เก็งผลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบชาย-หญิงยอดเยี่ยมจาก 10 รายชื่อผู้เข้าชิง
รางวัลออสการ์ครั้งที่ 92 ประจำปี 2020 กำลังเดินทางเข้าสู่โค้งสุดท้ายซึ่งจะมีการพิธีประกาศผลในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ฮอลลีวูด หรือเช้าวันที่ 10 กุมภาพันธ์ช่วงเช้าตามเวลาในบ้านเรา สำหรับสาขานักแสดงยอดเยี่ยมทั้ง 4 สาขานั้นโดยเฉพาะนักแสดงสมทบ แม้ว่าดูเหมือนจะมีตัวเต็งยืนหนึ่งนอนมาอย่าง Brad Pitt ในสาขาสมทบชายยอดเยี่ยมและ Laura Dern ในสาขาสมทบหญิงยอดเยี่ยม แต่รางวัลที่ชวนลุ้นให้พลิกล็อคอยู่เสมอสำหรับเวทีนี้ก็คือสาขาสมทบของนักแสดงนี่เอง ที่หลายปีก็ประกาศชื่อผู้ชนะภายในงานอย่างที่ตัวเต็งถึงกับเหวอไปเหมือนกัน
วันนี้ What the Fact ขอชวนทวนความจำและทำความรู้จักกับนักแสดงทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่ได้เข้าชิงรางวัลในสาขาทั้งสองนี้ ที่แม้แต่แค่ได้เข้าชิงก็นับเป็นความยอดเยี่ยมและน่าไปตามหาหนังที่พวกเขาและเธอแสดงเอาไว้มาดู โดยรางวัลสมทบหญิงจะถูกประกาศเป็นรางวัลแรกของพิธีตามธรรมเนียม ตามมาด้วยรางวัลสมทบชายในอีก 3-4 รางวัลถัดมา
Brad Pitt จาก Once Upon a Time…in Hollywood
ตัวเต็งที่สุดของสาขานี้ในปีนี้ชนิดที่คนอื่นแทบจะเป็นตัวประกอบไปแล้วในนาทีนี้ โอกาสของนักแสดงหลายคนที่จะได้รับรางวัลในแต่ละปี จะถูกบวกเข้าไปด้วยคะแนนความสงสารที่นักแสดงที่อยู่บนเส้นทางการแสดงมายาวนานคนนั้นยังไม่เคยได้รับรางวัลเลยเข้าไปด้วย ซึ่งกับ Pitt นั้นก็เข้าสู่เกณฑ์การให้คะแนนความน่าสงสารข้อนี้พอดี เพราะอีก 4 ผู้เข้าชิงนั้นล้วนแล้วแต่เคยได้ออสการ์มาแล้วทุกคน (จริงๆ Pitt ก็เคยได้ออสการ์มาแล้วหนึ่งครั้ง แต่เป็นการได้จากสาขาอำนวยการสร้าง เนื่องจากบริษัท PLAN B ของเขาสร้าง 12 Years a Slave ที่ได้รับรางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเมื่อปี 2014) Pitt เคยเข้าชิงสาขาทางการแสดงจาก Twelve Monkey (1996), The Curious Case of Benjamin Button (2008), Moneyball (2011) และสาขาผู้อำนวยการสร้างจาก The Big Short (2015) ก็คงจะถึงเวลาอันสมควรที่จะได้รางวัลในปีนี้เสียที
Brad Pitt แสดงเป็นสตั๊นท์แมนตกอับชื่อ “คลิฟฟ์ บูธ” ที่แทบจะเป็นเหมือนคนรับใช้ให้กับ “ริค ดาลตัน” ของ Leonardo DiCaprio ซึ่งเป็นตัวละครหลักของ Once Upon a Time…in Hollywood ของผู้กำกับ Quentin Tarantino ที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตเหล่านักแสดงในช่วงฮอลลีวูดยุค 60s ซึ่ง Pitt นั้นได้รับคำชมว่าขโมยซีนนักแสดงคนอื่นทุกฉากที่เขาปรากฎตัว รางวัลใหญ่อื่น ๆ ที่ได้รับก่อนหน้าจากบทนี้คือ ลูกโลกทองคำ, Broadcast Film Critics Association Awards, Chicago Film Critics Association Awards, National Board of Review และ Screen Actors Guild Awards
Tom Hanks จาก A Beautiful Day in the Neighborhood
คนสนิทของเวทีออสการ์อีกคนที่แวะเวียนมาเข้าชิงให้เป็นสีสันของการประกาศรางวัลอยู่เสมอสำหรับ Tom Hanks กับการเข้าชิงในปีนี้ที่หนัง A Beautiful Day in the Neighborhood ไม่ได้มีบทบาทเด่นจากการเข้าชิงในสาขาอื่น ๆ เลย เขาจึงเป็นตัวแทนของเรื่องเพียงคนเดียว รวมถึงความยากในการแสดงเป็น Fred Rogers ผู้ดำเนินรายการ MisterRogers และ MisterRogers’ Neighborhood ในช่วงปี 1968-2001 ที่เป็นตัวแทนของรายการสอนใจเด็กอเมริกัน ก็ไม่ได้ยากขนาดที่ต้องมอบรางวัลให้ แม้ว่าตัวละครและหนังจะมอบแง่คิดและพลังบวกให้กับคนดูอย่างมากมายก็ตาม
Tom Hanks เคยชนะรางวัลออสการ์นำชายยอดเยี่ยม 2 ปีซ้อนซึ่งเป็นคนแรกและคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่เคยทำแบบนี้ได้ ใน 2 ปีนั้นคือ ปี 1994 รับบทเป็นทนายความที่ถูกไล่ออกเพราะติดเชื้อ HIV ใน Philadelphia และปี 1995 ต่อมากับบทที่โด่งดังที่สุดในชีวิตของเขาในการรับบทเป็นชายออทิสซึมแต่จิตใจดีงามอย่าง Forrest Gump เข้ายังเคยเข้าชิงอีก 3 ครั้งจาก Big (1988), Saving Private Ryan (1998) และ Cast Away (2000) ส่วนบทบาทในเรื่องนี้เขาเขา ยังได้รับรางวัล AARP Movies for Grownups Awards, North Texas Film Critics Association และเข้าชิงอีกร่วม ๆ 15 เวที ก่อนหน้านี้
Al Pacino จาก The Irishman
แม้ว่าจะเป็นไม้ประดับให้กับหลายเวทีรางวัลไปแล้วในตอนนี้สำหรับหนัง Irishman หนังแก๊งเสตอร์ที่ดีที่สุดในชีวิตของผู้กำกับ Martin Scorsese รวมถึงในสาขานักแสดงด้วยที่ไม่ถูกนับให้เป็นตัวเต็ง และโอกาสในการคว้ารางวลแทบไม่มีเพราะเพื่อนร่วมจออย่าง Pitt ใน Once Upon a Time…in Hollywood ซึ่งเขาไปร่วมแสดงอยู่ด้วย น่าจะคว้ารางวัลไปได้ แต่สถานการณ์ของ Al Pacino นั้นก็ยังดีกว่าเพื่อนร่วมจออย่างรุ่นเก๋า Robert De Niro ที่พลาดไม่ได้เข้าชิงเลยสักเวทีเดียว และเราก็คงไม่อาจปฏิเสธฝีมือการแสดงที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดมานานกว่า 50 ปีคนนี้ไปได้
Pacino ที่เคยคว้ารางวัลออสการ์มาแล้วจาก Scent of a Woman ที่ต้องย้อนไปถึงปี 1993 และนั่นคือการเข้าชิงครั้งหลังสุดของเขาก่อนจะถึงปีนี้ โดยมีประวัติเข้าชิงในสาขาการแสดงยาวเหยียด ต้ังแต่ The Godfather (1972), Serpico (1973), The Godfather: Part II (1974) ซึ่งเป็นนักแสดงหนึ่งในสามคนเท่านั้นในประวัติศาสตร์ที่ได้เสนอชื่อเข้าชิงจากบทบาทเดืมที่เคยแสดงไว้ Dog Day Afternoon (1975), …and justice for all. (1979), Dick Tracy (1990), Glengarry Glen Ross (1992) ส่วนในปีนี้ เขาได้รางวัลอื่น ๆ จากบทบาท “จิมมี ฮอฟฟา” Hollywood Film Awards และได้เข้าชิงทีมนักแสดงยอดเยี่ยมบนเวที BAFTA และ Screen Actors Guild Awards ด้วย
Joe Pesci จาก The Irishman
เข้าชิงพร้อมกับเพื่อนร่วมเรื่องเดียวกัน The Irishman อย่าง Al Pacino ที่แม้จะเหมือนกับถูกส่งมาแข่งกันกลาย ๆ แต่เมื่อไม่ได้ไปเป็นตัวเต็งกันทั้งคู่ก็ไม่น่าจะต้องห้ำหั่นอะไรกันมากนัก Pesci ที่ห่างหายจากวงการแสดงไปนาน โดย 20 ปีมานี้เขารับเล่นหนังไปแค่ 5 เรื่องก่อนหน้า The Irishman ที่เขากลับมาก็คงเป็นเพราะคำเชิญของผู้กำกับเพื่อนเก่าอย่าง Martin Scoresese ที่ Pesci เคยโด่งดังมาด้วยกันจากหนังอย่าง Raging Bull (1980) ซึ่งทำให้เข้าเข้าชิงรางวัลสมทบชายเป็นครั้งแรก, Goodfellas (1990) ที่ทำให้เขาได้คว้ารางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม และ Casino (1995)
Joe Pesci ได้เข้าชิงจากบท “รัสเซลล์ บัฟฟาลิโน” หนึ่งในแก๊งเสตอร์ของเรื่อง นับว่ายังมีโอกาสที่ได้จะได้ออสการ์ในปีนี้มากกว่า Pacino และถ้ามีพลิกล็อคจาก Pitt ก็คงมาลงเอยที่ Pesci นี่เอง เพราะเขาถูกเสนอชื่อเข้าชิงเวทีลูกโลกทองคำ, BAFTA, Broadcast Film Critics Association Awards และยังกวาดรางวัลมาได้จากนับสิบเวทีเช่น ชนะจาก Detroit Film Critics Society Awards, Florida Film Critics Circle Awards, Hollywood Critics Association, Indiewire Critics’ Poll, Kansas City Film Critics Circle Awards, Nevada Film Critics Society, New York Film Critics Circle Awards, Philadelphia Film Critics Circle Awards, San Diego Film Critics Society Awards, Utah Film Critics Association Awards
Anthony Hopkins จาก The Two Popes
แม้ว่าจะเป็นไม่ประดับอีกคนแต่ก็เป็นไม้ประดับที่ฝีมือระดับตำนาน สำหรับท่านเซอร์ Anthony Hopkins ที่ไม่มีใครไม่รู้จักนักแสดงผู้รับบท “ฮันนิบาล เล็กเตอร์” บทที่โด่งดังที่สุดคนนี้ไปได้ ซึ่ง Hopkins ก็คงจะเต็มใจมอบออสการ์ตัวแรกในชีวิตให้กับ Pitt เพื่อนเก่าที่เคยร่วมงานกันในหนังมาแล้วหลายหน ทั้ง Legends of the Fall (1994) และ Meet Joe Black (1998) Hopkins รับบทเป็น “พระสันตปาปาเบเนดิคต์” ในหนัง The Two Popes ของ Netflix ที่ส่งการแสดงให้สองนักแสดงนำเข้าชิงรางวัลทั้งคู่ อีกคนคือ Jonathan Pryce ในบท “พระสันตปาปาฟรานซิส” ที่แสดงเป็นตัวประกอบในหนังหลายเรื่องมานาน ก็มีโอกาสได้เข้าชิงรางวัลสำคัญกับเขาเสียที
Anthony Hopkins เคยคว้าออสการ์มาแล้วจากบทฮันนิบาล เล็กเตอร์ ใน The Silence of the Lambs (1991) ที่เป็นบทบาทฆาตกรโรคจิตเพียงคนเดียวที่เคยได้รับรางวัลนี้ และยังเคยเข้าชิงจาก The Remains of the Day (1993), Nixon (1995) และ Amistad (1997) ส่วนในเวทีอื่น ๆ ของปีนี้เขาไม่ได้รับรางวัล เพียงแต่เข้าชิงในหลายทุกเวทีรางวัลใหญ่ทั้งลูกโลกทองคำ, BAFTA และ Broadcast Film Critics Association Awards
Laura Dern จาก Marriage Story
ตัวเต็งของสาขาสมทบหญิงในปีนี้อย่าง Laura Dern ที่โด่งดังมาจากบทนำใหนังไดโนเสาร์ในตำนานอย่าง Jurassic Park (1993) ซึ่งก็ได้มีการประกาศออกมาแล้วว่า เธอจะกลับมารับบทเดิม “แอลลี่ แซทเลอร์” ใน Jurassic World ภาค 3 ที่จะออกฉายปี 2021 นอกจากนี้ เธอก็เพิ่งมีบทบาทในหนังฟอร์มยักษ์อย่าง Star Wars: The Last Jedi (2017) ให้แฟน ๆ ทั่วไปได้รู้จักเธอ ในปี 2019 Dern ได้แสดงบทบาทในหนังและซีรีส์เด่น ๆ ไว้มากมายชนิดที่ว่า ต้องได้เข้าตากรรมการและได้เข้าชิงจากหนังสักเรื่อง ตั้งแต่ Marriage Story ที่ได้เข้าชิงในที่นี้ Little Women ที่ Florence Puge ก็ได้เข้าชิงมาเป็นคู่แข่งด้วย และมินิซีรีส์รวมดาวนักแสดงออสการ์นำหญิง Big Little Lies ซีซัน 2 ที่เธออาจจะได้เข้าร่วมแก๊งออสการ์ด้วยถ้าคว้ารางวัลในปีนี้
Laura Dern ที่รับบท “นอรา แฟนชอว์” สาวใหญ่สุดคลั่งจนคนดูต้องเหวอใน Marriage Story เคยเข้าชิงออสการ์มาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกต้องย้อนไปถึงงานประกาศผลปี 1992 จากหนัง Rambling Rose และ Wild (2014) ที่เธอร่วมแสดงกับเพื่อนซี้ Reese Witherspoon ส่วนรางวัลอื่น ๆ ที่เธอกวาดไปแล้วและทำให้เธอขึ้นแท่นตัวเต็ง ได้แก่ ชนะลูกโลกทองคำ, Broadcast Film Critics Association Awards และ Screen Actors Guild Awards (เช่นเดียวกับ Brad Pitt) ในเวทีใหญ่ ชนะรางวัลเวทีรองลงมาอย่าง AARP Movies for Grownups Awards, Atlanta Film Critics Circle, Boston Society of Film Critics Awards, Dallas-Fort Worth Film Critics Association Awards, Denver Film Critics Society, Detroit Film Critics Society Awards, Film Independent Spirit Awards, Florida Film Critics Circle Awards, Hollywood Film Awards, Indiewire Critics’ Poll, Iowa Film Critics Awards, National Society of Film Critics Awards, New York Film Critics Circle Awards, Palm Springs International Film Festival, Toronto Film Critics Association Awards และ Vancouver Film Critics Circle
Kathy Bates จาก Richard Jewell
ดาราสาวใหญ่สุดยอดฝีมืออีกคนของวงการในหนัง Richard Jewell ผลงานของผู้กำกับรุ่นเก๋า Clint Eastwood ที่ในทีแรกนึกว่าตัวหนังจะมาแรงและได้เข้าชิงเยอะกว่านี้ (ระดับผู้กำกับ Million Dollar Baby เลยนะ) แต่สุดท้ายสาขานี้กลายเป็นสาขาเดียวของหนังที่ได้เข้าชิง (Paul Walter Hauser พลาดเข้าชิงการแสดงไปอย่างน่าเสียดายมาก) Katy Bates รับบทในหนังสร้างจากบทความของ Vanity Fair เกี่ยวกับชีวิตของ ริชาร์ด จีลล์ในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่แอตแลนตาเมื่อปี 1996 จีลล์ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยที่ บริษัทโทรคมนาคม AT&T และพบว่ามีคนวางแผนระเบิดที่เซนเทนเนียลโอลิมปิกพาร์ค จึงรีบแจ้งเรื่องให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่สุดท้าย ริชาร์ด จีลล์ กลับต้องเป็นผู้ต้องสงสัยด้วย
Kathy Bates เคยคว้าออสการ์มาแล้วจากบทนำหญิงในหนัง Misery ปี 1991 และเข้าชิงอีก 2 ครั้งจาก Primary Colors (1998) และ About Schmidt (2002) ส่วนบทบาทของเธอในปีนี้ได้เข้าชิงบนเวทีลูกโลกทองคำ และชนะรางวัลจาก National Board of Review แต่เธอก็ไม่น่าจะได้เป็นผู้ชนะบนเวทีออสการณ์ พิจารณาจากการที่เธอเคยได้รางวัลมาแล้ว และไม่ได้กวาดรางวัลเวทีย่อยอื่น ๆ มากมายนัก
Scarlett Johansson จาก Jojo Rabbit
การได้เข้าชิงออสการ์สองสาขาทั้งนำหญิง (จาก Marriage Story) และสมทบหญิงในปีเดียวกัน อาจจะเป็นรางวัลที่ใหญ่สุดแล้วสำหรับ Scarlett Johansson ที่เข้าชิงในปีที่ผู้ร่วมแข่งขันเป็นสายแข็งและเต็งจ๋า เธอยังมีเวลาในวงการอีกยาวนานที่จะกลับมาประกาศความยอดเยี่ยมกับรางวัลในอนาคต จะว่าไปแล้วการเข้าชิงจากบท Rosie ใน Jojo Rabbit หนังตลกเสียดสีบรรยากาศสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีตัวละครฮิตเลอร์ในแบบต๊อง ๆ ถือว่าสร้างเซอร์ไพรส์อยู่พอสมควรที่ทำให้เธอได้เข้าชิง เพราะเวทีอื่น ๆ ไม่ค่อยมีชื่อเธอเข้าชิงในสาขานี้ (แต่มี Jennifer Lopez จาก Hustlers แทบจะเกือบทุกเวทีแทน)
นี่คือการเข้าชิงครั้งแรกในชีวิตของนักแสดงที่กำลังจะมีหนังฮีโรมาร์เวลอย่าง Black Widow เข้าถล่มตารางหนังทำเงินในช่วงกลางปีนี้ เธอยังได้เข้าชิงแบบควบสองในอีกหลายเวที ทั้ง BAFTA, Broadcast Film Critics Association Awards, Online Film & Television Association แต่ส่วนมากของปีนี้ เธอไปคว้ารางวัลจากสาขานำหญิงมากกว่า ซึ่งจะมาเล่าให้ฟังกันอีกทีตอนที่เก็งผลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
Florence Pugh จาก Little Women
นักแสดงดาวรุ่งมาแรงอีกคนของปีนี้ ที่ก็กำลังจะได้นำแสดงใน Black Widow ร่วมกับ Scarlett Johansson ผู้ร่วมเข้าชิงในสาขาเดียวกันนี้ Pugh มีหนังเล่นในปี 2019 ถึง 3 เรื่องคือ Fighting with My Family หนังครอบครัวนักมวยปล้ำประกบ Dwayne Johnson, Midsommar หนังสยองขวัญทั้งที่หนังอยู่ในฉากสีสดและสว่างทั้งเรื่อง เป็นที่พูดถึงของนักวิจารณ์ว่า ถ้าออสการ์พร้อมจะให้หนังสยองขวัญเข้าชิงอีกเช่นเดียวกับตอน Get Out หนัง Midsommar ก็น่าจะได้เข้าชิงรางวัลสำคัญ ๆ บ้างเช่นกัน และมาถึง Little Woman หนังสี่ดรุณีเวอร์ชันล่าสุดที่ส่งให้ Saorise Ronan นักแสดงเพื่อนร่วมจอเข้าชิงสาขานำหญิงเป็นครั้งที่ 4 (แต่ Emma Watson พลาดโอกาสเข้าชิงไปอย่างน่าเสียดาย)
Florence Puge เข้าชิงรางวัลบาฟตา และไล่กวาดรางวัลจากเวทีย่อย Alliance of Women Film Journalists, Austin Film Critics Association, Boston Online Film Critics Association, British Independent Film Awards, Chicago Film Critics Association Awards, Denver Film Critics Society, Detroit Film Critics Society Awards, Florida Film Critics Circle Awards, Georgia Film Critics Association (GAFCA), North Carolina Film Critics Association, Philadelphia Film Critics Circle Awards, San Diego Film Critics Society Awards, Utah Film Critics Association Awards ที่ถ้าสมมตว่า Laura Dern เกิดพลิกล็อคพลาดรางวัล ส้มหล่นก็น่าจะมาตกที่ Puge ที่ Dern แสดงร่วมอยู่ใน Little Women ด้วยกันนี่เอง
Margot Robbie จาก Bombshell
กำลังจะมีหนังรวมดาววายร้ายฮีโรออกฉายในเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นเดือนแห่งการประกาศรางวัลออสการ์นี้พอดิบพอดีสำหรับ Margot Robbie ที่รับบท “ฮาร์ลีย์ ควินน์” ในหนัง Birds of Prey ยืนยันการเป็นนักแสดงแถวหน้าที่เป็นที่ต้องการตัวในหนังเมนสตรีมและหนังหวังรางวัล เธอได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ (ควบกับบทจาก Bombshell นี้) ในบทของนักแสดงผู้ล่วงลับ “ชารอน เทต” จาก Once Upon a Time…in Hollywood ด้วย แต่ออสการ์ให้เข้าชิงแค่จากเรื่องเดียว Bombshell เล่าถึงเหตุการณ์ที่ได้รับแรงบันดาลมจากกระแส #MeToo เมื่อ 2 ปีก่อน ที่นักข่าวสาวช่อง Fox News ลุกขึ้นมาแฉผู้บริหารชาของช่องว่าใช้ทั้งวาจาและกำลังลวนลามผู้หญิงที่ทำงานอยู่ภายใต้อำนาจของพวกเขา
Margot Robbie รับบท “เคย์ลา” ร่วมกับสองนักแสดงตัวแม่ที่ได้ออสการ์กันมาแล้วทั้ง Nicole Kidman และ Chalize Theron ที่ก็ได้เข้าชิงสาขานำหญิงในปีนี้จาก Bombshell ด้วยเหมือนกัน (แต่ Kidman อด) Robbie เคยเข้าชิงมาแล้วจากหนังชีวประวัตินักไอซ์เสก็ตหญิงที่มีตัวตนจริงอย่าง I, Tonya เมื่อปี 2018 ซึ่งยังมีเวลาอีกนานให้เธอได้เข้าชิงเพื่อสั่งสมบารมี จึงทำให้รางวัลไม่น่าตกเป็นของเธอในปีนี้อย่างแน่นอน ประกอบกับเธอแทบไม่ได้รางวัลจากเวทีย่อยเท่าไรนัก ทำได้แค่เข้าชิงลูกโลกทองคำ, BAFTA, Broadcast Film Critics Association Awards และสาขาทีมนักแสดงยอดเยี่ยมจาก Screen Actors Guild Awards เท่านั้น