5 หนังสุดเซอร์ไพรส์แห่งปี 2019

5 หนังสุดเซอร์ไพรส์แห่งปี 2019

5 หนังสุดเซอร์ไพรส์แห่งปี 2019
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

นอกจากหนังฟอร์มยักษ์ที่คนดูตั้งหน้าตั้งตาคอยในแต่ละเดือน บางครั้งอาจจะมีหนังฟอร์มกลางหรือฟอร์มเล็ก ที่กลายเป็นหนังม้ามืดสามารถทำให้คนดูหรือผู้ชมเกิดอาการว้าวและกลายเป็นกระแสบอกต่อถึงความน่าสนใจในหนังเรื่องนั้นๆขึ้นมา มาลองดูกันว่า ในปี 2019 ที่ผ่านมีหนังเรื่องไหนเซอร์ไพรส์คนดูบ้านเราบ้าง

 

ดาวเด่นประจำปี

 

 

Parasite (ชนชั้นปรสิต)

 

หลังจากวันแรกที่หนังเกาหลีเรื่องนี้เข้าฉาย แม้ว่ารอบฉายจะน้อยตามประสาหนังเกาหลีก็ตาม แต่ด้วยกระแสการบอกต่อแบบปากต่อปาก จนทำให้คนดูเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้หนังย้ายโรงจากโรงเล็กๆไปสู่โรงขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนดูต่อรอบได้มากขึ้น เพิ่มรอบฉายมากยิ่งขึ้น และทำให้หนังยืนโรงฉายนานถึง 1 เดือน (กรณีแบบนี้ส่วนมากมักจะเกิดขึ้นกับหนังมาร์เวลเท่านั้น)

 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Parasite กลายเป็นหนังที่เซอร์ไพรส์คนดู เนื่องจากมันได้สะท้อนภาพความเหลื่อมล้ำของชนชั้นในสังคมออกมาได้อย่างสนุกสนานบันเทิงเริงใจ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อผ่านพ้นช่วงกลางเรื่องไป หนังก็กระโจนสู่การหักมุมในแบบการคว่ำเรือเดินสมุทรทั้งลำ จนคนดูทุกคนอ้าปากค้างเพราะคาดเดาไม่ได้เลยจริงๆว่าหนังจะจู่โจมใส่คนดูเบอร์นั้น

 

 

งานองค์ประกอบด้านภาพที่ผ่านการคิดมาแล้วอย่างดี ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้นอกจากจะเป็นหนังที่ภาพสวย สื่อความ แทรกสอดสัญญะตลอดทาง มันยังจับต้องและเข้าถึงคนทุกเชื้อชาติได้อย่างไม่ยากเย็น หลังจากที่หนังไปคว้ารางวัลสูงสุดของเทศกาลอย่างรางวัลปาล์มทองคำมาครอง (Palme d’Or) หรือภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่เทศกาลหนังเมืองคานส์มาแล้ว และดูจากรูปการณ์โดยรวมแล้วโอกาสที่หนังเรื่องนี้จะไปไกลถึงรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมก็ดูจะไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป

 

รางวัลรองอันดับ 1

 

 

Us (หลอนลวงเรา)

 

หลังจากเปิดตัวด้วยรายได้ถล่มทลายกว่า 70 ล้านเหรียญในอเมริกา Us หนังว่าด้วยครอบครัวของอเดเลด วิลสัน (ลูพิตา ญองโง) ที่เดินทางกลับมายังบ้านริมทะเลในวัยเด็ก ด้วยลางสังหรณ์บางอย่าง จนกระทั่งตกดึกของคืนวันนั้นเธอและครอบครัวได้พบกับร่างเงาของตัวเองยืนขวางหน้าบ้านของพวกเขา ค่ำคืนสุดพิสดารจึงเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับคำถามมากมายในหัว และเกมแมวไล่จับหนูสุดระทึก

 

 

ผลงานการกำกับและเขียนบทของ จอร์แดน พีล เรื่องนี้ได้พาคนดูไปสำรวจถึงประเด็นความหวาดกลัวในจิตใจของตัวเอง อีกทั้งไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดคือการหยิบเอาประเด็นทางสังคมการเมืองของประเทศอเมริกา มาเป็นสัญญะให้ผู้ชมเอาไปปะติดปะต่อเรื่องราวและตกผลึกหลังจากหนังจบลง แม้ว่าจะไม่อยากคิดมากมายให้ปวดหัว ตัวหนังก็ยังคงมอบความตื่นเต้น ระทึกขวัญให้กับคนดูได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยอยู่ดี เหนืออื่นใดคือการแสดงของลูพิตา ญองโง น่าขนลุกชวนจดจำไม่แพ้กัน

 

รางวัลรองอันดับ 2

 

 

Hustlers (ยั่ว สวย รวย แสบ)

 

ใครจะไปคาดคิดว่าหนังเกี่ยวกับนักเต้นระบำเปลื้องผ้า มาตบทรัพย์จากนักธุรกิจวอลล์สตรีท จะกลายเป็นหนังที่มาพร้อมกับการแสดงอันน่าจดจำ ประเด็นมิตรภาพระหว่างผู้หญิง ความล่มสลายของสถาบันการเงินอเมริกาที่สร้างผลกระทบต่อหลายชีวิต เพราะก่อนหน้านี้มา หนังประเภท “นางโชว์” นั้นล้วนแล้วแต่โดนนักวิจารณ์จวกยับอยู่เสมอ

 

 

เป็นไปได้ว่าผลงานการเขียนบทและกำกับโดย ลอรีน สกาฟาเรีย เป็นหนังที่ถ่ายทอดออกมาโดยสายตาของผู้หญิงด้วยกันเอง เธอจึงมีความเข้าใจในเรื่องเพศสภาพ หนังเรื่องนี้จึงมีความเซ็กซี่ แต่ไม่ดูชีกอแบบหนังอย่าง Show Girls ของผู้กำกับพอล เวอร์โฮเว่น แถมการแสดงอันน่าจดจำของเจนนิเฟอร์ โลเปซ อาจจะทำให้เธอไปไกลถึงการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์เลยก็ว่าได้

 

รางวัลชมเชย

 

 

Joker (โจ๊กเกอร์)

 

จะไม่ให้เซอร์ไพรส์ได้อย่างไร ที่ตัวละครจากโลกคอมมิกส์จะนำพาหนังสักเรื่องไปไกลถึงการคว้ารางวัลสูงสุดของเทศกาล Venice Film Festival ครั้งที่ 76 มาครอบครอง ซึ่งหนังเรื่องใดก็ตามที่คว้ารางวัลในเทศกาลนี้มักจะมีบทบาทสำคัญในเวทีออสการ์ในปีถัดไปอย่างมาก

 

 

ผลงานการกำกับและเขียนบทของทอดด์ ฟิลลิปส์ เรื่องนี้ได้นำเสนอตัวละคร โจ๊กเกอร์ ให้ออกมาในรูปแบบของชายที่มีปัญหาเกี่ยวกับความบกพร่องทางร่างกาย ประกอบกับสภาพสังคมที่ย่ำแย่ จนเขาตกเป็นจำเลยของสังคม แน่นอนว่าการแสดงที่วาคีน ฟีนิกซ์ มอบให้กับหนังเรื่องนี้ คือการแสดงที่น่าจดจำและเป็นการทุ่มเทอย่างมาก จนคาดว่าเขาน่าจะได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ในปีหน้าเกือบ 100%

 

รางวัลชมเชย

 

 

Midsommar

 

หนังเหวอๆของผู้กำกับ แอริ แอสเตอร์ ที่ว่าด้วย แดนี่ (ฟลอเรนซ์ พิวจ์) และ คริสเตียน (แจ็ค เรย์เนอร์) โดยฝ่ายหญิงเพิ่งจะเผชิญหน้ากับการสูญเสียครอบครัวไปแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อพวกเขาตัดสินใจออกทริปเดินทางไปยังเทศกาลของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในประเทศสวีเดน เพื่อเฉลิมฉลองการที่พระอาทิตย์จะไม่ตกดินติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ท่ามกลางความสว่างไสว แดนี่และเพื่อนๆก็เริ่มค้นพบกับความน่าสะพรึงที่ซุกซ่อนอยู่

 

 

ความเซอร์ไพรส์ของหนังเรื่องนี้คือมันเป็นหนังสยองขวัญที่ไม่มีฉากความมืดเลย ถ้ามีก็คงแค่ 1% เท่านั้น ด้วยความยาวของหนังที่ไม่เป็นมิตรกับคนดู ประกอบกับเหตุการณ์อันน่าอึดอัดและชวนฉงน ยิ่งทำให้ Midsommar กลายเป็นหนังที่มีความน่าสนใจ อีกทั้งยังชวนคนดูทำความเข้าใจกับคนที่มีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้อย่างแนบเนียน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook