ทำไม "สารวัตร" จาก คั่นกู จึงเป็นตัวละคร "แฟน" ในฝัน

ทำไม "สารวัตร" จาก คั่นกู จึงเป็นตัวละคร "แฟน" ในฝัน

ทำไม "สารวัตร" จาก คั่นกู จึงเป็นตัวละคร "แฟน" ในฝัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วินาทีนี้คงไม่มีละครหรือซีรีส์เรื่องไหนแรงและเป็นกระแสได้เท่า “เพราะเราคู่กัน” จากช่อง GMM TV อีกแล้ว เรียกได้ว่าในทุกวันศุกร์เวลา 21.30 น. แฟนๆซีรีส์จะต้องเตรียมเปิดช่อง 25 รอ หรือไม่ก็ดูไลฟ์ออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต เพราะกลัวว่าถ้าดูช้าไปสักวินาทีเดียว จะโดนสปอยล์บรรดาฉากสำคัญกันซะหมดเสียก่อน

 

 

ก่อนหน้านี้เราเคยเขียน “หลายเหตุผล” ว่าทำไมซีรีส์เรื่องนี้ถึงดังเป็นปรากฏการณ์ โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน แถมเหล่านักแสดงนำอย่างไบร์ท วชิรวิชญ์และวิน เมธวิน ก็มียอดติดตามในโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram อย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันหนุ่มไบร์ทมีคนติดตามไปแล้วทั้งสิ้น 3 ล้านคน ส่วนหนุ่มวินมีคนติดตามแล้วทั้งสิ้น 2 ล้านคน ส่วนเพื่อนๆนักแสดงคนอื่นๆในซีรีส์ก็ติดสอยห้อยตามความดังร่วมไปด้วยไม่ว่าจะเป็นหนุ่มไมค์ ชินรัฐที่ปัจจุบันกลายเป็น “ดาว Tiktok” ที่ขยันเต้น ขยันโชว์หุ่นลงคลิปแทบทุกวัน จนผู้ติดตามเพิ่มขึ้นพอสมควรทีเดียว

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เหตุผลประการสำคัญที่สุดคือตัวบทประพันธ์ที่ถอดมาจากเวอร์ชั่นนิยาย ซึ่งได้สร้างแง่มุมต่างๆให้กับตัวละครสารวัตร กลายเป็นที่รักและห่วงใยของบรรดาผู้อ่านและผู้ชม เรามาดูกันดีกว่า ว่าเหตุผลที่เราหยิบยกมาดังต่อไปนี้ “ตรงใจ” กับคุณผู้อ่านไหมว่า ทำไม “สารวัตร” จึงเป็นตัวละคร “แฟน” ในฝัน

 

ลืมบอกไปบทความนี้มีการสปอยล์ฉากในเรื่องนะครับ

 

 

1.เพราะสารวัตรเป็นคนพูดน้อยแต่ทำมากกว่าพูด

บุคลิกของสารวัตรดูเป็นคนไม่ค่อยพูดค่อยจา ไม่สุงสิงกับใครมากนัก เพราะนอกจากเพื่อนสนิทและคนรู้จักแล้ว เขาแทบจะไม่ยุ่งกับคนที่เขาไม่สนิท ถ้ายังพอจำกันได้กับเหตุการณ์ในตอนแรก คือไทน์กำลังตามตื้อสารวัตรเพื่อขอความช่วยเหลือให้แกล้งมาเป็นแฟน ช่วยหลอกกรีนไม่ให้ตามตื้อตามยุ่งกับชีวิตเขา ระหว่างที่สารวัตรกำลังจะขับรถกลับบ้าน สารวัตรก็แทบจะกำหนดเวลาในการพูดเป็นวินาที เร่งรัดให้การสนทนาจบอย่างรวดเร็ว

บุคลิกหน้านิ่งดูหยิ่งๆแต่จริงๆสารวัตรเก็บงำความรู้สึกเอาไว้ข้างใน แทนที่จะแสดงออกมาทางสีหน้า แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดและลงมือทำให้แทนอย่างทันที อาทิ การสอนไทน์ดีดกีตาร์ไม่ให้บอด ช่วยไทน์แอบในล็อคเกอร์จากการตามจิกของกรีน ซื้อขนมมาให้แต่ไม่บอกอะไรกับไทน์ปล่อยให้คิดเออออห่อหมกไปเอง ซีนเช็ดเครื่องสำอางออกจากหน้าไทน์

ดังนั้นถ้าเรามองพฤติกรรมนี้ของตัวสารวัตรแล้ว ให้เลือกระหว่างคนที่พูดเยอะแต่ทำในสิ่งที่พูดไม่ได้ กับคนที่ทำเลยโดยไม่ต้องบอกอะไรเยอะแยะ อย่างไหนล่ะที่คุณผู้อ่านชอบมากกว่ากัน

 

 

2.ขี้แกล้ง ขี้แหย่

“มองกูขนาดเนี้ย เดี๋ยวก็จูบให้ล้มเลย” คือประโยคเด็ดแรกที่สารวัตรพูดกับไทน์ในตอนที่ 1 แม้จะเป็นมาดที่ดูยียวนกวนประสาทและพร้อมจะมีเรื่อง แต่เมื่อเราชมซีรีส์นี้ไปสักระยะแล้ว เราคงจะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดประโยคเชิงหมาหยอกไก่แบบนี้  หรือ กระทั่งเกมรับน้องกินขนมต่อจากปากสารวัตรที่ไทน์เองเป็นฝ่ายโดนแกล้ง  ก็ล้วนแล้วเป็นอุบายที่ผ่านการคิดมาแล้วทั้งนั้น

บุคลิกขี้แกล้งและชอบแหย่ บางครั้งอาจจะดูเป็นบุคลิกที่น่ารำคาญสำหรับบางคน แต่ด้วยความ “ไม่ทันเกม” เท่าไหร่นักของไทน์ ทำให้สารวัตรเห็นจุดอ่อนดังกล่าวและเล่นสนุกกับความสัมพันธ์ที่เขาพยายามสานสัมพันธ์กับไทน์ โดยที่ตัวไทน์เองก็ไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำว่าการ “กวนตีน” ของสารวัตรนั้นคือความพยายามใกล้ชิด ตีสนิทกับไทน์เองนั่นแหละ

 

 

3.ใส่ใจในเรื่องเล็กๆน้อย

เมื่อเราสนใจหรือใส่ใจอะไรแล้ว การรับฟังและ “จดจำ” ในสิ่งที่คู่สนทนาชอบคือเสน่ห์อย่างหนึ่ง ถ้าสังเกตให้ดี ทุกครั้งที่ไทน์พูดอะไรออกมา เมื่อเรามองไปที่ใบหน้าของสารวัตรเราจะพบว่าเขาเป็นคนที่ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจและไม่ “ขัดจังหวะ” ของคู่สนทนาจนกระทั่งประโยคจบสมบูรณ์ และหลังจากนั้นเขาจะเก็บสาระสำคัญเอามา ประมวลผลและสร้างพฤติกรรมในเวลาต่อมา อาทิ การเก็บปิ๊กดีดกีตาร์ที่ไทน์ตัดครึ่งจนไม่สามารถใช้งานได้อีก แต่เขากลับนำมันมาทำเป็นสร้อยข้อมือที่มอบครึ่งหนึ่งให้ไทน์และเก็บไว้ใส่เองอีกครึ่ง

 

 

4.รักจริงและหวงของที่ตัวเองรัก

สิ่งแรกที่สารวัตรเริ่มพยายามพิสูจน์ว่า เขา “จริงจัง” กับไทน์ มากแค่ไหนก็คือการเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองไม่ว่าจะเป็นการเปิด Account Instagram ขึ้นใหม่ แต่ไม่ติดตามใครเลย จนกระทั่งเขาตัดสินใจกดติดตามไทน์เป็นคนแรกและคนเดียว! แต่นั่นก็ยังไม่ชัดเจนเท่า “จูบแรก” ที่ไทน์สารวัตรเกิดอาการโมโหหึงที่ไทน์บอกว่าเขาแค่อยากจะจีบใครสักคน ทันทีที่สารวัตรได้ยินประโยคนั้น เขาก็คว้าคอไทน์มาจูบทันทีพร้อมกับบอกว่า “กูจองมึงแล้ว มึงห้ามไปจีบใครดิ”

ทว่าสิ่งที่ตอกย้ำชัดเจนที่สุด คือการที่ผู้ชมได้รับรู้ว่า แท้จริงแล้วไทน์ถือเป็น “รักแรกพบ” ของสารวัตรมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วผ่านฉากแฟลชแบ็คย้อนเหตุการณ์ในอดีต ที่ไทน์เผลอดูคอนเสิร์ตแล้วกระโดดจนตัวลอยมากระแทกกับสารวัตรแบบไม่ได้ตั้งใจ แม้ไทน์จะไม่ “สนใจ” อะไรอีกฝ่ายอย่างจริงจังนัก แต่ในห้วงความรู้สึกนั้นสารวัตรกลับตกอยู่ในมนต์สะกดบางอย่าง แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะล่วงเลยผ่านมานานแล้ว แต่สารวัตรยังเลือกที่จะบันทึกความทรงจำนั้นผ่านการ “แอบถ่าย” รูปทีเผลอของไทน์เก็บเอาไว้ดู

 

 

“คนเดียวที่กูชอบมาตลอดคือมึง ไทน์ กูชอบมึง กูชอบมึงมาตั้งแต่วันแรกที่เห็นแล้ว” คือคำสารภาพของสารวัตรที่เก็บงำมาตลอด ทั้งที่ตอนแรกเขาเอง สารวัตรก็อยากจะสานสัมพันธ์กับไทน์แต่ประโยคเดียวที่ทำให้เขาไม่กล้าสานต่อความรู้สึกข้างในเพราะเขายังเข้าใจว่าไทน์ยังชอบผู้หญิงอยู่ และตัวเขาเองนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายผิดหวังถ้าเขาเผยความในใจของตัวเองออกไป มิหนำซ้ำถ้าหากคิดในแง่ลบแล้ว ถ้าหากไทน์ไม่ได้รู้สึกอะไรกับตัวเองจริง นั่นก็หมายความว่าเขาก็อาจจะเสียไทน์ไปตลอดกาลเช่นกัน

 

 

5.หล่อ!

เหตุผลสั้นๆที่สามารถอธิบายปรากฏการณ์กระแสความนิยมของตัวละครสารวัตรได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตัวละครหญิงที่เป็น #ทีมเมียสารวัตร เปรียบเสมือนภาพตัวแทนกลุ่นสาววายในโลกของความเป็นจริง ที่ตามชื่นชมและอยากจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการติดตามวิถีชีวิตของคนที่พวกเธอชอบ แม้แค่ได้เฝ้ามองก็ “สุขใจ” แล้ว

หลากหลายเหตุผลที่หยิบมาข้างต้นอาจจะเป็นแค่แง่มุมหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ “สารวัตร” ดูกลายเป็น “แฟน” ในฝันของใครหลายคน ก็ล้วนแล้วมาจากการแสดงที่ “เข้าถึง” ตัวละครของน้องไบร์ท วชิรวิชญ์ เองนั่นแหละ ที่ทำให้ตัวละครในหน้ากระดาษ ลุกขึ้นมามีชีวิตเช่นที่เราได้เห็นกันผ่านจอนี่เอง

ใครมีเหตุผลอื่นเพิ่มเติมแวะเวียนมาพูดคุยกันต่อได้นะครับ ^-^

 

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ ทำไม "สารวัตร" จาก คั่นกู จึงเป็นตัวละคร "แฟน" ในฝัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook