ทำไมหนังโรคระบาด Contagion ถึงทำนายสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนาได้แม่นยำล่วงหน้าถึง 9 ปี?
ภาพยนตร์เกี่ยวกับโรคระบาดที่ถูกพูดถึงกันมาก ว่าช่างตรงกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ “โคโรนา” ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยกระดับการเตือนภัยทั่วโลกเป็นระดับสูงสุดแล้ว หลังจากมีผู้ติดเชื้อกระจายอยู่ทั่วทุกทวีปในที่สุด (ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2020) ก็คือหนัง Contagion (2011) ของผู้กำกับ Steven Soderbergh (The Ocean Eleven Trilogy, Traffic, Erin Brockovich) ที่ถึงขนาดกลับมาฮิตติดอันดับ 10 หนังที่มียอดดาวน์โหลดบน iTunes ตามหลังแค่ Joker และ Parasite ที่มีบทบาทบนเวทีรางวัลออสการ์เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา การกลับมาฮิตครั้งนี้ก็เป็นไปตามที่ทีมผู้สร้างหนังคาดเอาไว้แต่แรกเมื่อได้เห็นข่าวการแพร่ระบาดเกิดขึ้น
หนังเล่าเรื่องของ “เบ็ธ เอ็มฮอฟฟ์” (รับบทโดย Gwyneth Paltrow) ที่เพิ่งกลับจากการทำงานที่ฮ่องกง จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์เชื้อโคโรนาและตามเรื่องนี้ที่ถูกสันนิษฐานว่าใกล้เคียงกันนั่นคือ การติดเชื้อของมนุษยคนแรก (หรือที่เรียกกันว่าคนไข้เริ่มต้น Patient Zero) มาจากการรับประทานค้างคาว เบ็ธเกิดอาการติดเชื้อกะทันหันและเสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา ทำให้ “มิตช์ เอ็มฮอฟฟ์” (รับบทโดย Matt Demon) สามีของเธอตกอยู่ในอาการช็อกสุดขีด ต่อมาไม่นานคนรอบข้างก็เริ่มไออย่างรุนแรง เป็นลมชัก เลือดคั่งในสมอง ก่อนจะมีการค้นพบว่าการแพร่เชื้อนั้นเกิดจากการที่มนุษย์สัมผัสกันในแต่ละวัน และลุกลามไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดของสหรัฐอเมริกาต้องระดมนักวิจัยทางการแพทย์มือดีมายับยั้งการระบาดครั้งนี้ ส่วนรหัสทางชีววิทยาของเชื้อโรคชนิดพิเศษก็เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อหนีการถูกมนุษย์กำจัด นอกจากนั้นรัฐบาลก็ยังปิดบังสาเหตุที่แท้จริงของโรคระบาด นำไปสู่การสูญเสียและวิกฤตความหวาดกลัวขั้นรุนแรง ยิ่งทำให้เหตุการณ์ลุกลามยิ่งกว่าการแพร่ระบาดของไวรัส
“ผมไม่แปลกใจเลยที่วันนี้สถานการณ์แบบในหนังเกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว เพราะตอนที่ผมหาข้อมูลเพื่อเขียนบทหนังและได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ทุกคนต่างพูดว่า โรคระบาดแบบนี้จะเกิดขึ้นจริงแน่ ๆ ในสักวัน แค่ว่าจะเป็นวันไหนเท่านั้นเอง
เหตุผลนึงที่ผมเขียนบทหนังเรื่องการป้องกัน เพราะอยากให้เป็นบทเรียนว่า หากติดเชื้อ ทำไมถึงต้องกักตัวเอง เพราะจะยิ่งเสี่ยงทำให้เชื้อโรคยิ่งแพร่ระบาดไปติดคนอื่น การอยู่กับบ้านและไม่ออกไปเจอกับผู้คนในชีวิตประจำวัน คือสิ่งที่ควรทำมากที่สุดของผู้ติดเชื้อ ที่จะช่วยทำให้สถานการณ์ไม่แย่ลงไปอีก”
ผู้เขียนบท Scott Z. Burns ที่มีผลงานอย่าง The Bourne Ultimatum (2007) และ Side Effects (2013) บอก
ทุกวันนี้ Burns ยังคงเป็นเพื่อนกับคุณหมอสองคนที่เขาเคยปรึกษาขอข้อมูลมาเขียนอ้างอิงในหนัง นั่นคือ คุณหมอ W. lan Lipkin ซึ่งเดินทางลงพื้นที่ที่ประเทศจีนเพื่อช่วยเหลือคนไข้ในสถานการณ์นี้แล้ว และอีกคนคือคุณหมอ Larry Brilliant ผู้อำนวยการสร้างหนังอย่าง Stacey Sher ก็ได้ออกมาสำทับอีกคนว่า หนังและบทหนังเรื่องนี้มีโจทย์ตั้งต้นว่า จะถ่ายทอดเหตุการณ์โรคระบาดที่ร้ายแรงที่สุด ซึ่งการจะถ่ายทอดออกมาอย่างถูกต้องนั้นก็จะต้องอาศัยข้อมูลขั้นตอนต่าง ๆ ทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ตามความจริงแบบเป๊ะ ๆ
หนังนำแสดงโดย Matt Damon, Gwyneth Paltrow, Kate Winslet, Marrion Cotillard, Jude Law, Bryan Cranston และ Laurence Fishburne ซึ่งเป็นนักแสดงชั้นนำและกวาดรางวัลทางการแสดงมาแล้วทั้งสิ้น หนังทุนสร้าง 60 ล้านเหรียญฯ สามารถทำรายได้ทั่วโลกไป 136 ล้านเหรียญฯ และไม่ใช่แค่เรื่องนี้ เพราหนัง Outbreak (1995) เกี่ยวกับเชื้อโรคร้ายแพร่ระบาดจากลิงในแอฟริกาใต้ซึ่งใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงไม่แพ้ Contagion ก็กลับมาฮิต ถูกดาวน์โหลดบน iTunes เป็นอันดับที่ 86 เช่นกัน (อ่าน “10 หนังไวรัสหายนะ “โรคระบาดล้างโลก” ที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยมีมา” ได้ที่นี่)