นาจา สุดความอลังในเวอร์ชันแอนิเมชัน

เปิดประสบการณ์ "นาจา" ในเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น

เปิดประสบการณ์ "นาจา" ในเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าเราพูดถึงวรรณกรรมจากแดนมังกร หลายคนคงนึกถึง สามก๊ก ไซอิ๋ว เป็นต้น อย่างไรก็ตามยังมีตัวละครระดับไอคอนที่ แค่พูดชื่อออกมา ทุกคนก็คงยังพอคุ้นหูกันบ้างอย่าง “นาจา” หนึ่งในตัวละครเทพเจ้าจีน ที่โด่งดังไม่แพ้ ซุนหงอคง เลยทีเดียว

 

 

ตำนานของนาจา

 

ตามบันทึกของคัมภีร์เฟิงเชิงหยานหยี่ นาจาถือกำเนิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ชาง ณ ป้อมปราการด่านเฉินถัง บิดาของเขาเป็นแม่ทัพที่มีนามว่าหลี่จิ้ง ผู้ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นเทพเจดีย์ ฮูหยินยิน มารดาของนาจาให้กำเนิดก้อนเนื้อกลมๆ หลังจากที่เธออุ้มท้องนาจามานานถึง “สามปีหกเดือน”  

 

 

หลี่จิ้งคิดว่าภรรยาของตนได้ให้กำเนิดปีศาจ เขาจึงตัดสินใจใช้ดาบแทงไปก้อนเนื้อก้อนนั้น ทันใดนั้นเองก้อนเนื้อได้เปิดออก ทำให้นาจาที่เติบโตเป็นเด็ก แล้วก็กระโดดออกมา ซึ่งเขาสามารถพูดได้ และเดินได้ทันทีหลังจากที่เขาออกมา เมื่อเวลาผ่านไปเทพไท่อี่เจินเหรินรับนาจาไปเป็นศิษย์ นาจาเป็นที่เคารพนับถือของชาวจีนและได้รับการขนานนามว่า “จงตั๋นหง่วนโส่ย” ที่แปลว่า “เทพผู้เผ้าประตูและคุมทหารสวรรค์” “นาจาไท้จื้อ” หมายถึง “องค์ชายนาจา” และ “ซาไท้จื้อ” หมายถึง “องค์ชายสาม”

 

จากตำนานนาจา สู่การดัดแปลงไปเป็นวรรณกรรมในหลากหลายรูปแบบ ตัวละครนี้ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างแพร่หลายตั้งแต่ปี ค.ศ.1979 เมื่อนาจาได้มาขึ้นจอภาพยนตร์เรื่อง “นาจาผู้พิชิตมังกร” และได้รับการดัดแปลงเป็นละครทีวีในหลากหลายเวอร์ชั่น รวมไปถึงดัดแปลงไปเป็นเกมคอมพิวเตอร์ จนกระทั่งล่าสุด “นาจา” ได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นและออกฉายในปี 2019

 

 

นาจา 2019

 

เมื่อพลังจากสวรรค์ได้หลอมรวมกับโลกมนุษย์ ได้ให้กำเนิดไข่มุกพลังวัตรที่หลอมรวมพลังมหาศาลไว้ด้วยกัน หยวนสือเทียนจุน เทพเจ้าสูงสุดในสวรรค์จึงสกัดไข่มุกนั้นออกเป็นสองลูก ลูกหนึ่งกลายเป็นไข่มุกสวรรค์ ส่วนอีกลูกเป็นโอสถปีศาจ ก่อนจะนำพวกมันไปเก็บไว้ในบัววิเศษเจ็ดสี ไข่มุกสวรรค์ถูกกำหนดให้จุติเป็นมนุษย์ที่จะมีส่วนในการก่อตั้งราชวงศ์โจว ในขณะที่โอสถปีศาจถูกลิขิตให้จุติเป็นปีศาจร้ายที่จะมาทำลายล้างโลก เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หยวนสือเทียนจุนได้ร่ายาถาฟ้าพิโรธใส่โอสถปีศาจเพื่อให้มันถูกทำลายภายในเวลาสามปี

 

 

เทพไท่อี่ได้รับบัญชาให้นำไข่มุกสวรรค์ไปจุติในครอบครัวของแม่ทัพหลี่จิ้ง เพื่อให้กำเนิดบุตรขึ้นมาและตั้งชื่อว่า "นาจา" แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อพญามังกรได้สลับไข่มุกสวรรค์กับโอสถปีศาจ นาจาจึงถือกำเนิดขึ้นมาด้วยพลังโอสถปีศาจ จากลิขิตสวรรค์ที่จะต้องเกิดมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ กลับกลายเป็นพญามารผู้ที่จะมาก่อภัยพิบัติขึ้นซะเอง นาจาจะฝ่าฟันต่อชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้อย่างไร และจะพบจุดจบแบบไหนกัน

 

 

จากตำนานสู่ความร่วมสมัยของคนยุคปัจจุบัน

 

ถึงเรื่องราวของนาจาจะถูกบอกเล่ามานับครั้งไม่ถ้วน แต่นาจาในเวอร์ชั่นนี้ จะเกาะอยู่กับประเด็นที่ว่าด้วย“มนุษย์นั้นสามารถยืนหยัดต่อสู้กับโชคชะตาของตนได้” ตัวละครนาจาคือตัวอย่างของคนที่ไม่สามารถจัดการกับโชคชะตาของตัวเองได้ ดังนั้นวิธีการมองโลกในแง่ดี จึงถูกนำมาตีความและใช้เพื่อรับมือกับโชคชะตาของมนุษย์แต่ละคน

 

 

บทกลอนของกู่เจิ้งได้กล่าวเอาไว้ว่า “ความมืดของรัตติกาลทำให้ดวงตาของข้ามีสีดำ แต่ข้าก็ใช้มันเพื่อมองหาแสงสว่าง แม้โชคชะตาของมนุษย์ทุกคนจะต้องตกอยู่ในความมืดมิด ข้าจะขอมองหาแสงสว่างในความมืดนั้น และหากหาแสงสว่างไม่พบ ข้าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นดวงอาทิตย์ที่จะส่องแสงสว่างให้แก่โลก” การจะลุกขึ้นมาท้าทายกับโชคชะตาที่ว่ากันว่าถูกกำหนดเอาไว้แล้ว คือข้อคิดสำคัญที่หนังในเวอร์ชั่นนี้ต้องการสื่อสารถึงผู้ชมนั่นเอง

 

ถ้าหากจะให้เปรียบเทียบประเทศจีนให้กลายเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เราจะพบว่าประเทศจีนในปัจจุบันนี้ คล้ายกับคนในวัยหนุ่มสาวที่กำลังดิ้นรนต่อสู้กับความต้องการต่างๆ ความปรารถนา สิ่งเร้ารอบตัว และความสับสน ซึ่งคอยทดสอบขีดจำกัดความสามารถรอบด้าน

 

 

แม้คนจีนในยุคปัจจุบันจะมีความเชื่อที่ว่าโชคชะตาของพวกเขาอยู่ในกำมือของตัวเองก็ตาม แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตคือความไม่แน่นอนและไม่อาจจะกำหนดได้ ตัวละครนาจาจึงเปรียบเสมือนตัวแทนของชีวิต ที่ว่าด้วยเรื่องราวของความหวัง ความรัก และการทำตามความฝัน นั่นเอง หนังเรื่องนี้จึงเปรียบเป็นเหมือนหนังที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ที่ยอมจะฉีกกฎเกณฑ์ทางสังคมเพื่อเดินตามความต้องการของตัวเอง

 

 

ผลงานของผู้กำกับหน้าใหม่และความจำเป็นในการชมในโรงใหญ่

 

“นาจา” เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่น 3D เรื่องแรกจากประเทศจีน ที่สร้างในรูปแบบ IMAX ใช้เวลาผลิตถึง 5 ปี และใช้ทีมงานกว่า 1,600 ชีวิต สตูดิโอกว่า 20 แห่ง จากทั่วทุกส่วนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานมาสเตอร์พีซเรื่องนี้ขึ้นมา ถือว่าเป็นการทำลายสถิติในการใช้ทีมสร้างภาพยนตร์ในเมืองจีนเลยทีเดียว นอกจากนี้ นี่ยังถือเป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของผู้กำกับหน้าใหม่ “เจี่ยวจือ” และเป็นเรื่องแรกที่พลิกชีวิต พร้อมเป็นรางวัลการันตีให้กับคนที่มุ่งมั่นทำความฝันของตนให้เป็นจริง ซึ่งเขาทำหน้าที่ตั้งแต่ เขียนบท กำกับ และแม้กระทั่งเป็นแอ็คติ้งโค้ชให้กับตัวละครหลักๆอย่าง นาจา, เอ๋าปิ่ง, เซินกงเป้า อีกด้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook