน์เซนด์ได้สร้างอะไรขึ้นมาตลอดสี่สิบปีที่ผ่านมา”
Charlie’s Angels ฉบับนี้ยังคงอัดแน่นไปด้วยแอ็กชั่น เต็มไปด้วยการปลอมตัว อารมณ์เบาสมองและการวาดลวดลายในแบบที่แฟนๆ คุ้นเคยและรัก ซึ่งผู้ชมจะเพลิดเพลินไปกับวีรกรรมของตัวละครตลอดทั้งเรื่อง
สวัสดีเหล่านางฟ้า (ของชาร์ลี)
เมื่อเหล่านางฟ้าพัฒนาขึ้น ภารกิจของพวกเธอก็พัฒนาขึ้นด้วย ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เราได้พบกับเอเลนา ฮัฟลิน (นาโอมิ สก็อต) นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรผู้ปราดเปรื่อง เธอเป็นผู้สร้าง คาลิสโต แหล่งพลังงานยั่งยืนที่ถูกออกแบบมาให้ปฏิวัติวิธีการในการถ่ายทอดพลังงานให้กับสิ่งต่างๆ ของเรา ในตอนที่เจ้านายของเธอรีบเร่งนำสิ่งประดิษฐ์ของเธอออกสู่ตลาด เธอก็เตือนพวกเขาว่าในระบบยังมีข้อบกพร่องอยู่ ซึ่งก็คือหากตกอยู่ในมือของคนผิดแล้ว มันก็จะถูกใช้เป็นอาวุธร้ายแรงได้ โชคร้ายที่เจ้านายของเธอกลับเป็นพวกคนผิดซะเอง ดังนั้น เอเลนาจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากทาวน์เซนด์ เอเจนซี เรื่องราวของผู้เตือนภัยสมัยใหม่ที่คู่ควรกับนางฟ้าศตวรรษที่ 21 การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของเอเลนาได้จุดประกายการผจญภัยท่องโลกเพื่อแย่งชิงอุปกรณ์ชิ้นนั้นกลับมาก่อนที่จะมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น ซึ่งเธอได้มีโอกาสร่วมทีมกับ ซาบินา (คริสเทน สจวร์ต) และเจน คาโน (เอลลา บาลินสก้า)
คริสเทน สจวร์ต คือนักแสดงนำหญิงคนแรกที่สตูดิโอ อยากได้เธอมาร่วมงาน เพราะจากการติดตามบุคลิกของสจวร์ตเวลาออกสื่อ วิธีการสัมภาษณ์ของเธอจะเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขันและวิธีจิกกัดบางอย่าง เธอมีความแสบอยู่ในตัว นอกจากนี้เธอยังเป็นนักแสดงที่ผู้ชมรับรู้ว่าเธอมีความสามารถรอบด้าน
เอลลา บาลินสก้า ถือเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ อลิซาเบธ แบงค์ เลือกเธอมาเพราะบุคลิกเฉพาะตัวในความตรงไปตรงมา ประกอบกับบทตัวละครเจนนั้น เป็นคนประเภทที่พุ่งชนเป้าหมายและทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ซึ่งสอดรับกับนิสัยของตัวเอลลาอยู่แล้ว ดังนั้นการทำงานของเธอในหนังเรื่องนี้ เอลลาจึงทุ่มเททุกอย่างเพื่อตัวละครของเธอ
นาโอมิ สก็อต ที่เพิ่งลงมาจากพรมวิเศษในไลฟ์แอ็คชั่น Aladdin มาหมาดๆ ซึ่งบทบาทของตัวละครเอเลนานั้น ถือเป็นตัวแทนของศักยภาพที่ผู้หญิงทุกคนเก็บไว้ภายในตัว ซึ่งเป็นธีมสำคัญในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ว่าด้วย “ทุกคนสามารถเป็นนางฟ้าได้” ถ้าหาก ผู้หญิงคนนั้นรู้จักการขัดเกลาฝีมือและความสามารถของตัวเอง และมีเป้าหมายในการทำทุกสิ่งให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้นั่นเอง