[รีวิว] 21 Bridges ปูทางมาน่าสน แต่โยนทิ้งหมด
แชดวิก โบสแมน มารับบท อังเดร เดวิส ตำรวจสายสืบที่อยู่ในช่วงโดนสอบสวนจากฝ่ายกิจการภายใน ข้อหา “นิ้วรั่ว” เพราะเขาวิสามัญคนร้ายไปเยอะมากในช่วงไม่กี่ปี แล้วในคืนนั้นเองเขาก็ต้องเจอกับคดีสะเทือนขวัญ ตำรวจนิวยอร์ก 8 นาย โดนฆ่าตายในร้านอาหารจากสองมือปืนระดับพระกาฬ ที่หนีหายไปพร้อมกับโคเคนบริสุทธิ์ 50 กก. สร้างความโกรธแค้นให้กับตำรวจนิวยอร์กทั้งหมด ที่ต้องการลงโทษด้วยการจับตาย ไม่อยากให้รอดไปถึงกระบวนการยุติธรรม
บทหนังปูฉากหลังตัวละครหลักมาอย่างดีทั้งฝ่ายตำรวจและโจร เดวิส ถูกแนะนำให้รู้จักในฐานะตำรวจตงฉินที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่รุ่นพ่อที่เป็นตำรวจฝีมือดีแต่ต้องเสียชีวิตในหน้าที่ตั้งแต่เดวิส ยังเป็นเด็ก พอโตขึ้นมาก็เป็นตำรวจตามพ่อและเป็นตำรวจสายดุที่ปลิดชีวิตคนร้ายมานักต่อนัก อีกด้านคือ แจ็กสัน อดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ หลังปลดประจำการก็เข้าสู่วงการด้านมืด ด้วยการแท็กทีมกับไมเคิล น้องชายของเพื่อนรักที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วเพื่อนเสียชีวิตในสนามรบ แจ็กสันเลยรับช่วงดูแลไมเคิลต่อ แต่ดูแลด้วยวิถีของแจ็กสันด้วยพาเข้าสู่ชีวิตโจร งานคืนนี้ของแจ็กสันและไมเคิล ดูเหมือนจะง่าย ๆ เข้าไปชิงโคเคนที่ซ่อนในร้านอาหาร มีคนเฝ้าแค่คนเดียว ตามสายข่าวบอกว่ามีโคเคน 30 กิโล แต่กลับกลายเป็น 300 กิโล แล้วระหว่างที่จะหนีออกจากร้านก็ต้องเจอกับตำรวจขโยงใหญ่ ก่อให้เกิดการสาดกระสุนกัน แต่ด้วยฝีมือฉกาจของแจ็กสัน จึงปลิดชีพตำรวจเสียเกลี้ยง
ที่เล่ามานี่คือฉากแอ็กชันแรกที่หนังโชว์ฉากโหด ดุ ตั้งแต่ต้นเรื่องเลย ทำให้เราได้เห็นถึงความน่ากลัวของแจ็กสัน ที่ทั้งฝีมือดี และไร้ความปราณี เป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกับเดวิส ตำรวจสายดุเช่นกัน สร้างความคาดหวังว่าเราจะได้เห็นฉากปะทะกันอย่างดุเดือดของเดวิส และแจ็กสัน ซึ่งผิดคาดมากครับ เอาแค่นี้พอไม่สปอยล์ หนังเปิดมาได้บรรยากาศระอุมาก เดวิสประกาศกร้าว สั่งปิดทั้ง 21 สะพาน 2 อุโมงค์ แม่น้ำทุกสาย จะล่าสองมือปืนให้ได้ภายในคืนนี้ โอ้ว ฉันจะต้องได้ดูการไล่ล่าที่ตื่นเต้นเร้าใจอย่างแน่นอนภายในหนึ่งชั่วโมงจากนี้ แต่ไม่มีครับ เส้นทางของแจ็กสันและไมเคิลไม่ใช่การหนีออกจากเกาะแมนฮัตตัน แต่ไปส่งโคเคนแล้วก็ไปฟอกเงิน ซึ่งก็วนเวียนอยู่ในแมนฮัตตันนั่นแหละ
เข้าครึ่งชั่วโมงหลัง หนังก็เปลี่ยนจากการแอ็กชันไล่ล่า ไปเป็นการสืบหาผู้ร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังคดีสะเทือนขวัญนี้ ก็ดูเป็นความพยายามยกระดับของหนังจากแอ็กชันตำรวจจับผู้ร้ายธรรมดา ให้ดูมีเงื่อนงำซับซ้อนมากขึ้น แต่ก็นะ สมองแทบไม่ต้องทำงานเลย คนดูน่าจะเดากันได้หมดล่ะ เพราะมันก็เผยกันโจ้ง ๆ ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องแล้วว่าตำรวจยกขโยงมาร้านอาหารกลางดึกกันทำไม ฉะนั้นก็ต้องเตือนกันว่า อย่าไปคาดหวังอะไรมากกับเงื่อนงำของหนังที่วางไว้ตื้นมาก อันนี้ต้องชี้นิ้วไปที่ อดัม เมอร์วิส เจ้าของเรื่องที่มารับหน้าที่แปลงเรื่องของตัวเองเป็นบทภาพยนตร์ด้วย แต่ก็ยังดีที่ผู้สร้างยังจ้างมือเก๋าอย่าง แมทธิว ไมเคิล คาร์นาฮาน ที่ผ่านงานเขียนมาเพียบ Worl War Z, The Kingdom, Deepwater Horizon ให้มาช่วยเกลาอีกที ไม่งั้นคงจะแย่กว่านี้ไปแล้ว
ที่รู้สึกสะดุดตามากคือภาพลักษณ์ของแชดวิก โบสแมน ดูผิดหูผิดตาไปมากจากตอนเป็นเจ้าชายทีชาลา เรื่องนี้แชดวิก ดูซูบไปพอควร ราศีเจ้าชายหายไปหมดเลย แต่ภาพลักษณ์โดยรวมกับการใส่สูทถือปืนก็ดูเข้าที่เข้าทางดี , เจ.เค. ซิมมอนส์ มาในบทหัวหน้าหน่วยแม็กเคนนา เจ.เค. อายุเพิ่ง 65 อ่อนกว่าเดนเซล วอชิงตัน อีกนะ แต่ด้วยริ้วรอยบวกกับศีรษะล้านเลยดูเกินวัยไปมาก ชวนให้คิดว่าถ้าตำรวจวัยนี้น่าจะปลดเกษียณไปนานแล้วนะ, เซียนนา มิลเลอร์ นักแสดงหญิงหนึ่งเดียวในเรื่องนี้ ในบทบาทเจ้าหน้าที่ ปปส. ถูกส่งมาให้ประกบกับเดวิสในภารกิจนี้ รวบผมใส่แจ๊กเก็ตตัวโคร่ง ก็ดูทะมัดทะแมงสมกับเป็นตำรวจ เซียนนาเป็นนักแสดงสายหนังรางวัลเสียเป็นส่วนใหญ่ พอมาเล่นแอ็กชันแบบนี้ก็ดูเป็นงานง่าย ๆ สบาย ๆ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีอะไรให้จดจำเช่นกัน
รายที่น่าสงสารสุดคือ ไบรอัน เคิร์ก ในฐานะผู้กำกับแต่แทบไม่มีใครเห็นชื่อเลย เพราะทางการตลาดเน้นขายแต่ชื่อพี่น้องรุสโซ ในตำแหน่งผู้อำนวยการสร้าง ซึ่งงานกำกับหนังโรงครั้งแรกของไบรอัน ไม่ขี้เหร่เลย แม้แต่บทตื้น ๆ อย่างนี้ไบรอันก็ยังเล่าเรื่องได้น่าติดตาม สร้างบรรยากาศรายล้อมได้ชวนระทึก ก็นับว่าประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากงานทีวีซีรีส์ชื่อดังหลาย ๆ เรื่องอย่าง Dexter, Boardwalk Empire, Game of Thrones, Penny Dreadful นั้นไม่เสียหลาย แต่ก็น่าเป็นห่วงที่งานแรกอย่าง 21 Bridges ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก ทั้งนักวิจารณ์และรายได้
เอาว่าถ้าตัดเรื่องบทเฉลยของหนังที่เดาง่ายไปแล้ว มองกันแค่ในขอบเขตของหนังแอ็กชันเรื่องหนึ่ง ก็ถือว่ายังอยู่ในระดับมาตรฐาน ตั้งแต่ลั่นกระสุนนัดแรกไปแล้ว หนังก็เดินเรื่องเร็วปรี๊ด ไล่ล่ากันแบบไม่มีพักเลย เล่นอาวุธหนักกันทั้ง 2 ฝ่าย สาดกระสุนกันอย่างจุใจแบบไม่ต้องนับ แถมมีโชว์วิทยาการไฮเทคของตำรวจนิวยอร์ค ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในการตามล่าคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้หนังเดินหน้าไปอย่างน่าติดตาม เอาว่าคอหนังแอ็กชันดูได้ครับ ไม่เสียดายเงินไม่เสียดายเวลา