Extracurricular: ห้วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ กับสิทธิที่จะฝันและใช้ชีวิตของวัยรุ่น (สปอยล์)
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีหลากหลายสาเหตุที่ทำให้ซีรีส์วัยรุ่นสัญชาติเกาหลีอย่าง Extracurricular หรือ ชมรมลับ ธุรกิจรัก เรื่องนี้เป็นที่จับตามองไม่น้อย แน่นอนว่าคอซีรีส์แดนกิมจิคงไม่พลาดกันอยู่แล้ว ที่เหลืออาจจะตามพระเอกอย่าง คิมดงฮี มาจากซีรีส์สุดฮอต Itaewon Class บางคนดูตัวอย่างซีรีส์แล้วมองเห็นความแปลกใหม่ที่ให้ฟีลดาร์กๆ จนนับวันรอให้ถึง 29 เมษายน เร็วๆ หรือแม้แต่โปสเตอร์เท่ๆ ที่น่าดึงดูดใจ แต่ไม่ว่าจะจากเหตุผลกลใดก็ตาม Extracurricular ก็คุ้มค่ากับการรอคอยไม่น้อยทีเดียว
พล็อตย่อๆ ของ Extracurricular ซึ่งเป็น Netflix Original Series ด้วยนั้น เป็นเรื่องราวของ โอจีซู (รับบทโดย คิมดงฮี) ที่เลือกเส้นทางชีวิตในการทำอาชีพเสริมที่ผิดกฎหมายเพื่อส่งตัวเองเรียน แถม ซอมินฮี (รับบทโดย จองดาบิน) และ แพกยูริ (รับบทโดย พัคจูฮยอน) ยังมีส่วนพัวพันในโลกอันแสนหม่นเทาของ โอจีซู ด้วย จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์บางอย่างซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่พวกเขาไม่อาจหันหลังกลับได้อีกแล้ว
ว่าด้วยเรื่องย่อของ Extracurricular ใจหนึ่งก็คิดว่ามันอาจจะเป็นแค่ซีรีส์วัยรุ่นลุ้นระทึก แบบฉบับที่ผู้เขียนเคยรับชมในซีรีส์วัยรุ่นหลายๆ เรื่องมาก่อนหน้านี้ แต่พอดูจบครบทั้ง 10 ตอน นอกจากความอึดอัดจนเกือบลืมหายใจในบางซีน ซีรีส์เรื่องนี้ยังมีรสชาติใหม่ๆ ที่เราแทบไม่เคยสัมผัสจากซีรีส์เกาหลีมาก่อน
สิ่งแรกที่ Extracurricular ได้ใจผู้เขียนไปเต็มๆ ก็คือ “ความกล้า” ในการนำเสนอเรื่องราว พิมพ์นิยมของซีรีส์เกาหลีส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นโรแมนติกคอมเมดี้ให้อารมณ์จิกหมอนจนแทบจะขาดอยู่รอมร่อ มีซีรีส์ย้อนยุค หรือดราม่าเข้มข้นสอดแทรกเข้ามาประปราย ทว่าการชูประเด็นความดำมืดในใจมนุษย์ เลยเถิดไปถึงธุรกิจ “ค้าประเวณี” ในสังคม ยอมรับตามตรงว่า ขอปรบมือดังๆ ให้กับนักเขียนหน้าใหม่อย่าง จินฮันเซ ที่เดบิวต์กับซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก! รวมไปถึงผู้กำกับมือทอง คิมจินมิน ที่ท็อปฟอร์มเช่นเดียวกัน
ยังไม่นับรวมถึง “กรุ๊ปแชต” ในแอปพลิเคชั่น ที่ถือเป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญในการดำเนินเรื่อง แน่นอนว่าหลายคนก็อาจนึกไปถึงประเด็นข่าวฉาวที่เกิดขึ้นในสังคมเกาหลีในช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าผู้เขียนจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวเหล่านั้นหรือไม่ เราก็ยังนับถือในความหาญกล้าของทีมผู้สร้างอยู่ดี
เหล่านักแสดงนำก็ถือว่าสอบผ่าน และ “เกินความคาดหมาย” เสียด้วยซ้ำ ด้วยความที่ทุกคนเป็นนักแสดงวัยรุ่น การแสดงออกความรู้สึกผ่านวาจา แววตา และท่าทาง ถ้าทำได้ “ไม่ถึง” มันคงยากเย็นมากในการจะทำให้ผู้ชม “เชื่อ” ในตัวละคร รวมไปถึงทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ที่ต้องมอบคำชมให้เป็นกระบุงคงหนีไม่พ้น คิมดงฮี กับการรับบท โอจีซู นักเรียนมัธยมผลการเรียนเยี่ยม เป็นเด็กดีในสายตาคุณครู รวมถึงเป็นไอ้ขี้แพ้ในสายตาเพื่อนๆ อันที่จริงบทหนุ่มติ๋มๆ มีกลิ่นอายความเป็นลูสเซอร์ เราเคยเห็น คิมดงฮี รับบทสไตล์ดังกล่าวทั้งใน SKY Castle และ Itaewon Class มาแล้ว แต่สำหรับ โอจีซู ตัวละครนี้คือไอ้ขี้แพ้ที่ในบางครั้งเราก็อยากเอาใจช่วย บางครั้งก็ไม่ค่อยจะเข้าใจในสิ่งที่เขาทำสักเท่าไหร่ มากไปกว่านั้น การไต่ระดับทางอารมณ์และความคิดของตัวละครนี้ที่ผันแปรไปตามสถานการณ์ที่หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ คือจุดน่าสนใจที่ห้ามละสายตา การแสดงของ คิมดงฮี ทำให้เราเชื่อหมดใจกับชีวิตที่ต้องดิ้นรน กระทั่งความดำมืดค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่หัวใจของเขา
จองดาบิน ในการรับบท ซอมินฮี ที่ภาพลักษณ์ภายนอกดูเป็นคุณหนูโดนสปอยล์ แต่แท้ที่จริงอาชีพเสริมคือการมอบร่างกายให้ชายหนุ่มกลัดมันก็ถือเป็นความท้าทายที่เธอจะได้สลัดคราบความมุ้งมิ้งสดใสจากใบหน้า แววตาอันแสนเศร้าและหวาดกลัวคือความน่าสนใจของตัวละครนี้ ส่วนตัวละครที่เป็นแฟนของซอมินฮีอย่าง ควักกีแท ซึ่งรับบทโดย นัมยุนซู อาจมีบทบาทน้อยไปสักหน่อย มิติตัวละครอาจจะแบนไปสักนิด (ในซีซั่นนี้?) แต่แววตาที่เอาเรื่อง ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่เจ้าหนุ่มคนนี้จะยอมแพ้ก็น่าจะทำให้สาวๆ โดนตกกันไปเป็นแถบ
ในขณะที่ พัคจูฮยอน ที่แสดงเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่น่าสนใจอย่าง แพกยูริ เด็กสาวผู้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เธอกลับรู้สึกอ้างว้าง เหมือนไม่มีใครเข้าใจ จนทำให้เธอตัดสินใจเข้าไปมีส่วนร่วมกับธุรกิจลับๆ ของ โอจีซู จนถอนตัวไม่ได้เช่นกัน ในตอนแรกคิดว่า พัคจูฮยอน เคยผ่านงานแสดงมาไม่มากก็น้อย แต่พอไปสืบก็ทราบว่าเธอคือนักแสดงหน้าใหม่ การแบกรับความกดดันของตัวละคร แพกยูริ ไม่ใช่เรื่องง่าย แสดงได้ระดับนี้ถือว่าเซอร์ไพรส์เลยล่ะ แม้ว่าในหลายๆ ซีนใบหน้าของเธอจะสื่อสารออกมาในรูปแบบเดียวไปสักหน่อยก็ตาม อ้อ! ไอ้เจ้าความสัมพันธ์ระหว่าง แพกยูริ และ โอจีซู นี่ก็น่าสนใจ จะรักก็พูดได้ไม่เต็มปาก จะเกลียดก็บอกเช่นนั้นไม่ได้เช่นกัน ดูเป็น Love-Hate Relationship ที่น่าติดตาม
สารที่สำคัญและตัวผู้เขียนเองประทับใจใน Extracurricular มากที่สุดก็คือ “ตัวตนของวัยรุ่น” เราเชื่อเสมอว่าวัยรุ่นทั่วโลกจะมีจุดเชื่อมโยงที่คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นการอยากได้รับการยอมรับจากครอบครัวและสังคมเพื่อน ความคึกคะนองของฮอร์โมน การใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล สิ่งเหล่านี้มันจะต่อยอดไปสู่ “การมีตัวตน” ของเหล่าวัยรุ่น ซึ่ง 4 ตัวละครนำของซีรีส์เรื่องนี้ก็สะท้อนทุกสิ่งทุกอย่างของวัยแห่งหัวเลี้ยวหัวต่อได้อย่างอยู่หมัด เพียงแต่สิ่งที่พวกเขาตัดสินใจเลือก มันอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่สวยหรูสักเท่าไหร่
เส้นทางที่พวกเขาเลือกเดิน ส่งต่อไปยังคำถามที่ว่า คนเรามีสิทธิที่จะใช้ชีวิตในแบบของตนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม? คำตอบของผู้เขียนหลังชม Extracurricular จบก็คือ... มีสิทธิ ตราบใดที่ถนนเส้นนั้นไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ไม่ทำให้ใครบาดเจ็บทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ แม้ว่าแบบฉบับชีวิตของคุณจะแปลกแยกแตกต่างจากคนอื่นมากสักเท่าไหร่ หากสิ่งที่คุณทำคือ “ความดี” คงไม่มีใครมีสิทธิไปต่อว่าด่าทอ
คนเราทุกคนมีสิทธิเลือก มีสิทธิฝัน ความฝันแรกเริ่มของทุกคนเปรียบเสมือนผ้าขาวอันบริสุทธิ์ ความฝันของบางคนอาจสูญสลายไปในวันหนึ่งด้วยปัจจัยอะไรหลายๆ อย่าง ความฝันของใครอีกหลายคนอาจต้องแลกมาซึ่งอะไรบางอย่างกว่ามันจะเป็นจริง ซึ่งความฝันของ โอจีซู ในการเรียนต่อมหาวิทยาลัย ประกอบอาชีพที่ดีในอนาคต ก็อาจเรียกได้ว่าเป็น “ความฝันราคาแพง” ก็คงไม่ผิดนัก เพราะเขาหลายครั้งหลายคราที่เขาต้องเสี่ยงชีวิต รวมไปถึงการสูญเสียคนใกล้ตัวไปในที่สุด บางคนอาจเรียนรู้จากความผิดพลาด แต่หลายคนก็กลับมองไม่เห็นบทเรียนและดำดิ่งลงไปในหุบเหวของความชั่วร้ายจนไม่สามารถปีนป่ายขึ้นมามองแสงสว่างได้ก็มี
ค่อนข้างมั่นใจเหลือเกินว่า Extracurricular น่าจะมีซีซั่นที่ 2 อย่างแน่นอน คงต้องมาลุ้นกันต่อว่า เส้นทางที่วัยรุ่นแก๊งนี้เลือกจะนำพาพวกเขาไปสู่สิ่งใด แต่สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดู 10 ตอนสุดระทึก รับชมกันได้แล้วทาง Netflix
อัลบั้มภาพ 17 ภาพ