[รีวิว] Sonic the Hedgehog เม่นสายฟ้าปรากฏตัวเทค 2 ผ่านฉลุย
น่าจะเป็นหนังวีดิโอเกมที่ถูกจับตามองมากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ สำหรับ Sonic the Hedgehog (2020) ที่ช่วงต้นปีที่แล้วมีประเด็นดราม่าจากเหล่าแฟนบอยของน้องเม่นสายฟ้าในตำนาน ซึ่งออกอาการไม่ปลื้มอย่างแรงหลังจากได้เห็นเทรลเลอร์เปิดตัว โดยเฉพาะดีไซน์ตัวโมเดลในแบบฉบับ live action ที่ทำเอาโหงวเฮ้งหน้าตาของเจ้าโซนิคดูห่างไกลกับเวอร์ชันต้นฉบับในเกมหรือการ์ตูนมากจนถูกแฟน ๆ แห่เข้าไปกด dislike กันใหญ่ และจากกระแสต่อต้านอย่างหนักนั้นก็ส่งผลให้ Jeff Fowler ผู้กำกับและทีมผู้สร้างตัดสินใจยอมปรับดีไซน์ตามคำเรียกร้องให้ใกล้เคียงกับในเกมมากที่สุด ซึ่งจากปัญหาเรื่องแก้ดีไซน์นี้ทำให้หนังต้องเลื่อนฉายจากกำหนดเดิมราว 3 เดือน แถมทาง Sega เจ้าของแฟรนไชส์ต้องเข้ามาดูแลการดีไซน์รอบใหม่ด้วย โดย Paramount Pictures ใช้งบประมาณการออกแบบตัวละครใหม่อยู่ประมาณ 5 ล้านเหรียญฯ
เจ้าเม่นสายฟ้ากับบทบาทที่ต้องออกมาเล่นกับคนจริง ๆ ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายไม่น้อย โดยไลน์อัปก็ไม่ขี้เหร่ นอกจาก เจมส์ มาร์สเดน (James Marsden) พ่อหนุ่ม Cyclops และที่หลายคนอาจคุ้นเคยกับบทคาวบอยในซีรีส์ Westworld, ทิก้า ซัมพ์เตอร์ Tika Sumpter สาวผิสีทรงเสน่ห์จาก Gossip Girl, แล้วยังมีลุงจิม แคร์รี (Jim Carry) กับบท ดร.โรบอทนิกส์ คู่อริตลอดกาลของโซนิค ที่แคแรคเตอร์ของ ดร.สติเฟื่องนี่ดูเข้าทางลุงแกมาก ๆ
เรื่องราวของ Sonic the Hedgehog เริ่มจากการปรากฏตัวขึ้นของโซนิค สิ่งมีชีวิตในต่างดาวอันไกลโพ้นหน้าตาคล้ายเม่น ที่มาพร้อมสกิลวิ่งเร็วระดับวาร์ปอันเลื่องชื่อ รวมทั้งมีพลังงานไฟฟ้าแรงสูง ต้องหลบหนีจากบ้านเกิดที่เติบโตตั้งแต่ยังเล็ก จับพลัดจับผลูหลุดมาอยู่ในโลกมนุษย์ที่เมืองกรีนฮิลล์ เมืองเล็ก ๆ ในรัฐมอนทาน่า โซนิคใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำเล็ก ๆ อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีเพื่อน อยากเล่นอะไรทำอะไรก็ทำคนเดียว จนกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝันเผลอใช้พลังพิเศษในตัวระเบิดแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้ไฟฟ้าดับทั้งเมือง ซึ่งรัฐบาลสหรัฐช็อคกับเหตุการณ์ครั้งนี้มากจนเชิญนักวิทยาศาสตร์อย่าง ดร.โรบอทนิกส์ เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุ ดร.แกะรอยจนรู้ว่าเป็นโซนิค และค้นเจอเบาะแสสำคัญที่ทำให้ตระหนักถึงพลังไร้ขีดจำกัดของเม่นจอมแสบรายนี้ จึงออกไล่ล่าเม่นสีน้ำเงินทันที ขณะที่โซนิคเองก็ได้พบกับ ทอม วาชอวสกี้ (เจมส์ มาร์สเดน ) เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มประจำเมืองกรีนฮิลล์ ซึ่งโซนิคขอร้องให้ทอมช่วยคุ้มครองความปลอดภัยจาก ดร.โรบอทนิกส์ ขณะเดียวกันก็ต้องออกตามหาเหรียญวาร์ปสีทองที่เคยนำพาเขามายังโลกมนุษย์ ซึ่งบังเอิญทำหล่นหายไปในเมืองซานฟรานซิสโก
สำหรับ โซนิค เวอร์ชันนี้ต้องบอกเลยว่าลบฝันร้ายหรือคำสาปสำหรับวีดิโอเกมที่มักออกมาเละเทะเมื่อดัดแปลงเป็นหนังจอเงิน ด้วยการถูกวางในพลอตสำเร็จรูปที่เข้าถึงง่าย ขายความน่ารักสมจริงกับกลุ่มคนที่โตมากับการ์ตูนหรือเกมมากกว่าโฟกัสเด็กรุ่นใหม่ ยิ่งหากต่อยอดจากตัวละครแบบนี้ที่มีความเป็น iconic จ๋าอยู่ในตัวสูงแล้ว ความกดดันจากฐานแฟนบอยนี่แทบจะเป็นตัวกำหนดมาตรฐานไว้เลย นอกจากอาจจะมีบางเรื่องหลุดฟอร์มเลวร้ายจนกลายเป็นไปทำลายความฝันวัยเด็กซะงั้น อย่างพวก เต่านินจา, ดราก้อนบอล หรือนานกว่านั้นก็มาริโอ้ ที่แทบอยากจะลืม ๆ ไปเคยทำเป็นหนัง (ฮา)
ความน่ารักแสบสันต์ และแววตาก๋ากั่นของเจ้าโซนิคที่ต้องยกความดีความชอบให้ทีมผู้สร้างที่ตัดสินใจดีไซน์ใหม่ ตัวหนังเซอร์วิสแฟนดั้งเดิมของโซนิคเป็นอย่างดี โดยจะใส่รายละเอียดศัพท์แสงที่คนเคยเล่นเกมโซนิคสมัยเด็ก ๆ ในยุค 90 ต้องคุ้นเคยมาเป็นระยะ ทำให้รู้สึกอินได้ง่ายมาก ซีจีทำได้ค่อนข้างดีเลย แต่ยังมีส่วนที่รู้สึกลอย ๆ อยู่บ้าง ซึ่งตรงนี้ไม่แน่ใจว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการดีไซน์โซนิคใหม่ที่มีความเป็นตัวการ์ตูนมากกว่าเดิมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เหนือเรื่อง CGI ออกไป MVP ตัวจริงคือ ลุงจิม แคร์รี นี่แหละที่ขยันขโมยซีนมาก! บางฉากลุงแกฮาซะเอาน้องเม่นเจื่อนไปเลย (ฮา) เรียกว่าเข้ามาเป็นเดอะแบกตัวจริง และเมื่อหักลบกับพลอตเบา ๆ ตัวละครแบน ๆ แบบดูขำ ๆ แล้ว ลุงจิม คือคนที่ยกระดับ Sonic the Hedgehog ขึ้นมาสู่ระดับที่เรียกว่า ‘ดีเกินคาด’ อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ พาร์ทหนึ่งที่ประทับใจชนิดเซอร์ไพรส์หน่อย ๆ ก็คือเมสเซจเรื่องชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่ โดยเฉพาะการตั้งคำถามกับการมีชีวิตอยู่ มันทรงพลังกว่าที่คิดไว้มาก ช่วงท้ายทำซึ้งเอาเรื่อง มันเป็นภาพจำใหม่ ๆ ของโซนิคในมุมที่แตกต่างออกไปจากยี่สิบกว่าปีก่อน เจ้าเม่นสายฟ้าไม่ได้เป็นเพียงตัวละครเท่ ๆ ที่มีไว้โชว์สปีดเร็วกว่านรกอีกต่อไป แต่จะได้เห็นโซนิคมีพัฒนาการหันเหมาเป็นซุปเปอร์ฮีโร่คอยปกป้องเมืองกรีนฮิลล์แห่งนี้ด้วย แถมยังมีเครดิตแถมท้ายให้สาวกได้กรี๊ดกร๊าดกันอีก