[รีวิว] ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ ครอสโอเวอร์โดดดิด่ง หนังเจ๊ก้อง ห้วยไร่ ที่แท้ทรู
เป็นอีกค่ายที่สร้างความประหลาดใจให้เราได้เสมอ ๆ กับ BNK48 ที่เปลี่ยนภาพจำกับการเป็นไอดอล สดใส วัยรุ่น กทม. ที่มีเพลงอย่าง Koisuru Fortune Cookie คุกกี้เสี่ยงทาย สุดฮิตเป็นเพลงประจำแก๊ง มามีโพรเจกต์ด้านภาพยนตร์ในนามบริษัท บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต ฟิล์ม ที่เปิดเส้นทางอื่น ๆ ให้ตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเผยมุมด้านดราม่าหรือด้านดาร์กของการเป็นไอดอลในสารคดีของ เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ เรื่อง BNK48 : Girls Don’t Cry โดยเป็นความร่วมมือกับบริษัท แซลมอน เฮ้าส์ และจัดจำหน่ายโดยค่ายใหญ่อย่าง GDH 559 ด้วย ก่อนจะส่งเจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ กับ มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ มาสายนักแสดงมากฝีมือด้วยการับบทนำในหนังดราม่าแฝงสัญญะสังคมการเมืองแบบฉบับของ คงเดช จาตุรันต์รัศมี ในเรื่อง Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า โดยร่วมกับ สไลด์เดอร์ แคท กับ ซอง ซาวด์ โปรดักชัน และจัดจำหน่ายโดย ซีเจ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จนคนเริ่มคิดว่าหนังฉบับ BNK48 มักจะฉีกไปสายรางวัล ๆ ดราม่า ๆ หน่อยจาก 2 เรื่องที่ผ่านมา
แต่ปรากฏว่า บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต ฟิล์ม ก็ปล่อยโพรเจกต์ใหม่พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น ไอแอม ฟิล์ม มาสร้างความประหลาดใจอีก ด้วยการร่วมมือกับจักรวาลหนังชื่อดังจากฝั่งอีสานที่ฮิตไปทั่วประเทศอย่าง ไทบ้านเดอะซีรีส์ ผลงานของบริษัท เซิ้ง โปรดักชั่น แอนด์ ออแกไนเซอร์ และจัดจำหน่ายโดยค่ายใหญ่อย่าง สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ในเรื่อง ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ ถ้าสังเกตดี ๆ ก็ต้องยอมใจในฝีมือการบริหารที่ดึงดูดค่ายใหญ่ ๆ หลากหลายแนวทั้งเอกอุในไทยและเชี่ยวชาญงานขายไปตลาดสากลมาช่วยได้ ทั้งยังทำให้ บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต ฟิล์ม มีประสบการณ์การทำธุรกิจภาพยนตร์ผ่านการเรียนรู้จากพาร์ตเนอร์เก่ง ๆ โดยอัตโนมัติด้วย เชื่อว่าในอนาคตเราอาจเห็นค่ายอย่าง ไอแอม ฟิล์ม มาเป็นอีกหนึ่งค่ายสำคัญที่ยืนเดี่ยวเป็นอีกเสาที่ค้ำจุนวงการหนังไทยได้ด้วย (สองปีที่ผ่านมาด้วยการทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายค่ายก็สามารถส่งหนังฉายได้ถึงปีละ 2 เรื่อง ในระดับที่คุณภาพกีมีจุดน่าสนใจเสมอ ถือว่าเริ่มต้นได้เยี่ยมเลย)
โดยครั้งนี้หนังได้สองผู้กำกับอย่าง สุรศักดิ์ ป้องศร กับ ธิติ ศรีนวล จากหนังไทบ้านเดอะซีรีส์มารับไม้จาก BNK48 ในการนำน้อง ๆ กลุ่มไอดอล 48 นี้มาเล่นในแบบฉบับหนังไทบ้าน เพื่อเสริมกำลังรุกเข้าสู่ตลาดที่แตกต่างจากฐานแฟนเดิมของกันละกัน เป็นโพรเจกต์ที่มองว่า วิน-วิน ทั้งคู่จริง ๆ ที่สำคัญรอบนี้เรายังจะได้เห็นน้อง ๆ BNK48 กลุ่มใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากหนังเรื่องเก่า ๆ มาโลดแล่นกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็น น้ำหนึ่ง, ปูเป้, เนย, แก้ว, โมบายล์, น้ำใส, ตาหวาน และ ไข่มุก แห่ง BNK48 มาเล่นเป็นตัวเองในเรื่องราวสมมติที่ดูแอบอิงความจริงไว้เหมือนกัน และในมุมหนึ่งก็เหมือนหนังที่ช่วยทำความเข้าใจระหว่างออฟฟิศเชียลของวง กับน้อง ๆ ในวง และเหล่าโอตะ ที่ว่ากันตามตรงก็มีดราม่าให้ติดตามจากการเดาเองคิดเองของแฟนคลับอยู่เยอะเช่นกัน ข้อดีคือเราได้เห็นมุมมองของฝั่งผู้บริหารและการทำงานของหลังบ้านวง BNK48 แบบใกล้ชิดพอสมควรด้วย
เนื้อเรื่องว่าด้วย จ๊อบซัง อยากทดลองตลาดใหม่ ๆ เพื่อกู้วิกฤตของวงที่กำลังเสื่อมความนิยม โดยส่งให้น้อง ๆ ทั้ง 8 คนต้องไปทำเพลงหมอลำ โดยไปศึกษาวิถีชีวิตและการร้องแบบต้นกำเนิดอย่าง เจ๊ก้อง ห้วยไร่ ศิลปินชื่อดังแอ๊บแมนที่กำลังเป็นหนี้ก้อนมหาศาลและหวังจะกอบโกยเงินจากโอกาสนี้แบบทำผลงานส่ง ๆ ให้จบไป ทั้งนี้ก็ได้ จ่าลอด และน้องชายอย่าง มืด แห่งไทบ้านมาเป็นลูกมือในการสอนน้อง ๆ ให้เป็นราชินีหมอลำ พลอตมาอิหร่อบนี้ก็น่าจะไปตามสูตรสำเร็จคือ ไอดอลเมืองกรุงเรียนรู้ชีวิตความลำบากจากบ้านนอก ที่ขมปนฮาจากพาเหรดนักแสดงสายตลกมากมายที่มาสร้างสถานการณ์ซิตคอม ทั้งความลื่นไหลใสซื่อของจ่าลอด ความแซ่บแบบตุ๊ดอีสานของเจ๊ก้อง (ซึ่งขอยืนยันว่าเจ๊ก้องคือตัวขโมยหนังเป็นของตนเองที่แท้จริง ถ้าจะถามว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังไทบ้านหรือหนัง BNK48 ก็ตอบได้มั่นใจว่ามันคือหนังเจ๊ก้องต่างหาก และหลังจากเรื่องนี้เราคงมองเขาเหมือนไม่ได้อีกต่อไป 555)
เมื่อผสมความป่วนม่วนฮาจากมุกทั้งล้อตัวเอง มุกความซื่อ มุกความกระล่อน และมุกไทอินที่เกลียดไม่ลง จากทั้งชาวไทบ้าน และความผิดที่ผิดทางของน้อง ๆ BNK48 ที่พอผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ก็ได้รับการปรับเปลี่ยนมุมมองและเติบโตขึ้นเป็นคัมมิ่งออฟเอจสไตล์ที่ให้ความรู้สึกอิ่มฟีลกู้ดนั่นเอง แต่ทว่า เอาเข้าจริงหนังไปได้ไกลกว่านั้นและแทบทำลายความเป็นหนังสูตรสำเร็จอย่างกล้าหาญพอสมควร ทั้งเรื่องที่ว่าหนังไทบ้านมักกระชากผู้ชมสู่ดราม่าหนักได้แบบไม่รู้ตัวเป็นทุนเดิมแล้ว ส่วนหนึ่งก็คือหนังกล้าท้าทายด้วยคำถามว่าระหว่างกฏระเบียบกับหัวใจอะไรสำคัญกว่ากัน ซึ่งถ้าเป็นเรื่องอื่นคงเดาทางได้แบบไม่ต้องสงสัย แต่กับเรื่องนี้เราจะเห็นอะไรมากกว่านั้น คงต้องให้ไปดูกันเอง แต่ยืนยันได้อย่างหนึ่งจากการนั่งชมอยู่หลังน้อง ๆ BNK48 รุ่น 2 ในรอบสื่อก็เห็นอากัปอาการว่า หนังคงกระแทกใจพวกน้อง BNK48 อยู่ไม่น้อยทีเดียว
จุดที่หนังยังมีกะพร่องกะแพร่งบ้างก็มี ความไม่ค่อยเข้าขากันในช่วงแรกที่มาครอสกันระหว่างน้อง ๆ และชาวไทบ้าน เพราะต่างคนต่างเด่น
ในทางของตนเองเกินไป หลาย ๆ จังหวะตัดต่่อก็ทอดปลายแต่ละซีนจนรู้สึกไม่ค่อยลงตัวนัก การพัมนาในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลักก็ยังรู้สึกให้เวลาไม่มากพอจนไม่ทันอินว่ามันสนิทกันขนาดนั้นตอนไหน อาจเพราะหนังมีตัวละครมากที่ต้องแบ่งสรรปันส่วนเล่า แต่กระนั้นก็ยังมีอย่างน้อย 2-3 คนเลยที่สุดท้ายไม่สามารถมีฉากจำของตนเองได้ และปัญหาเล็กน้อยที่ว่าหนังมีหลายฉากที่หากไม่เคยดูไทบ้านมาก่อนจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ระหว่างตัวละครบางคู่นัก ส่วนสิ่งที่ผิดคาดมากที่สุดคงเป็นเรื่องของการที่หนังน่าจะชูเพลงเป็นตัวนำของเรื่องทั้งพลอตการทำเพลง ตลอดจนเพลงโพรโมที่ปล่อยมามากมาย แต่ในหนังกลับสนองจุดนี้ได้น้อยเกินไป
สรุป โดยรวมด้วยความเด่นขององค์ประกอบใหม่ ๆ อย่างไทบ้านกับ BNK48 และก้อง ห้วยไร่ หนังจึงสนุกและบันเทิงมาก ยากที่จะไม่ยิ้มไปกับตัวละครทั้งหลาย แม้มีความพร่องในบางจังหวะแต่ก็ไม่สาหัสจนทำร้ายความม่วนจั้มสะบั้นแหลกของเรื่องนี้ได้เลย ที่สำคัญถ้าอยากรู้จัก BNK48 ให้มากกว่านี้ นี่คือโอกาสสำคัญที่จะเห็นมุมที่ไม่เคยเห็นด้วย ส่วนสาวกไทบ้านเองก็ห้ามพลาดเพราะมันถูกนับเป็นภาคต่อของแฟรนไชสืไม่ใช่แค่สปินออฟและยังปูทางสำหรับหนังเรื่องใหม่ของไทบ้านด้วย