1917 ว่าที่หนังเด็ดเต็งหนึ่งออสการ์ปีนี้
1917 หนังเกี่ยวกับช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 1 เข้าชิงรางวัลออสการ์ปีล่าสุดสูงถึง 10 รางวัลด้วยกัน ความพิเศษของหนังเรื่องนี้คือหนังได้รับรางวัลใหญ่บนเวทีลูกโลกทองคำในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ดราม่า) และผู้กำกับยอดเยี่ยม (แซม เมนเดส) มาแล้ว นี่อาจจะหมายถึงสัญญาณสำคัญที่หนังเรื่องนี้จะคว้ารางวัลใหญ่ๆบนเวทีออสการ์ไปครองก็เป็นได้
1917 เกี่ยวกับอะไร
1917 เล่าเรื่องราวของทหารหนุ่มชาวอังกฤษสองนายในช่วงที่สงครามกำลังคุกรุ่น พลทหารสโคฟิลด์ (จอร์จ แม็คเคย์) และพลทหารเบลค (ดีน-ชาร์ลส์ แช็ปแมน) เมื่อพวกเขาได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ พวกเขาจะต้องแข่งกับเวลา ข้ามเขตแดนของศัตรู เพื่อส่งข่าวที่อาจจะรักษาชีวิตของเพื่อนทหาร 1,600 นายได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือพี่ชายของตัวเบลคเองด้วย
ทำไมต้องปี 1917
ก่อนที่จะเกิดองค์กรสหประชาชาติ ก่อนหน้าจะมีนาโต้ ก่อนจะเกิดการลอบสังหารอาร์คดยุคฟรานซ์ เฟอร์ดินาน ที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่ดึงประเทศต่างๆ ทั่วโลกเข้าสู่ชนวนความขัดแย้ง ประเทศต่างๆ ในซีกโลกตะวันตกต่างก็ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก ไม่เคยมีประเทศไหนที่ยอมปล่อยวางจากความยึดมั่นในชาติตัวเองเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม ด้วยเหตุผลนั้นเอง สงครามโลกครั้งที่หนึ่งจึงเป็นเหตุการณ์ที่รวมฝ่ายตะวันตกเป็นหนึ่งเดียวในหลายๆ รูปแบบและกลายเป็นรากฐานสำหรับสังคมปัจจุบัน
สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเรียกร้องให้มีการเสียสละอย่างคาดไม่ถึง และเรียกร้องเกียรติยศ หน้าที่และความจงรักภักดีที่มีต่อประเทศชาติ ผลกระทบของสงคราม โดยเฉพาะผลกระทบที่มันมีต่อทหารรุ่นเยาว์ที่ถูกขอให้ลุกขึ้นปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา ได้ดึงดูดความสนใจของผู้กำกับแซม เมนเดสตั้งแต่ยังเด็ก
ไอเดียสำหรับ 1917 ถูกจุดประกายขึ้นจากเรื่องราวที่ปู่ของเมนเดส อัลเฟรด เอช. เมนเดส ผู้ล่วงลับ เล่าให้ฟังเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เขาเป็นพลทหารในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง รวมถึงบุคคลหลากหลายประเภทที่เขาได้พบระหว่างนั้น ในปี 1917 อัลเฟรดเป็นเด็กหนุ่มวัย 19 ปีที่เข้าประจำการในกองทัพอังกฤษ เนื่องด้วยรูปร่างที่เล็ก นายทหารรูปร่างห้าฟุตสี่นิ้วคนนี้จึงถูกเลือกให้เป็นผู้ส่งสารในแนวรบฝั่งตะวันตก
หมอกที่ปกคลุมในพื้นดินรกร้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ปราศจากผู้ครอบครองระหว่างแนวรบของฝ่ายสัมพันธมิตรและศัตรู ที่ไม่มีฝ่ายใดก้าวข้ามไปด้วยความกลัวว่าจะถูกโจมตี มีความหนาประมาณห้าฟุตครึ่ง ทำให้ทหารนักวิ่งหนุ่มผู้นี้สามารถส่งข้อความจากฐานหนึ่งไปสู่อีกฐานหนึ่งได้ ความสูงของเขาหมายถึงการที่ศัตรูจะมองไม่เห็นเขา และมันก็เป็นการวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอดของแท้ ระหว่างสงคราม อัลเฟรดได้รับบาดเจ็บและถูกรมควัน และเขาก็ได้รับเหรียญจากความกล้าหาญของเขา ในช่วงบั้นปลายชีวิต นักเขียนนิยายชาวตรินิแดดผู้นี้ได้กลับไปใช้ชีวิตในบ้านเกิดบนหมู่เกาะอินดิสตะวันตก ที่ซึ่งเขาได้เขียนอนุทินของเขา
จุดน่าสนใจของ 1917
แซม เมนเดสทำการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับยุคสมัยและปี 1917 ซึ่งส่วนมากถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์อิมพีเรียล วอร์ มิวเซียมในกรุงลอนดอน สิ่งที่เขาได้พบเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 ถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ที่ค่อนข้างจะจำกัด จนมันแทบไม่มีการเดินทางไกลๆ จนกล่าวได้ว่ามันเป็นสงครามที่ไม่เกิดการเคลื่อนไหว เป็นสงครามที่คนหลายล้านคนเสียชีวิตภายในพื้นที่ 200 หรือ 300 หลา ผู้คนได้รับการยกย่องในส่วนต่างๆ ของโลกจากการชิงพื้นที่เล็กๆ ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ในสงครามที่ไวมี ริดจ์ เหล่าทหารสามารถยึดพื้นที่ได้ 500 หลา แต่มันได้กลายเป็นหนึ่งในวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสงคราม
ต่อมาแซมได้พบสิ่งที่จะได้กลายเป็นฉากหลังของหนัง โดยในปี 1917 พวกเยอรมันถอยไปสู่สิ่งที่เป็นที่รู้จักในชื่อ ตำแหน่งแนวซิกฟรี้ด หรือแนวฮินเดนเบิร์ก หลังจากการวางแผนและขุดระบบแนวสนามเพลาะขนาดใหญ่สำหรับกองกำลังป้องกันและปืนใหญ่นานหกเดือน พวกเยอรมันก็วางตำแหน่งกองกำลัง ที่ครั้งหนึ่งเคยกระจายไปทั่วแนวหน้าเดิมที่ยาวไกลกว่านี้ ให้กลายเป็นแนวป้องกันใหม่ที่แน่นหนาและได้รับการคุ้มกันอย่างดี มีช่วงเวลาเพียงสั้นที่ทหารอังกฤษไม่รู้ว่าพวกเยอรมันได้ถอยทัพ ถอนตัวหรือยอมแพ้ อยู่หลายวัน กลายเป็นเหล่าทหารอังกฤษถูกตัดขาดอยู่ในดินแดนที่พวกเขาต่อสู้แย่งชิงมาเป็นเวลาหลายปี ราวกับพวกเขาถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในผืนดินเวิ้งว้างที่เต็มไปด้วยมือปืนลอบสังหาร กับระเบิดและกับดักเส้นลวด
ทำไมต้องดู 1917 ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
1917 เป็นหนังที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดในแบบเรียลไทม์ในลักษณะที่เป็นช็อตต่อเนื่องช็อตเดียวต้องทำให้ผู้ชมร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวละครและนำตัวเองไปอยู่ในการเดินทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคของตัวละครพูดให้ชัดเจนก็คือ 1917 ไม่ได้ถูกถ่ายทำในเทคเดียว แต่ถูกถ่ายทำในเทคยาวๆ ที่ไม่มีการคัทหลายๆ เทค ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างแนบเนียนเพื่อให้ดูและให้ความรู้สึกเหมือนเป็นช็อตเดียวที่ยาวต่อเนื่อง ด้วยความที่ไม่มีการคัทภายในฉาก ผู้ชมก็เหมือนกับสโคฟิลด์และเบลคที่ไม่สามารถถอยหนีจากภารกิจที่รออยู่ตรงหน้าพวกเขาได้
ด้วยรูปแบบของช็อตเดียว สิ่งสำคัญคือการบล็อกตำแหน่งในฉากระหว่างกระบวนการซ้อมสี่เดือนของ 1917 และการพูดคุยกันเกี่ยวกับเลย์เอาท์ของฉากอย่างละเอียด เมื่อมีการกำหนดแล้วว่านักแสดงจะเคลื่อนไหวภายในพื้นที่นั้นๆ สำหรับแต่ละฉากอย่างไร พวกเขาก็สามารถกำหนดแผนการได้ว่ากล้องจะเคลื่อนที่ไปตรงตำแหน่งไหนบ้าง ซึ่งการวางแผนงานที่ละเอียดในระดับนี้ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างตัวผู้กำกับแซม เมนเดสเองและโรเจอร์ ดีคินส์ ผู้กำกับภาพที่คว้ารางวัลออสการ์มาจาก Blade Runner 2049 ในปี 2017 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของหนังเรื่องนี้