The Grudge การกลับมาขึ้นจอของคำสาปสุดเฮี้ยน
คำสาปร้ายไม่เคยจบสิ้น มันยังคงวนเวียนที่จะรอวันกลับมาสำแดงฤทธิ์อีกครั้ง เมื่อ 15 ปีก่อนแซม ไรมี (Spider-Man, Drag Me to Hell) หนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง/ผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของอเมริกา ได้ทำให้ผู้ชมชาวอเมริกันรู้จัก The Grudge และการกลับมาครั้งนี้ หนังจะโหดขึ้นไปอีกขั้นด้วยการผันตัวเองเป็นหนังเรท R
การแพร่เชื้อร้ายจากญี่ปุ่นสู่อเมริกา
The Grudge เวอร์ชั่นรีเมคเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ครั้งแรกตอนปี 2004 และมีภาคต่อตามออกมาอีกหลายภาค (ดีบ้างห่วยบ้าง) แต่ดูเหมือนว่าปี 2019 จะควรแก่เวลาแล้วที่แฟรนชายส์ชุดนี้จะกลับขึ้นจอใหญ่อีกครั้ง โดยผู้กำกับที่มารับหน้าที่กำกับเวอร์ชั่นล่าสุดคือ นิโคลัส เพช ชายผู้ยอมรับว่า ตอนเขาดูหนังในเวอร์ชั่นปี 2004 นั้น เล่นเอาเขากลัวที่จะเข้านอนไปหลายวัน เพราะกลัวว่าจะมีผีโผล่ขึ้นมากลางผ้าห่ม!
การได้รับโอกาสมากำกับหนังภาคนี้ เหตุผลหนึ่งเพราะเขามีมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับแฟรนชายส์ The Grudge ว่ามันมีโครงสร้างหลวมๆของตัวละครที่มีความเกี่ยวพันกับบ้านอาถรรพ์ ที่สามารถหยิบมาเล่าเรื่องในมุมมองใหม่ๆได้ ประกอบกับความพิเศษในเวอร์ชั่นนี้คือมันจะเป็นหนังเรท R ซึ่งเปิดโอกาสอันดีที่จะสร้างความน่าหวาดผวาให้กับผู้ชมได้แบบจัดเต็มผู้กำกับสามารถใส่ภาพผีที่คลั่งแค้นบุกทำร้ายเหยื่อแบบไม่ต้องใช้มุมกล้องหลบ และยังสาดเลือดใส่หน้าจอได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดออกในภายหลัง
The Grudge ภาคนี้เหตุการณ์ทั้งหมดจะย้ายมาเกิดที่อเมริกาภายใต้เมืองเล็กๆที่มีชื่อว่า “ครอส ริเวอร์” โดยนิโคลัส เพช เลือกจะสานต่อเรื่องราวในปี 2004 จากเวอร์ชั่นรีเมค เมื่อผีร้ายคายาโกะกำลังจะหาทางเข้าสิงใครสักคน เพซเลยเลือกตัวละครฟิโอนา แลนเดอร์ส หญิงสาวที่กำลังจะเดินทางกลับอเมริกา คำสาปจึงย้ายจากบ้านในประเทศญี่ปุ่นเข้าสิงหญิงสาวชาวอเมริกัน และเริ่มการแพร่เชื้อครั้งใหม่ที่ประเทศใหม่
ในเวอร์ชั่นล่าสุดหนังยังจะยังเล่นสนุกกับการเล่าเรื่องไม่เรียงลำดับเวลา มีการตัดสลับอดีต ปัจจุบันและเศษเสี้ยวจากเหตุการณ์ต่างๆอันประกอบไปด้วยหลายครอบครัวอาทิ ครอบครัวสเปนเซอร์ ครอบครัวมาธีสันและวิลสัน ซึ่งคนดูจะยังไม่เข้าใจความเกี่ยวข้อง จนกระทั่งเหตุการณ์ทั้งหมดเดินทางไปยังตอนจบ
เมื่อตัวละครเอกของเรื่องมีคาแรกเตอร์เป็นนักสืบในการไขคดีอาชญากรรม ส่งผลดีต่อผู้ชมในการร่วมไขปริศนาร่วมไปกับตัวเอกของเรื่อง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ชม การปะติดปะต่อสิ่งที่เกิดขึ้นว่าอะไรเกิดขึ้นเมื่อไหร่และใครฆ่าใคร ความน่าสนใจมากที่สุดในเวอร์ชั่นนี้คือการนำเสนอว่า พวกผีในเรื่องไม่ได้ทำร้ายร่างกายคนจริงๆ พวกเขาผลักดันให้มนุษย์พวกนี้ไปสู่ความบ้าคลั่งที่ทำให้พวกเขาทำในสิ่งที่เลวร้ายกับตัวเองและคนอื่น ดังนั้น อันตรายที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในหนังเรื่องนี้คือตัวมนุษย์เอง
หลายตัวละคร หลากเส้นเรื่องก่อนรวมเป็นหนึ่ง
นักสืบมัลดูน (แอนเดรีย ไรส์โบโรห์) คุณแม่ ผู้มีอาชีพเป็นนักสืบคดีฆาตกรรม ซึ่งต้องแบกรับความเจ็บปวดจากการสูญเสียสามีไปเพราะโรคมะเร็ง เธอใช้ชีวิตแบบชนชั้นแรงงานที่ต้องเผชิญความจริงในหน้าที่การงานที่กดดัน เมื่อเธอเจอความเศร้าทับถมไปอีก เธอต้องลูกสาวอย่างเมลินด้า (โซอี้ ฟิช) ลูกสาววัย 7 ขวบแต่เพียงผู้เดียว
นักสืบกู๊ดแมน (เดเมียน บิเชียร์) คู่หูนายตำรวจคนใหม่ของมัลดูน ที่ดูภายนอกเป็นคนแข็งกระด้าง ติดบุหรี่ แต่ลึกๆแล้วเขามีความเอื้อเฟื้อและห่วงใยคนอื่น เพียงเพราะเขาสร้างเกราะป้องกันชีวิตขึ้นมาเนื่องจากแผลใจที่กลายเป็นปมในชีวิตเพราะเหตุการณ์สูญเสียคู่หูคนเก่าไป ทั้งมัลดูนและกู๊ดแมนต้องร่วมมือกันสืบคดีการตายลึกลับในบ้านอาถรรพ์ที่ถนนเรย์เบิร์น
ปีเตอร์ สเปนเซอร์ (จอห์น โช) ชายคนแรกที่เข้าไปในบ้านถนนเรย์เบิร์นหลังจากเกิดเหตุฆาตกรรมครอบครัวแลนเดอร์ส เนื่องจากปีเตอร์ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในท้องถิ่นด้วยกัน ในชื่อโอเวอร์ เดอะ ริเวอร์ เรียล เอสเตท เขาใช้ชีวิตกับภรรยานีนา (เบ็ตตี้ กิลพิน) ที่อยู่ในวัย 40 ปีต้นๆ ชะลอการเป็นพ่อแม่คนออกไป และตอนนี้ เมื่อนีนาพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับโอกาสในการเป็นพ่อแม่
เฟธ (ลิน เซย์) หญิงชราที่ใกล้จะเสียชีวิต เธอใช้ชีวิตอยู่กับสามีอย่างวิลเลียม (ฟรานกี้ ไฟสัน) ทั้งสองคือตัวละครที่น่าสนใจมากสำหรับ The Grudge ภาคนี้ เพราะพวกเขาเป็นคู่รักวัยชราที่รู้ทั้งรู้ว่าบ้านที่พวกเขาอยู่มีผีสิง แต่พวกเขาก็เต็มมใจ ด้วยชีวิตรักอันแสนยาวนานกว่า 50 ปี พวกเขามาอยู่บ้านหลังนี้เพราะคิดว่าวิญญาณน่าจะชอบในตัวเฟธ และเมื่อเธอจากโลกนี้ไปแล้ว เธอจะเป็นวิญญาณที่มาอยู่กับสามีเธอ
สิ่งที่น่ากลัวกว่าคำสาป
ถึงแม้ว่า The Grudge จะเป็นหนังผีที่มีตัวละครผีอันแสนน่าขนลุก แต่ตัวผู้กำกับอยากจะนำเสนอช่วงวลาที่สร้างผลกระทบและน่าตกตะลึงที่สุดคือการที่ตัวละครมนุษย์เลือกจะทำร้ายตัวเองและคนรอบข้างผ่านแรงผลักดันจากคำสาปของผี ซึ่งสิ่งที่ปรากฏในเรื่องจะเป็นอะไรที่สุดโต่ง น่าขนลุก เป็นฉากยิ่งใหญ่ น่าขยะแขยง ซึ่งการันตีได้เลยว่า ฉากการตายของตัวละครในเรื่องนี้จะเลือดสาดและชวนแหวะตามที่คอหนังโหดต้องการ