ดราม่ารายการใหม่ เจ.โล พร้อมอัปเดทผลงานหนังทวงบัลลังก์ตัวแม่ 2 เรื่อง

ดราม่ารายการใหม่ เจ.โล พร้อมอัปเดทผลงานหนังทวงบัลลังก์ตัวแม่ 2 เรื่อง

ดราม่ารายการใหม่ เจ.โล พร้อมอัปเดทผลงานหนังทวงบัลลังก์ตัวแม่ 2 เรื่อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากโดนเวทีออสการ์หมางเมินหักอกซ้ำซาก สำหรับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Hustler นักร้องและนักแสดง เจนนิเฟอร์ โลเปซก็คงยังไม่ย่อท้อต่องานด้านการแสดง เพราะเธอเตรียมพร้อมกลับมาในหนังใหม่เรื่อง The Godmother

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในแวดวงการดนตรี เจนนิเฟอร์ โลเปซ ถือเป็นตัวแม่คนหนึ่งมีผลงานเพลงเต้นรำที่โดดเด่นมาก การตอกย้ำว่า เธอเป็นศิลปินเชื้อสายละตินที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกคือ การที่เธอได้แสดงช่วงพักครึ่ง  Super Bowl หรือ Halftime Show ครั้งที่ 54 ร่วมกับชากีร่า โดยฝั่งเจ.โล เองก็ขนเพลงฮิตมามากมาย แถมล่าสุดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เพลง Remix ใหม่ในโชว์นี้กลายเป็นชาเลนจ์ยอดฮิตประจำ Tiktok ไปแล้วอย่างเพลง Love Don't Cost a Thing

 

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา เจนนิเฟอร์ โลเปซ เป็นส่วนหนึ่งในรายการ Thanks A Million ซึ่งเธอนั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์ด้วย ออกอากาศทางสตรีมมิ่งน้องใหม่อย่าง Quibi ซึ่งมีรูปแบบรายการด้วยการนำพาเซเลบริตี้ชื่อดังทั้งตัว เจ.โล เอง เควิน ฮาร์ต, นิค โจนาส, คริสเทน เบลล์, แอรอน รอดเจอร์ และอีกหลายคน ซึ่งตัวรูปแบบรายการคือ เหล่าเซเลบริตี้แต่ละคนจะนำเงินจำนวน 100,000 เหรียญฯ ไปมอบให้กับผู้ที่เดือดร้อนทางการเงินและประสบปัญหาในการใช้ชีวิตอย่างหนัก โดยมีข้อแม้ว่าคนที่ได้รับเงินนั้นจะต้องส่งต่อเงินครึ่งหนึ่งต่อไปให้คนอื่นที่เดือดร้อนต่อกันไปเรื่อยๆ ซึ่งจะออกอากาศสัปดาห์ละ 1 ตอน ความยาวทั้งสิ้นใน ซีซั่นแรก คือ 10 ตอน

 

 

อย่างไรก็ตามหลังจากออกอากาศไปแล้ว ตัวรายการเองก็ถูกตั้งป้อมดราม่า และถูกวิจารณ์ว่า เป็นรายการที่มีแนวคิดที่ดี ในการส่งต่อเงินเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า วิธีการเลือกช่วยเหลือของเหล่าเซเลบริตี้อาจจะเลือกคนใกล้ตัวมากจนเกินไป จนอาจจะไม่ได้เลือกคนที่เดือดร้อนกว่าจริงๆ หรือเลือกคนที่มาอยู่หน้ากล้องแล้วให้เคมีที่มีความ “กล้องรัก กล้องจับ” มากกว่า ซึ่งจะนำไปสู่การตัดต่อรายการให้ผู้ชมดูแล้วเกิดความซาบซึ้งมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวรายการเป็นหลัก และด้วยความโด่งดังที่ไม่เท่ากัน ทำให้ผู้ชมเลือกดูเฉพาะนักแสดงที่ตัวเองชื่นชอบ โดยไม่สนใจว่านักแสดงที่มีชื่อเสียงน้อยกว่าจะนำเงินไปบริจาคให้ใคร

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Thanks A Million เป็นรายการที่ดูมีเจตนาดี แต่ในทางอ้อม นี่ก็เป็นรายการที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของเซเลบริตี้ของแต่ละคนอยู่เหมือนกัน ประกอบกับยามที่เมื่อมี “กล้อง” คอยจับพวกเขาอยู่ สิ่งที่ถ่ายทอดออกมาจึงเป็นทั้งความจริงและ “เหนือจริง” ไปพร้อมๆกัน ต่อให้พวกเขามีเจตนาดีแค่ไหนก็ตาม การทำรายการในลักษณะนี้ออกมาก็ย่อมทำให้ผู้ชมส่วนหนึ่งอดตั้งข้อสังเกตมากมายไม่ได้เช่นกัน

 

 

อันที่จริงแล้วในปีนี้ เจนนิเฟอร์ โลเปซ มีผลงานหนังที่ปิดกล้องไปแล้วเรียบร้อยอย่าง Marry Me หนังแนวโรแมนติก คอมมาดี้ ที่เธอนั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์และแสดงเอง (อีกแล้ว) บอกเล่าเรื่องราวของนักร้องสาวป๊อปสตาร์ชื่อดังที่โดนร็อคเกอร์แฟนหนุ่มหักอกกลางงานแต่งที่ เมดิสัน สแควร์ การ์เดน เธอเลยตัดสินใจประกาศหมั้นกับหนุ่มสักคนซึ่งเป็นแฟนเพลงที่มาร่วมงานแบบสุ่มเลือก ณ ตอนนั้นทันที!

เมื่ออ่านพล็อตเรื่องแล้วจะพบว่านี่เป็นหนังประเภทไม่สนใจความสมจริงอะไรทั้งสิ้น เน้นขายสถานการณ์ตลกโปกฮาและเสียงหัวเราะอย่างแน่นอน แฟนหนังไม่ต้องคาดหวังเลยว่านี่จะเป็นหนังระดับออสการ์ แต่นี่จะเป็นผลงานแนวคลายเครียด ขายความน่ารัก สดใสของเจ.โลเอง ซึ่งคุณแม่ไม่ได้มาคนเดียว ยังหอบเอาแร๊ปเปอร์หน้าหล่อสุดเซ็กซี่อ อย่างมาลูมามารับบทเป็นร็อคเกอร์ที่หักอกเธอ ส่วนบทชายหนุ่มที่นางสุ่มแรนดอมขอแต่งงานนั้นตกเป็นของพระเอกหน้าหักอย่าง โอเว่น วิลสัน

 

 

Marry Me เป็นผลงานการกำกับของแคท คอยโร ซึ่งกำกับซีรีส์มามากมายหลายเรื่องอาทิ Dead to Me, Modern Family และอีกหลายเรื่อง (แต่เป็นการกำกับแบบรับเชิญ 1-5 ตอนเท่านั้น) อย่างไรก็ตามเธอเคยกำกับหนังยาวมาแล้ว 3 เรื่องซึ่งเป็นหนังรักโรแมนติกทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น Life Happens (2011), And While We Were Here (2012) และ A Case of You (2013) ซึ่งได้รับคำวิจารณ์ปานกลาง เกือบทุกเรื่อง ก็ต้องคอยดูกันว่าผลงานเรื่องนี้เธอจะกลับมาสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ Marry Me ยังไม่มีกำหนดวันเข้าฉายเนื่องจากสถานการณ์โควิด19 นั่นเอง

 

 

อย่างไรก็ตามล่าสุดมีการเปิดเผยออกมาแล้วว่าเจนนิเฟอร์ โลเปซ กำลังจะมีหนังดราม่าสุดเข้มข้นเรื่องใหม่ เรื่อง The Godmother ซึ่งเธอจะรับบทบาทเป็นเจ้าแม่ค้ายาจากโคลัมเบียอย่าง กรีเซลดา บลันโค ซึ่งเธอต้องฝ่าฟันสังคมเจ้าพ่อค้ายาและมาผงาดอยู่ในวงการยาเสพย์ติดโดยไม่เกรงกลัวใคร ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาบทภาพยนตร์ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีการพูดคุยกับบรรดานักแดงคนอื่นๆที่จะมาร่วมทีมความเดือดในครั้งนี้ อาทิอย่าง โซอี้ ซัลดานา และนักแสดงดาวรุ่งอย่างซาบาย่า ส่วนตัวผู้กำกับนั้นน่าจะตกเป็นของ รี๊ด โมราโน ผู้กำกับหญิงจากซีรีส์ The Handmaid's Tale และหนังเรื่อง The Rhythm Section

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook