10 ผู้กำกับชื่อดังที่เกือบได้ทำหนังจากตัวละคร Marvel และ Avengers แต่สุดท้ายก็อด
นอกจากนักแสดงชื่อดังหลายคนที่เกือบจะได้แสดงในแฟรนไชส์หรือจักรวาลที่ทุกวันนี้มีแฟนติดตามมากที่สุดในโลกอย่างมาร์เวลแล้ว ผู้กำกับชื่อดังหลายคนต่างก็เคยแวะเวียนผ่านเข้ามาและผ่านออกไป เกือบจะได้กำกับหนังที่สร้างจากตัวละครของมาร์เวล ตั้งแต่ยุคบุกเบิกในช่วง 90s ที่ยังไม่ได้ควบคุมงานสร้างโดย Marvel Studios เช่น Blade (1998-2004), X-Men (2000-2019) และ Spider-Man (2002-2007) ลองมาดูกันว่า เหล่าผู้กำกับชื่อดังเหล่านั้นที่พลาดโอกาสจะได้ทำหนังฮีโร และอาจทำให้ชื่อเสียงตัวเองโด่งดัง (ขึ้นกว่าเดิม) มีใครบ้าง
James Cameron เคยเกือบได้กำกับ Spider-Man
ก่อนที่ Sam Raimi จะได้มากำกับ Tobey Mcguire ใน Spider-Man (2002) ผู้กำกับที่เป็นเจ้าของฉายา The King of the World อย่าง James Cameron (Avatar, Titanic) ก็เคยเกือบได้กำกับหนังไอ้แมงมุมมาก่อน โดยเขาถึงกับเขียนทรีตเมนต์หรือเค้าโครงเรื่องหนังในฉบับที่เขาจะสร้างไว้เสร็จแล้ว และวางแผนจะให้นักแสดงหนุ่ม Edward Furlong ที่โด่งดังในยุค 90s จาก Terminator 2: Judgement Day (1991) มาแสดง ซึ่งพอสิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้น Furlong ก็ไม่มีหนังดัง ๆ นอกจากคนเหล็กในเครดิตเลย ในเวอร์ชันของ Cameron นั้นจะมีฉากสำคัญที่ตึก World Trade Center ก่อนที่จะเกิดเหตุวินาศกรรม 9/11 ขึ้นจริง
Guillermo Del Toro เคยเกือบได้กำกับ Thor
ก่อนหนังซูเปอร์ฮีโรลิเกจักร ๆ วงศ์ ๆ อย่าง Thor จะได้ผู้กำกับมือทำหนังจากวรรณกรรม Shakespeare อย่าง Kenneth Branagh (Hamlet) มากำกับ หนังเกือบจะได้ผู้กำกับเชื้อสายเม็กซิโกที่ทำหนังที่มีงานออกแบบประหลาดล้ำแต่สวยงามจนมาได้ออสการ์กับ The Shape of Water (2017) อย่าง Guillermo Del Toro ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าหนังเทพเจ้าสายฟ้าได้อยู่ในมือของ Del Toro ก็จะต้องออกมาแบบดาร์ก ๆ ไม่สดใสและอร่ามเรืองรองเหมือนสองภาคแรกแน่นอน
ในตอนนั้นเขาถอนตัวจาก Thor เพื่อไปเตรียมงานสร้าง The Hobbit: An Unexpected Journey (2012) ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็เกิดวิสัยทัศน์ไม่ตรงกับ Peter Jackson ผู้อำนวยการสร้าง จึงต้องถอนตัวไปอีกครั้ง และ Jackson ก็ลงมากำกับไตรภาค Hobbit เอง
John Singleton เคยเกือบได้กำกับ Black Panther
ย้อนกลับไปในยุค 90s Wesley Snipes นักแสดงชื่อดังอยากจะแสดงเป็นตัวละครในจักรวาลมาร์เวลมาก ก่อนที่จะไปรับบทแวมไพร์เบลด เขาเคยพยายามจะแสดงเป็นแบล็คแพนเธอร์ แต่สตูดิโอทั้งหลายที่ Snipes เร่ขายนั้นมองว่าหนังไม่น่าจะฮิตได้เลยมั้งจากการเป็นฮีโรที่ไม่ได้รับความนิยมมากนัก แถมยังเป็นฮีโรผิวสีอีก แต่ท้ายที่สุด Snipes ก็เข็น Blade (1998) (ที่รูปลักษณ์ดูจะเป็นวายร้ายมากกว่าฮีโร) ออกมาสำเร็จ ส่วนผู้กำกับที่ Snipes ติดต่อมาให้กำกับ Black Panther ในเวอร์ชันของเขานั้นคือ John Singleton ผู้กำกับออสการ์ผู้ล่วงลับจาก Boyz n the Hood (1991) และ 2 Fast 2 Furious (2003)
Colin Trevorrow เคยเกือบได้กำกับ Guardians Of The Galaxy
ก่อนที่เป็นผู้กำกับ James Gunn ที่ทำหนังแก๊งอลหม่านแห่งกาเล็กซี่ออกมาได้ดูเข้ากั๊นเข้ากัน จนถึงขนาด Marvel Studios ต้องไปตามง้อกลับมากำกับภาค 3 หลัง Disney ขับไล่ออกไปเพราะข่าวฉาวในอดีต (จนดีซีฉวยไปกำกับ The Suicide Squad ภาคกึ่งรีเมก) แต่ก่อนหน้านั้น ผู้กำกับ Colin Trevorrow จาก Jurassic World (2015) และ Jurassic World: Dominion ภาคปิดท้ายไตรภาคที่กำลังถ่ายทำกันอยู่ (และก็มี Chris Pratt นำแสดงเหมือนกัน) ก็เคยเป็นตัวเลือกหนึ่งของมาร์เวลก่อนที่เขาจะปฏิเสธโอกาสนี้ไป เพื่อมากำกับและอำนวยการสร้างไตรภาคจากหนัง Jurassic Park นี่เอง
รวมถึงในตอนนั้นเขายังเข้าชื่อเป็นผู้กำกับ Star Wars: Episode IX ด้วย ก่อนจะถอนตัวไปเหมือนกันจนได้ J.J. Abrams มากำกับแทน (ซึ่งหลายคนยังเชื่อว่า Star Wars: Duel of Fates ที่ไม่ได้สร้างของ Trevorrow น่าจะดีกว่า The Rise of Skywalker)
Fede Álvarez เคยเกือบได้กำกับ Doctor Strange
ในปี 2016 หนังสุดลุ้นระทึกทุนต่ำที่เป็นที่ถูกอกถูกใจนักวิจารณ์อย่าง Don’t Breathe ภาคแรกสร้างชื่อเสียงให้กับผู้กำกับ Fede Álvarez จนทำให้ Marvel Studios อยากให้มากำกับหนังหมอแปลกภาคแรกที่จะมีโทนไปทางหนังสยองขวัญลุ้นระทึกมากกว่าหนังฮีโรมาร์เวลเรื่องอื่น ๆ ในเวลานั้น เขาเคยทำหนังอย่าง Evil Dead (2013) และ The Girl in the Spider’s Web (2018) ภาคกึ่งรีเมกที่ล้มเหลว
เขาปฏิเสธข้อเสนอของ Marvel โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากทำหนังฟอร์มยักษ์ที่สร้างมาจากหนังสือการ์ตูน ผู้มารับหน้าที่เป็นผู้กำกับตัวจริงจึงตกเป็นของ Scott Derrickson ที่ก็ได้กำกับแค่ภาคเดียวเพราะวิสัยทัศน์จะทำภาคต่อไม่ตรงกับ Kevin Fiege จนภาค 2 ของ Doctor Strange ได้ Sam Raimi มากำกับ
F. Gary Gray เคยเกือบได้กำกับ Captain America: The Winter Soldier
F. Gary Gray เป็นผู้กำกับที่ทำหนังที่มีตัวละครหลักเป็นแอฟริกัน-อเมริกันในฉากหลังที่เป็นหนังอาชญากรรมหลายเรื่องมาตั้งแต่ยุค 90s จนพอเข้าสู่ยุคปี 2000s ก็มากำกับหนังอย่าง The Italian Job (2003), Law Abiding Citizen (2009) ก่อนจะมาฮิตสุด ๆ กับ Straight Outta Compton (2015) ที่ Gray ปฏิเสธกำกับหนัง Captain America ภาค 2 เพื่อมากำกับเรื่องนี้ หลังจากนี้เข้าก็ยังดังต่อกับ The Fate of the Furious (2017) หรือ Fast 8
ผลงานเชื่อถือได้แบบนี้โดยเฉพาะในหนังที่ต้องการโทนที่จริงจัง Marvel Studios จึงอยากได้เขามากำกับภาค 2 ที่จะเป็นหนังจารกรรมเหมือนหนังยุค 70s เทียบกันกับสองพี่น้อง Russo ที่กลายเป็นตัวเลือกถัดมา ที่ในเวลานั้นเพิ่งผ่านผลงานหนังอย่างใหญ่มาแค่หนังตลก You, Me and Dupree (2006) แต่นั่นเองก็ทำให้พวกเขาได้ผูกชะตากับหนังบิ๊ก ๆ ของมาร์เวลเรื่อยมาตั้งแต่ Civil War (2016), Infinity War (2018) และ Endgame (2019)
Wes Anderson เคยเกือบได้กำกับ The Amazing Spider-Man
นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าได้ Wes Anderson ผู้กำกับที่ทำหนังที่มีงานภาพเป็นเอกลักษณ์ด้วยสีสันแพนโทน สีฉากและชุดของตัวละครแมตช์กันไปทุกฉากทุกตอนจากหนังอย่าง The Grand Budapest Hotel (2014) และ Moonrise Kingdom (2012) มากำกับหนังไอ้แมงมุมฉบับรีเมกจะเป็นยังไง ในลิสต์ที่ค่าย Sony อยากจะให้มากำกับในตอนนั้นมี Anderson ที่แปลกแหวกแนวที่สุด เพราะอีกสองชื่อคือ David Fincher (Se7en, Gone Girl) และ Kathryn Bigelow (The Hurt Locker, Zero Dark Thirty) ซึ่งหนังคงจะออกมาในแนวจริงจังไม่หวานแหววแน่นอน
สุดท้ายผู้กำกับที่ได้คว้างานนี้ไปก็คือ Marc Webb จากหนังรักสุดเฮิร์ท (500) Days of Summer (2009) ซึ่งไม่เคยทำหนังแอ็กชันฮีโรมาก่อน ก็อาจจะเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้หนังฉบับนี้ล้มเหลวจนต้องรีเมกหนังสไปเดอร์แมนกันอีกเป็นหนที่สาม
Ava DuVernay เคยเกือบได้กำกับ Captain Marvel
ผู้กำกับหญิงที่เคยได้เข้าชิงรางวัลออสการ์จากหนังชีวประวัติ “มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์” อย่าง Selma (2014) แต่ไปไม่ค่อยสวยกับหนัง Disney ทุนสูงที่เจ๊งไปแล้วกับ A Wrinkle in Time (2018) เคยเกือบจะได้มากำกับหนังฮีโรหญิงที่ประสบความสำเร็จที่สุดของมาร์เวลอย่าง Captain Marvel (2019) (โอเค ก็มันเพิ่งมีหนังซูเปอร์ฮีโรหญิงแค่คนเดียว และจะต้องรอวัดกับ Black Widow อีกเรื่องก็ตาม) แต่ DuVernay ก็ปฏิเสธไปตอนนั้น
จนท้ายที่สุดได้สองคู่หูผู้กำกับ Anna Boden และ Ryan Fleck มากำกับแทน พวกเขาทั้งคู่ก็เคยถูกเข้าชื่อเพื่อเป็นผู้กำับ Guardians of the Galaxy (2014) ก่อน James Gunn เช่นกัน ก่อนจะถูกโยกมากำกับเรื่องนี้ และตอนนี้ก็ถูกโยกจากการจะได้กำกับภาค 2 ไปดูแลซีรีส์ Marvel สักเรื่องที่เตรียมวางแผนสร้างเพื่อสตรีมมิงทาง Disney+
Patty Jenkins เคยเกือบได้กำกับ Thor: The Dark World
ติดอันดับหนังที่แฟน ๆ มาร์เวลและคอหนังทั่วไปลงความเห็นว่า เป็นหนังที่ห่วยและสนุกน้อยสุดในบรรดา 23 เรื่องของ MCU สำหรับ Thor: The Dark World (2013) หรือ Thor ภาค 2 ในทีแรกผู้กำกับหญิงอย่าง Patty Jenkins จากหนังที่ส่งให้ Charlize Theron คว้ารางวัลออสการ์อย่าง Monster (2003) ก็เคยเกือบจะได้มากำกับเรื่องนี้ ความตั้งใจของเธอนั้นอยากจะเพิ่มบทบาทของตัวละคร “เจน ฟอสเตอร์” (Natalie Portman) ที่เป็นนางเอกของเรื่องให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
แต่หลังจาก The Avengers (2012) ทิศทางที่สตูดิโออยากให้โฟกัสในเรื่องธอร์คือ โลกิ หลังจากนั้นความคิดสร้างสรรค์ระหว่างเธอและ Kevin Feige ก็ไม่เคยลงรอยอีกเลย ถึงขนาดที่เธอออกมาแฉว่า บทหนังเรื่องนี้เป็นบทที่ห่วยมากจนทนกำกับไม่ได้ สุดท้ายเธอก็ได้มากำกับหนังฮีโรฝั่งดีซีอย่าง Wonder Woman ทั้ง 2 ภาค (2017-2020) จนประสบความสำเร็จ อาจเป็นเพราะว่าเธอได้ทำหนังฮีโรหญิงที่เธออยากทำก็เป็นได้ ทิ้งความซวยไว้ให้กับ Alan Taylor ผู้กำกับจากซีรีส์ Games of Thrones ที่พอกระโดดมาทำหนังใหญ่ทั้งเรื่องนี้ และ Terminator Genisys (2015) ก็กลายเป็นหนังที่โดดสับเละจากแฟน ๆ ทั้งสองเรื่อง
Edgar Wright เคยเกือบได้กำกับ Ant-Man
น่าจะเป็นผู้กำกับรายที่การถอนตัวออกจากโพรเจกต์ด้วยเหตุผล “ความคิดสร้างสรรค์ไม่ตรงกัน” ที่โด่งดังและเป็นที่รับรู้มากที่สุดแล้วของจักรวาลหนังมาร์เวล เพราะเมื่อตอนที่ Edgar Wright ถูกประกาศชื่อว่าจะมาเป็นผู้กำกับหนัง Ant-Man (2015) นั้น แฟน ๆ ก็คาดหวังไว้แล้วว่าจะได้เห็นหนังซูเปอร์ฮีโรแบบแนว ๆ เหมือนที่เขาทำกับไว้กับ Scott Pilgrim vs. the World (2010) ที่ทำให้เขาเข้าตาจนได้มากำกับเรื่องนี้ และ Hot Fuzz (2017) ที่เป็นหนังตลกที่คอหนังชอบกันมาก
แต่ท้ายที่สุดเขาและ Joe Cornish มือเขียนบทที่เตรียมงานสร้างมานานกว่า 2 ปีก็ต้องโบกมือลาจากโพรเจกต์ไป วงในว่ากันว่า Fiege ไม่กล้าจะทำหนังให้แหวกแนวเกินที่แฟน ๆ ทั่วไปจะรับได้ สุดท้ายก็ได้ Payton Reed จาก Bring It On (2000) และ Yes Man (2008) มากำกับตามบทของ Wright และ Cornish ยังคงได้เครดิตผู้เขียนบทอยู่ (ฉากบทสนทนาแบบแร็พสุดฮาจากนักแสดง Michael Peña และชาวคณะ ก็คือไอเดียของ Wright) ส่วน Wright ก็ได้มาทำหนังฮิตเรื่องใหม่ Baby Driver (2017) ระดับนี้ทำเรื่องไหนก็ดังเรื่องนั้น
ตารางฉายล่าสุดในสหรัฐฯ ของหนังในจักรวาล MCU
- Black Widow (2020): 6 พฤศจิกายน 2020 (ในไทย 29 ตุลาคม 2020)
- Eternals (2021): 12 กุมภาพันธ์ 2021
- Shang-Chi And The Legend Of The Ten Rings (2021): 7 พฤษภาคม 2021
- Spider-Man: Homecoming 3 (2021): 5 พฤศจิกายน 2021
- Thor: Love And Thunder (2022): 11 กุมภาพันธ์ 2022
- Doctor Strange In The Multiverse Of Madness (2022): 25 มีนาคม 2022
- Black Panther 2 (2022): 6 พฤษภาคม 2022
- Captain Marvel 2 (2022): 8 กรกฎาคม 2022