รีวิว Dolittle ล้มเพื่อลุกขึ้นใหม่

 

ถึง Dolittle จะเปิดตัว ทำรายได้ในอเมริกาได้น่าผิดหวัง มิหนำซ้ำบรรดานักวิจารณ์ยังจวกยับถึงภาพรวมของหนังที่ไม่สู้ดีนัก กระนั้นแล้วเมื่อเรามองย้อนกลับไปถึงเจตนาของสตีเฟ่น กาแกน ผู้กำกับและเขียนบท ที่ตั้งใจจะสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นเพื่อให้เหล่าบรรดาเด็กๆอายุไม่เกิน 10 ขวบได้เพลิดเพลินไปกับบรรดาเหล่าสรรพสัตว์พูดได้ ก็ดูเหมือนว่าหนังเรื่องนี้ สามารถตอบวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้อย่างชัดเจน แต่บรรดาผู้ใหญ่ที่เคยดูหนังผจญภัยมาไม่น้อยอาจจะเกิดอาการหาวหวอดได้เหมือนกัน

 

ตัวหนังเลือกจะพูดถึงเรื่องราวของดร.จอห์น ดูลิตเติ้ล (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์) ชายผู้มีพรสวรรค์ในการสื่อสาร เจรจาเข้าใจกับเหล่าสรรพสัตว์ได้ ชีวิตเขาดูเหมือนจะราบรื่นและมีความสุขอย่างมาก เขาได้แต่งงานกับภรรยาลิลี่ (คาเซีย สมัทเนียก) และได้ออกผจญภัยไปในโลกกว้างด้วยกัน จนกระทั่งวันหนึ่งลิลี่ได้ขอออกเดินทางไปเพียงคนเดียวและประสบอุบัติเหตุเรือล่มทำให้เธอเสียชีวิต

 

 

ดูลิตเติ้ลรู้สึกเศร้าโศกเสียใจและกลายเป็นคนที่จมอยู่กับตัวเอง เขาจึงหลีกหนีโลกภายนอกไปอยู่หลังกำแพงสูงของคฤหาสน์ดูลิตเติ้ลร่วมกับบรรดาสัตว์เพื่อนสนิท แทบไม่มีใครได้ข่าวคราวจากเขาอีกเลย จนกระทั่งวันหนึ่งพระราชินีวิคตอรีย (เจสซี่ บัคลี่ย์) เกิดประชวรอาการหนัก เลดี้โรส (คาร์เมล ลาเนียโด้) จึงเดินทางเพื่อมาขอความช่วยเหลือจากดูลิตเติ้ล เพื่อขอความช่วยเหลือพร้อมกับแจ้งข่าวว่า ถ้าหากพระราชินีเสด็จสวรรคต คฤหาสน์ดูลิตเติ้ลจะถูกยึดที่ดินกลับไปเป็นของแผ่นดินอังกฤษ ส่งผลให้ดูลิตเติ้ลต้องหาหนทางช่วยชีวิตพระราชินีด้วยการเดินทางไปยังเกาะอันห่างไกลเพื่อค้นหาสมุนไพรวิเศษในการนำกลับมาช่วยชีวิตให้ทันเวลา

 

ก่อนออกเดินทางดูลิตเติ้ลคือคนที่จมปลักอยู่กับอดีตที่ไม่อาจจะหวนคืน จนกระทั่งเด็กชายอย่างทอมมี่ สตับบิ้น (แฮร์รี่ คอลเล็ตต์) ที่ปีนข้ามรั้วคฤหาสน์เพื่อนำกระรอกที่โดนกระสุนปืนมาให้ดูลิตเติ้ลทำการรักษา หลังจากที่เขาได้ช่วยเหลือชีวิตของเจ้ากระรอก ก็เหมือนกับว่าเขาได้กลับมาทำงาน ไฟในตัวของดูลิตเติ้ลจึงถูกจุดให้ติดขึ้นอีกครั้งนั่นเอง

 

 

ชีวิตของเราทุกคนก็แทบไม่แตกต่างอะไรจากตัวละครดูลิตเติ้ล เราอาจจะต้องเผชิญกับความทุกข์แสนสาหัส เราอาจจะเลือกจมอยู่กับอดีตตลอดไป แต่สุดท้ายแล้วหน้าที่และความรับผิดชอบย่อมเดินทางมาเคาะประตูถึงหน้าบ้านอยู่ดี ถึงเราหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น เพราะทุกลมหายใจของชีวิตคือการออกเดินทาง เรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงของชีวิต ทำความเข้าใจ ยอมรับ หาทางแก้ไขและเดินหน้าต่อ

 

ในทุกการผจญภัยย่อมนำมาซึ่งการได้เรียนรู้ตัวเอง ทำความเข้าใจผู้อื่น เติบโตจากการฝ่าฟันอุปสรรคอันยากลำบาก และท้ายที่สุดแล้วเราจะกลายเป็น “ตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น” นั่นเอง ล้มเพื่อลุกขึ้นใหม่ ไม่มีอะไรที่ยากเกินจิตใจของมนุษย์เรา