Last Christmas เดทกันวันคริสต์มาส
Last Christmas, I gave you my heart But the very next day you gave it away This year, to save me from tears I'll give it to someone special คือท่อนฮุค ติดหู จากบทเพลง Last Christmas ของ จอร์จ ไมเคิล วง Wham! สู่แรงบันดาลใจในการสร้างหนังภายใต้ชื่อบทเพลงเดียวกันเดียวกัน
สาวเศร้าในคืนวันก่อนคริสต์มาส
เคท (เอมิเลีย คล๊าร์ก) เดินกระแอมกระไอไปทั่วลอนดอน ด้วยการตัดสินใจแย่ๆ มาตลอด บวกกับเสียงกระทบกันของลูกกระพรวนที่รองเท้าของเธอ อีกหนึ่งความน่าหงุดหงิดจากงานที่เธอทำ เคทต้องแต่งตัวเป็นเอลฟ์อยู่ในร้านขายของคริสต์มาสตลอดทั้งปี
ทอม (เฮนรี่ โกลดิ้ง) ดูเป็นชายหนุ่มที่ดีเกินจะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ เมื่อเขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเคท และเริ่มมองผ่านอุปสรรคมากมายในชีวิตของเธอ เมื่อลอนดอนก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่แสนวิเศษที่สุดของปี ดูเหมือนระหว่างทั้งสองคนนี้ไม่มีทางจะไปด้วยกันได้ แต่บางครั้ง คุณก็ต้องปล่อยให้หิมะตกลงในจุดที่มันต้องตก คุณแค่ต้องฟังเสียงจากหัวใจ และคุณต้องมีศรัทธากับเรื่องบางเรื่องก็เท่านั้นเอง
หลากนักแสดงคุณภาพ
มิเชลล์ โหย่ว ในบท “ซานต้า” เจ้าของร้านยูลไทด์ วันเดอร์ฟูล ซึ่งเคททำงานอยู่ และเอ็มม่า ธอมป์สันในบท เพตรา แม่ผู้เหลือจะทนของเคท ผู้ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกสาวของเธอซึ่งเคยเป็นนักร้องประสานเสียงที่น่ารักดังเทพธิดา ถึงได้ละทิ้งพรสวรรค์ดังกล่าวไป Last Christmas ยังร่วมเสริมทัพด้วยกองทัพนักแสดงสมทบที่ล้วนแต่มีฝีมือ ลิเดีย เลนนาร์ด รับบท มาร์ท่า พี่สาวที่มีวินัยเกินพิกัดของเคท ผู้อยากให้น้องสาวของเธอมีความรับผิดชอบบ้าง บอริส อิซาโควิค รับบท อิวาน พ่อของเคทและมาร์ท่า ผู้เหนื่อยหน่ายต่อโลก เขาชอบขับรถแท็กซี่ทั้งคืนมากกว่าที่จะกลับบ้าน และปีเตอร์ มายกินด์ รับบท เดอะเดน ผู้หลงใหลในคริสต์มาส และอุทิศตัวให้กับการเลียนแบบซานต้า
จุดเริ่มต้นของหนัง
ราว 10 ปีที่แล้ว ผู้อำนวยการสร้าง เดวิด ลิฟวิ่งสโตน เริ่มต้นพัฒนางานสร้างภาพยนตร์ตลกโรแมนติก เรื่องหนึ่งที่อิงจากบทเพลง “Last Christmas” ของจอร์จ ไมเคิล ทั้งหมดทั้งมวลเกิดมาจากความหลงใหลที่เขามีต่อภาพยนตร์คลาสสิกเรื่อง It’s a Wonderful Life ในปี 1946 และอยากจะสร้างหนังที่เกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาสโดยมีแรงบันดาลใจมาจากเนื้อเพลงดังกล่าว
เมื่อได้ไอเดียแล้วผู้อำนวยการสร้างจึงติดต่อไปหาตัวจอร์จ ไมเคิล ซึ่งทางฝั่งนักแต่งเพลงและนักร้องชื่อดังมีข้อแม้ว่า เอ็มม่า ธอมป์สัน จะต้องเข้ามามีส่วนในการบริหารด้วย หลังจากการตกลงเรียบร้อย เอ็มม่าจึงมีส่วนทั้งการเป็นโปรดิวเซอร์ ร่วมเขียนบท และแสดงนำในหนังเรื่องนี้
หลังจากที่เอ็มม่า ธอมป์สัน เริ่มพูดคุยกับเกร็ก ไวส์ ก่อนที่จะเริ่มร่างบทด้วยกัน แต่ทั้งสองก็พักงานนี้ไว้สักระยะ จนเวลาสามปีผ่านไป ทั้งสองจึงกลับมาสานต่องานที่เริ่มไว้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้พวกเขาได้ไบรโอนี่ คิมมิ่งส์ อีกหนึ่งมือเขียนบทมาช่วยวางกรอบของพล็อตเรื่อง ที่เปี่ยมไปด้วยจินตนาการ มุมมองที่น่าสนใจ ทำให้หลังจากนั้นเอ็มม่าและเกร็ก สามารถสานต่อเรื่องราวเพิ่มเติม
น่าเศร้าระหว่างที่มีการพัฒนาบท ในวันคริสต์มาสของปี 2016 จอร์จ ไมเคิล ได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า บรรดาทีมงานเบื้องหลังเริ่มลังเลว่าโปรเจ็กต์นี้ยังจะได้เดินหน้าต่ออยู่หรือเปล่า แต่สุดท้ายแล้ว Last Christmas ยังคงดำเนินหน้าต่อไป
แค่เงยหน้ามองฟ้า
ในบทหนังเรื่อง Last Christmas เป็นเรื่องราวของสองคู่รักที่เหมือนอยู่คนละขอบฟ้าระหว่างเคทและทอม ซึ่งประโยควรรคทองของหนังเรื่องนี้คือ “แค่เงยหน้ามอง คุณจะได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่คาดไม่ถึง” เพราะการเงยหน้ามองสิ่งอื่นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับยุคสมัยปัจจุบันที่บรรดาคนในสังคมเสพติดอยู่กับโทรศัพท์และสังคมวัตถุนิยมที่ทุกคนตกหลุมพรางของการเติมเต็มความสุขให้กับตัวเอง เหมือนกับโลกของเคทที่ต้องจมอยู่กับโลกของห้างสรรพสินค้า
ส่วนทอมอยู่ในโลกอีกใบหนึ่งที่เขาพยายามเปิดใจกับสิ่งต่างๆ แม้ว่าพระเอกคนนี้จะมาในมาดนักบุญ แต่ความเป็นจริงแล้วเขาออกจะเป็นคนใจแคบและพยายามตัดสินทุกอย่างจากสิ่งที่เขาเห็น แต่ในมุมมองของตัวละครอย่างเคท เขากลับมองทอมว่าเป็นคนที่ดีเลิศ สนใจในทุกสิ่ง อยากรู้อยากเห็น มันคงดีแน่ๆ กับการเป็นคนสมบูรณ์แบบ
ทว่าเอ็มม่า ธอมป์สัน ไม่อยากจะเขียนบทที่ว่าด้วยผู้ชายสมบูรณ์แบบมาเที่ยวสอนความรักแบบอุดมคติให้กับผู้หญิง เพราะนั่นคงเป็นบทภาพยนตร์ที่ถูกผลิตขึ้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เธอเลยอยากจะใส่ความน่าสนใจของตัวละครนี้ด้วยการที่ทำให้เขามีความแปลกประหลาดบางอย่างที่คนดูสามารถรู้สึกได้ทันที นั่นก็คือการที่ตัวละครอย่างทอม ไม่มีโทรศัพท์มือถือ!!! ซึ่งในยุคสมัยปัจจุบันถือเป็นสิ่งที่ประหลาดมากที่สุดประการหนึ่งเลยทีเดียว
พอล ฟีกกับการมาทำหน้าที่ในการกำกับ
ด้วยมุมมองที่เอ็มม่า ธอมป์สัน มีต่อพอล ฟีก คือการที่เธอมองว่าผู้กำกับคนนี้เป็นนักเรียกร้องสิทธิสตรี และเขาก็ไม่กลัวที่จะพูดถึงประเด็นดังกล่าว เธอชอบวิธีที่เขาทำงานกับผู้หญิงในภาพยนตร์ทุกเรื่อง และเมื่อมองย้อนไปหนังในอย่าง Bridesmaids และ Spy แล้วจะเห็นได้ว่าอารมณ์ขันในหนังเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และเธอก็อยากได้ ผู้กำกับที่ไม่ใช่คนอังกฤษ มาสร้างหนังที่มีลักษณะเป็น “จดหมายรักถึงลอนดอน” เพราะเธอเชื่อว่าเธออยากจะได้มุมมองสายตาของคนนอก เพราะจะได้ความแปลกใหม่ คุณจะชื่นชมในความงามของสะพานอัลเบิร์ต คุณจะสังเกตเห็นถึงความงามของถนนเจอร์มิน ถนนรีเจนต์ บริกซ์ตัน และบริคเลน ในแบบที่คนอังกฤษเองอาจจะหลงลืมไปแล้วว่าสถานที่เหล่านี้มีมนต์เสน่ห์มาเนิ่นนานแล้ว