[รีวิว] ฮาร์ทบีท เสี่ยงนัก..รักมั้ยลุง - เสน่ห์พรอยมนกับพี่เคนในหนังรักพลอตเดาง่าย
ชัย (ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) หนุ่มใหญ่ได้มาเข้าพักในโฮมสเตย์ของ น้ำหวาน (มนสภรณ์ ชาญเฉลิม)เด็กสาววัยรุ่นที่มีปัญหาโรคหัวใจ เขามาเชียงใหม่ครั้งนี้พร้อมรูบิกและความรู้สึกที่ยังติดค้างกับการจากไปของแฟนเก่า จน น้ำหวาน ค่อย ๆ ทลายกำแพงระหว่างวัยของเขาไปทีละน้อย แต่ติดปัญหาเดียวคือ ผู้ชายสไตล์ลุงอย่างเขามีโลกที่ต่างจากเธออย่างสิ้นเชิง แถมยังมีภาพของคนรักเก่าคอยวนเวียนมาโผล่ในความทรงจำของเขาอยู่ทุกทีที่อยู่กับน้ำหวาน สุดท้ายช่องว่างระหว่างใจจะกระชับจนช่องว่างระหว่างวัยถูกถมได้หรือไม่ต้องติดตาม
ด้วยเชื่อว่าตัวหนังได้ส่วนผสมเรียกแขกแรง ๆ อย่าง พี่เคน ธีรเดช ที่ยังไง๊ยังไงก็ตกสาวน้อยสาวใหญ่ด้วยหางเสียง “คะขา” จากตัวอย่างหนัง ไปจนถึงการดึงนักแสดงสาวสุดฮอต (หรือเปล่า) อย่าง พรอยมน มนสภรณ์ ที่เพิ่งตกหนุ่ม ๆ ไปในบท “น้องฝึกงาน” ใน น้อง พี่ ที่รัก แล้วถ้าไม่พอ..กลัวหนังจะขาดตัวเรียกแขกเป็นเด็กรุ่นใหม่หนังก็ยังมี ท้อป LazyLoxy แร็ปเพอร์สุดฮอตมาร่วมแสดงและขยันถอดเสื้อโชว์รอยสักไว้เรียกบรรดาสาว ๆ อีก เรียกได้ว่าทุกอย่างที่หนังมีดูจะห่างไกลจากเพลงประกอบอย่าง รู้ว่าเสี่ยง..แต่คงต้องขอลอง ยิ่งนัก แต่พอตัวอย่างหนังออกมา รวมไปถึงการได้มาดูหนังจริง คือพี่ว่า..หนังน้องเสี่ยงว่ะ.
เสี่ยงอันแรกเลย คือ การคิดเอาเองว่า เทรนด์ผู้ชายสูงวัยมา แล้วจะเอาดาราทีวีสุดหล่อมาเล่นหนังรักที่พลอตซ้ำซากแบบนี้เนี่ยนะ? คือต่อให้คุณไม่ต้องดูหนังรักเป็นร้อยเรื่อง เอาแค่สุ่มหนังไทยแนวโรแมนติกในรอบ 5 ปีนี้มาดูก็พอ จะพบว่าพลอตที่เอาอายุเอย หรือ หนังที่มีฉากจี๊ด ๆ นางเอกล้มตัวแล้วพระเอกรับเอย หรือจะเป็นมุกเสี่ยว ๆ (แต่แป๊ก) ที่นางเอกเล่นเอย ล้วนแล้วแต่ผ่านการรีไซเคิลกันมาแบบเห็นแค่หัวซีนก็รู้แล้วว่ามันจะไปต่อยังไง ทั้งนางเอกที่เริ่มทำตัวงี่เง่ามากขึ้น พระเอกที่เริ่มเกิดอาการ “อ่ะฮึก” เวลาหันมาเจอนางเอกพอดี แล้วที่เลวร้ายที่สุดพอพระเอกบอกอายุ 40 คราวนี้หนังเล่นประเคนอาการคนแก่มาแบบเกินพอดี ทั้งกลัวความสูง กลัวความเร็ว สายตายาว ใช้สมาร์ตโฟนไม่เป็น ซึ่งถือว่าโอเวอร์จนไม่น่าเชื่อถือแล้ว การพยายามไปเล่นกับความโรแมนติกของยุค 90 อย่างการส่งโพสการ์ดกลับยิ่งทำให้หนังคลีเช่หนักยิ่งกว่าหนังไทยที่ออกฉายในช่วงปี 2520-2530 อีกนะเนี่ย
เสี่ยงที่สอง คือ หนังยังอุตริคิดว่า เชียงใหม่ เป็นเมืองโรแมนติกอยู่อีกเหรอ ? คือ 10 กว่าปีที่แล้วเราก็มี เพื่อนสนิท ช่วยจุดเชียงใหม่ฟีเวอร์ ทำเอาผู้ชายอยากเป็นไข่ย้อยกันทั้งประเทศ (ชื่อตัวละครนะครับไม่ใช่อาการต่อมลูกหมากผิดปกติ) แล้วจากนั้นหนังหลายเรื่องก็วนเวียนกันไปใช้เชียงใหม่เป็นโลเคชั่น แต่กับ ฮาร์ทบีท นี่หนักเลย เพราะแต่ละสถานที่นี่คือ ที่เที่ยวที่หนัง ละคร ไปถ่ายกันมาทะลุหมดแล้ว แต่ถ้าจะนับว่าร้านกาแฟเปิดใหม่ หรือ ฟู้ดทรัค เป็นความแปลกใหม่ก็เอาที่พี่สะดวกเถอะนะ… แถมยิ่งหนังมีภาคบังคับให้ต้องเอาคู่พระนางไปเล่นเครื่องเล่นอันตรายก็กลายเป็นการตอกย้ำเลยว่าหนังไม่ได้สนใจว่าจะพาตัวเองไปสู่จุดขัดแย้ง หรือ ปมปัญหาที่เหมือนหนังรักอีกเกือบแปดหมื่นสี่พักหกร้อยเจ็ดสิบเก้าเรื่องที่ลงท่าเดียวกันหมด ต่อให้หนังจะถ่ายได้สวยแค่ไหนก็ไม่ได้นำเสนอมุมมองแปลกใหม่ของสถานที่เท่าใดนัก ที่ซ้ำร้ายคือพอจะขายสถานที่หนังก็เลยเสียเวลาที่ตัวเองควรจะเล่าเรื่องหรือเพิ่มเหตุและผลให้การกระทำของตัวละครไปกับการพาเที่ยวของนางเอกอย่างน้ำหวาน ที่ดูเธอจะเสี้ยนการได้ออกเที่ยวนอกบ้านเหลือเกินทั้งที่แม่ก็เป็นห่วงสั่งห้ามต่าง ๆ นานา แต่ก็แปลกใจทำไมยอมให้ลูกสาวมากับคนแปลกหน้าได้วะ ฮ่าาาา.
อีกเสี่ยงอันนี้คือจุดที่หลายคนน่าจะเห็นตรงกันว่า “แปลกปลอม” ไม่เข้ากับเรื่องที่สุดคือ ฉากเล่นเกม Free Fire ในหนังที่มาตั้งแต่ฉากเปิดเรื่อง หรือ จะเป็นกิจกรรมที่นางเอกและเพื่อนชอบทำไปจนถึงชวนให้พระเอกเล่นเกมนี้เพื่อให้หนังมีพื้นที่โฆษณา แถมหนักข้อถึงขั้นให้พี่เคนใส่เสื้อยืด Free Fire. สีขาวเหมือนฝ่ายคอสตูมลืมเตรียมเสื้อผ้าแล้วเอาเสื้อยืดสปอนเซอร์มาให้ใส่ ซึ่งพังมาก! แล้วการนำเสนอก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นเร้าใจเพราะพอเป็นหนังงบน้อย เอฟเฟกต์ก็เลยดูปลอม ๆ ดูแล้วก็ได้แต่กุมขมับ และเราอาจต้องพิจารณาแล้วล่ะว่าเราควรเสียค่าบัตรชมภาพยนตร์อันแสนแพงเพื่อมาดูโฆษณาขายตรงแบบนี้หรือไม่? ที่ร้ายที่สุดคือต่อให้เล่นกี่คน ในภาพแฟนตาซี ก็มีแค่ พรอยมน กับ พี่เคน เลยอดเห็นเลยว่า โอนีล ฐิตินันท์ คลังเพชร น้องแว่นเพื่อนนางเอกเวลาอยู่ในเกมใส่ชุดอะไร ปั่ดโถ่ว์…
เอาล่ะมาปิดท้ายกันที่จุดที่หนังมั่นอกมั่นใจกันบ้าง นั่นคือการมีอยู่ของพี่เคน ธีรเดช ที่นอกจากละครที่ทำเอาสาว ๆ ติดกันทั่วบ้านทั้วเมืองแล้วก็มีทั้งหนังฮิตสุดขีดอย่าง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2552) งานขายฝีมืออย่าง ข้างหลังภาพ (2544) และพอหายจากจอใหญ่ไปร่วม 10 ปี ปีก่อนเขาก็เริ่มรับงานหนังอีกครั้งกับ นรก 6 เมตร งานทริลเลอร์แฟนตาซีที่แฝงความกลัวของคนอายุ 40 กำกับโดย พิง ลำพระเพลิง เจ้าพ่อหนังรักสุดแนว เราอาจเดาไม่ได้เลยว่าทำไมดาราเบอร์ใหญ่อย่าง ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ถึงมาปรากฎในหนังรักที่เอาอายุผู้ชายเป็นจุดขายอย่าง เสี่ยงนัก..รักมั้ยลุง แบบนี้ได้ เพราะบท ชัย นี่แทบไม่ต้องพึ่งพาพลังการแสดงระดับพี่เคนเลยด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือบทภาพยนตร์ที่ปั้นคาแรกเตอร์ให้ชัยเหมือนคนอายุ 60 ในร่างพี่เคนทั้งเรื่องความเชย ขับรถช้า ๆ ความเซื่องต่าง ๆ นานา ซึ่งเอาจริง ๆ คือคนอายุ 40 ในชีวิตจริงของเรามันดูวัยรุ่นกว่านี้เยอะป่ะวะ? ดังนั้นเหตุผลเดียวที่ตัวละคร ชัย ต้องมาสิงในร่างพี่เคนก็คงหนีไม่พ้นเหตุผลในการร่วมจอกับน้องพรอยมน มนสภรณ์ ชาญเฉลิม ในบทน้ำหวานลูกสาวเจ้าของโฮมสเตย์นี่แหละ ซึ่งเธอก็เอาตัวรอดด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวจากใบหน้าเก๋ ๆ และเคมีที่เข้ากันกับพี่เคนทำให้เกิดโมเมนต์ชวนจิกหมอนขึ้นหลายซีนอยู่เหมือนกัน แต่กระนั้นก็เป็นบทหนังเหมือนกันที่ไม่ได้ให้ตัวละครทำอะไรมากไปกว่าทำตัวงี่เง่า เว้าวอนอยากได้ผู้ จนดูเธอ “สลิด” มากกว่าน่าสงสาร อีกอย่างคือรำคาญเสียงหัวใจเต้นของน้ำหวานมากเป็นเสียงที่เหมือนไปเอาสต็อกไรบรารีที่ละครชอบมาใช้ใส่เข้ามาเพื่อให้คนดูตื่นเต้น แต่กับหนังกลับทำให้รู้สึกรำคาญเสียมากกว่า จนบางทีถ้าเทียบกับบทน้องฝึกงานใน น้อง พี่ ที่รัก ที่เพิ่งฉายไปต้นปีเรากลับรู้สึกว่าพรอยมนในเรื่องนั้นมีเสน่ห์กว่าเรื่องนี้เยอะเลย จนน่าเสียดายว่าได้บทนำทั้งทีน่าจะได้อยู่ในหนังที่มีบทแข็งแรงกว่านี้หน่อย ส่วน ท้อป LaxyLoxy ในบทเก่งกี้ ที่บทดูจะส่งให้เป็นตัวขโมยซีนและเหมือนจะเป็นอุปสรรคความรักระหว่าง นำ้หวาน และ ลุงชัย ก็กลายเป็นสร้างความรำคาญมากกว่าจะสร้างสีสันไปเสียอีก
เอาเป็นว่า ฮาร์ทบีท เสี่ยงนัก..รักมั้ยลุง อาจไม่ได้เหมาะสำหรับคนที่อยากดูหนังที่มีพลอตแปลกใหม่ หรือ หนังรักจี๊ด ๆ ไว้ประดับโพรไฟล์คนดูหนังโรแมนติก เก็บโควตจากบทพูดดี ๆ หรอก แต่มันเหมาะกับแฟนคลับพี่เคนที่อยากเห็นเขาบนจอใหญ่ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์และสามารถอยู่รอดได้ทั้งในทีวีและจอภาพยนตร์จริง ๆ ส่วน พรอยมัน และ โอนีล ก็น่าจะทำให้หนุ่ม ๆ ใจเต้นบ้างแหละ ส่วนมุกในหนังก็ขยันปล่อยทิ้งเรี่ยราดมาก เชื่อว่าอาจโดนใจคนเส้นตื้นอยู่สักมุกสองมุกนะครับ ลองไปดู