4 เรื่องเด็ดจากเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นออนไลน์ หนังดีดูฟรีปลอบประโลมวันว้าวุ่น
โรงภาพยนตร์ปิด! ต้องเก็บตัวอยู่บ้านหรือ? นั่นไม่ใช่ปัญหา ช่างแสนโชคดีที่เราเกิดมาในยุคที่มีสื่อให้ความบันเทิงด้วยระบบสตรีมมิ่ง แถมยังมีให้เลือกหลากหลายดูกันได้ทั้ง 24 ชม. วันนี้เราเลยรีวิว 4 ภาพยนตร์ดี ซาวนด์ละมุนจากเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นออนไลน์ เอาใจคอหนังอินดี้กันบ้าง โดยเจแปนฟาวน์เดชั่น ผู้จัดเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น (JFF) และ “MOOSIC LAB” โครงการที่เปิดโอกาสให้ผู้กำกับภาพยนตร์หน้าใหม่ และนักดนตรีร่วมกันสร้างภาพยนตร์ที่มีจุดเริ่มต้นจากบทเพลงก่อให้เกิดผู้เขียนบทและนักแสดงหน้าใหม่มากมาย ร่วมมือกัน เปิด “ JFF Online” ให้ชมภาพยนตร์ฟรีกันอย่างจุใจถึง 12 เรื่อง ดูยาวๆ ไปได้ถึงเดือนพฤษภาคม 2563 มีเรื่องอะไรเด่นน่าสนใจบ้างมาดูกันครับ
Excited Death (ドキ死), 2018
ผู้กำกับ: โคเฮ อิโนะอุเอะ
เพลงประกอบ: NakanoMARU
ภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอมเมดี้ให้หัวใจได้ชุ่มชื่น หากใครเป็นสาวกสาวแว่นร้องเพลงดีดกีตาร์ผู้มาพร้อมความเปิ่นฮา ยิ่งไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เรื่องเริ่มด้วยความหมกมุ่นลุ่มหลงในความรักทำให้นามิโกะ นากาโนะ (นากาโนะ มารุ) สาวน้อยใช้ชีวิตแบบบ้านๆ กลายมาเป็นสตอล์กเกอร์ แต่ความฟินแบบแอบรักเธออยู่ในใจกลับต้องพังไม่เป็นท่า เมื่อเธอดันไปเจอสตอล์กเกอร์อีกคนเข้า
การเล่าเรื่องที่รวดเร็วฉับไวแปลกแยกจากญี่ปุ่นสไตล์ เมื่อผสานกับความสดใสตะมุตะมิของนักแสดงนำ และบทเพลงมุ้งมิ้งน่ารัก ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กวาดทั้งรางวัล Short Film Grand Prix จาก MOOSIC LAB 2019 รวมถึงรางวัลนักดนตรียอดเยี่ยม และรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมไปครอง และเชื่อไหมว่า ด้วยระยะเวลาเพียง 30 นาที ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะเข้าครองใจคุณเช่นกัน
Moonless Dawn (暁闇), 2018
ผู้กำกับ: ฮาริกะ อาเบะ
เพลงประกอบ: LOWPOPLTD
หากแนวสดใสไม่ใช่สไตล์คุณ เราขอชวนมาอึนกับ Moonless Dawn ภาพยนตร์แนว Coming of age ที่ชวนอึดอัดใจ เรื่องราวของสามวัยรุ่นผู้หลงทางที่ใช้ดนตรีเป็นเครื่องปลอมประโลม จนวันหนึ่งบทเพลงนั้นหายไป ทำให้ทั้งสามได้มาพบเจอ และค้นหาความรู้สึกของตนเองไปพร้อมๆ กัน ก่อให้เกิดมิตรภาพในรูปแบบประหลาด ทว่าก็น่าประทับใจจนไม่อาจลืม
เป็นภาพยนตร์ที่มีความโดดเด่นในการใช้ดนตรีและภาพสื่อความร่วมกันอย่างมาก คือบางจังหวะเสียงก็เสริมภาพ บางจังหวะภาพก็ช่วยทำให้ความหมายที่ซ่อนอยู่ในเสียงให้ชัดเจนขึ้น ความละมุนละไมทั้งงานเสียงและการจัดองค์ประกอบภาพ ทำให้มิติของเรื่องราวที่ดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไร กลายเป็นความงามที่มีความหมายกัดกร่อนใจคนดูเข้าไปทีละน้อย และแม้จะอึนๆ มึนๆ หน่วงๆ ไปบ้าง แต่ลงท้ายก็เรียกน้ำตาให้ซึม และสร้างความกระจ่างให้ตาสว่างได้เหมือนกัน ด้วยความมีจุดตื้นสลับลึกแบบนี้ละมั้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงคว้าทั้งรางวัลรองชนะเลิศและรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจาก MOOSIC LAB 2018 รวมทั้งเข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นประเทศออสเตรเลีย และเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติชอนจูด้วย
Please Don’t Go Anywhere (なっちゃんはまだ新宿), 2017
ผู้กำกับ: ริน ชุโตะ
เพลงประกอบ: POLTA
สำหรับคนชอบเส้นเรื่องแนวคลายปมและขี้ชิป ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะกับคุณเป็นอย่างมาก เรื่องมหากาพย์ของเด็กสาววัยมัธยม อาคิโนะ (นัทซึมิ อิเคดะ) ผู้สดใสร่าเริงอยู่เสมอ เธอตกหลุมรัก โอคาดะ (ยูสุเกะ คาซาอิ) รุ่นพี่ที่โรงเรียน แต่โอคาดะนั้นมีแฟนอยู่แล้วชื่อว่า นัทจัง (ยูโกะ ซึกาโมโตะ) ด้วยความอยากรู้ อาคิโนะจึงเริ่มสืบเสาะทำความรู้จักกับนัทจัง และนั่นทำให้เธอใส่ใจนัทจังมากกว่าโอคาดะเสียอีก แล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ใครจะคู่กับใครกันแน่ ต้องตามดูเท่านั้นถึงจะได้คำตอบ
แม้ในตอนแรกที่ดูจะรู้สึกว่าเนื้อเรื่องกับดนตรีเหมือนจะไม่ค่อยสัมพันธ์กันนัก เหมือนเอาดนตรีมาวางๆ อัดๆ ไว้ให้เรื่องดูมีไดนามิกไปงั้นๆ เอง ถึงขั้นที่แอบรู้สึกเหมือนชูดนตรีผิดที่ผิดทางในบางขณะเลยด้วยซ้ำ แต่ลงท้ายดนตรีที่ว่าก็มีส่วนเติมเต็ม ใช้ความโดดเด่นของเนื้อร้องมาผนวกและให้บทสรุปกับเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างลงตัว ทำให้เราเข้าใจอาคิโนะและบุคลิกของเธอได้เฉียบคมยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้คว้ารางวัล นักดนตรียอดเยี่ยม (POLTA) และรางวัลรองชนะเลิศ Grand prix ของ MOOSIC LAB 2017 ไปครอง
Inner Loop Couple (内回りの二人), 2018
ผู้กำกับ: ทาโร ชิบะโนะ
เพลงประกอบ: อาคาริ มาจิ/ The Whoops
ปิดท้ายด้วยภาพยนตร์ที่ผู้รีวิวชื่นชอบเป็นพิเศษกับ Inner Loop Couple ภาพยนตร์ที่เปิดด้วยภาพความงามของโตเกียวในยามค่ำคืน เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งบังเอิญได้พบกับไอดอลที่เคยแอบปลื้มบนรถไฟขบวนสุดท้ายหลังเลิกงาน ทั้งคู่จึงได้เดินทอดน่องย่ำไปในทางอันเปลี่ยวปล่าวของมหานครในยามราตรี พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวในอดีต ซึ่งท้ายที่สุดแล้วละม้ายคล้ายว่าจะกลายเป็นการทำความรู้จักตัวเอง และค้นหาความหมายของชีวิตไปพร้อมๆ กัน
ภาพยนตร์ที่ฟังดูเหมือนจะดราม่านี้ ที่แท้แล้วไม่ได้ดราม่ามากนัก แต่ให้ข้อคิดอะไรกับเราได้หลายอย่างทีเดียว ส่วนดนตรีประกอบทั้งเพลงหลัก และดนตรีประกอบก็ไพเราะกลมกลืนกันใส่จังหวะได้ดีตลอดเรื่อง แถมภาพดวงตาเป็นประกายสดใสของไอดอลในช่วงท้ายก็น่าตรึงใจไม่ใช่น้อย ภาพยนตร์เรื่องนี้ชนะรางวัลมากมายจาก MOOSIC LAB 2018 ในประเภทภาพยนตร์เรื่องสั้น แถมยังชนะใจคนรีวิวแบบงงๆ ไปด้วย
โดยรวมแล้วแม้จะยังมีญี่ปุ่นสไตล์ที่ช้าๆ อึนๆ อยู่บ้าง แต่ภาพยนตร์จากเทศกาลนี้ก็ถือว่าเดินเรื่องได้ทันใจ มีอะไรให้ขบคิดแบบถอดรหัสทั้งแบบลึกและตื้น ดูเพลินสมกับที่ใช้บทเพลงเป็นจุดเริ่มต้น ดนตรียังทำให้การเดินเรื่องมีความละมุน กลมกล่อม รับชมได้ไม่ยาก แม้ไม่ใช่คอหนังญี่ปุ่นจ๋า ก็มาร่วมเพลินได้ เสียดายอย่างเดียวคือไม่มีซับไทย แต่ไม่ต้องกังวลเพราะแม้จะบรรยายภาษาอังกฤษ แต่ก็อ่านตามได้ไม่ยาก (ต้องขอบคุณความเป็นญี่ปุ่นสไตล์ที่ไม่พูดมาก และไม่เดินเรื่องเร็วรัวไปสินะ)
ใครสนใจตามไปชมภาพยนตร์ได้ที่ https://www.japanesefilmfest.org/streaming/