มุมของ ไทน์คนชิคๆ ที่หลายคนชื่นชอบ ก่อนส่งท้ายใน "เพราะเราคู่กันตอนจบ"

ไทน์คนชิคๆ ควายน้อย สู่คนบ้าที่รักเองเจ็บเอง ก่อนส่งท้าย #คั่นกูตอนจบ

ไทน์คนชิคๆ ควายน้อย สู่คนบ้าที่รักเองเจ็บเอง ก่อนส่งท้าย #คั่นกูตอนจบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พร้อมลาจอแล้วสำหรับ “เพราะเราคู่กัน” จากช่อง GMM TV เพราะวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 เป็นตอนสุดท้ายแล้ว ว่าบทสรุปความรักระหว่าง “สารวัตร” และ “ไทน์” จะลงเอยกันอย่างไร จะเหมือนในเวอร์ชั่นนิยายต้นฉบับหรือไม่ อันนี้คงต้องตามลุ้นกันเอาเอง

แม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะเขียนบทความ ทำไม "สารวัตร" จาก คั่นกู จึงเป็นตัวละคร "แฟน" ในฝัน กันไปแล้ว ก็คงไม่แฟร์นักที่เราจะไม่ยอมเขียนอีกหนึ่งตัวละครสำคัญอย่าง “ไทน์” ที่ขึ้นจอเคียงคู่กัน แต่ดูเหมือนว่าในมิติเชิงความรักแล้ว ตัวละครนี้น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเชิงอารมณ์ที่กรุ่นอยู่ภายในที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

ลืมบอกไปบทความนี้มีการสปอยล์ฉากในเรื่องนะครับ

1.ไทน์คนชิคๆ

“เพราะเราคู่กัน” ถูกเล่าเรื่องผ่านตัวละครไทน์ มุมมองของไทน์ (กระทั่งเป็นมุมมองความรักของตัวผู้เขียนนิยายอย่างจิตติเลยด้วยซ้ำไป) ดังนั้น “ความปรารถนา” ที่เป็นแรงขับทางพฤติกรรมต่างๆ ของไทน์ในซีรีส์นี้คือการสะท้อนภาพความต้องการในสิ่งที่ผู้เขียนเองอยากจะสะท้อนลงไปในตัวละคร พลางเสริมแต่งจินตนาการเข้าไป

ถ้าพวกคุณยังพอจำกันได้เสียงแรกที่เราได้ยินเมื่อซีรีส์เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยการบรรยายเชิงตั้งคำถามของไทน์ว่า “คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมสิ่งต่างๆ ถึงต้องอยู่ด้วยกันเป็นคู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อนหรือเรื่องแฟน ยิ่งถ้าเจอคู่ที่ใช่ ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน ก็คุ้มค่าที่จะไขว่คว้ามา ตลอดชีวิตของผมก็ได้ผ่านการเจอคู่มาแล้วมากมาย แต่ก็ไม่มีคู่ไหนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าใช่ ผมเลยตั้งใจมาหาคู่ใหม่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ โดยผมก็ไม่เคยรู้เลยว่า คู่ใหม่ของผมจะต่างกับที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้”

ยิ้มหวานละลายหัวใจ หน้าใสๆดูขี้อ้อนของไทน์ ที่ดึงดูดทั้งสาวแท้ สาวเทียม (กระทั่งสาววายด้วยก็ตาม) ทำให้เขาต้องสาละวนอยู่กับการจัดการปัญหาความรัก (มากกว่าปัญหาอื่นๆในชีวิตที่คนดูคงไม่มีโอกาสได้เห็น) แต่การสลัดรักที่ไทน์ไม่ต้องการอย่างกรีนที่ตามจีบอย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยการหาไม้กันหมาอย่างสารวัตรมาคบกันเป็นแฟนปลอมๆ ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวยก็จริง แต่บางอย่างในใจไทน์เองก็เริ่มเกิดคำถามขึ้นมาเช่นกัน “นี่เรากำลังรู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนี้หรือเปล่า”

บุคลิกไทน์คนชิคๆ ถูกสะท้อนผ่านความมีชีวิตชีวา เปิ่น ขี้อาย แถมเขายังเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยปัญหาสารพัดที่เพื่อนสนิทต้องคอยมาเป็นที่ปรึกษาให้อยู่ตลอดเวลา  

บางครั้งเราอาจจะมองอีกมุมได้เช่นกันว่า ไทน์เป็นคนที่ไม่สามารถทำอะไรด้วยตัวเองให้ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องความรักที่ผ่านมา หรือการทำอะไรยากๆให้สำเร็จด้วยตัวเอง อย่างเช่น การฝึกเล่นกีตาร์ สภาวะของเขาจึงต้อง “พึ่งพา” คนอื่นตลอดเวลา

ไทน์ยังคงเป็นคนชิคๆ มาเรื่อยๆ มีลังเลในชีวิตบ้าง จนกระทั่งเมื่อสารวัตรบอกความในใจกับเขาว่า “ลองไหม เราลองมาเรียนรู้กัน” ตั้งแต่นั้นมาไทน์ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

2.ควายน้อย

ถ้าสารวัตรเป็นคนขี้หึงและแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งชัดเจน ประกาศความเป็นเจ้าของโดยไม่สนใจว่าใครจะมองเขายังไง แต่ไทน์คือขั้วตรงข้าม เป็นคนกรุ่นอะไรอยู่ในใจ คิดเองเออเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะย้อนกลับไปถึงช่วงที่เขาเกิดอาการ “หึง” สารวัตรที่อยู่กับผู้หญิงคนอื่น ความพยายามค้นหาคลิปวิดีโอในโทรศัพท์ส่วนตัวของสารวัตร กระทั่งการที่ไทน์กำลังสัมผัสได้เลยว่าคนรักเก่าของสารวัตรอย่างแพม กำลังก้าวเข้ามาในความสัมพันธ์ครั้งนี้และอาจจะทำให้ความรักของตัวเองกำลังสั่นคลอน

“ควายน้อยเอ้ย” คือสิ่งที่สารวัตรบอกกับไทน์และลูบหัวแฟนของตัวเองด้วยความเอ็นดู สารวัตร “ดูออก” และรับรู้ถึงพฤติกรรมขี้น้อยใจของไทน์หลายครั้งหลายหน การเอ่ยคำจำกัดความดังกล่าวสะท้อนให้เราเข้าใจเลยด้วยซ้ำว่า จริงๆแล้วไทน์เป็นคนแบบไหนในสายตาของสารวัตร แต่ไทน์อาจจะยังปรับแก้พฤติกรรมของตัวเองไม่ทัน และไม่ทันฉุกคิดด้วยซ้ำว่าพฤติกรรมดังกล่าวของตัวเอง อาจจะนำไปสู่ตัวแปรที่ทำให้ความสัมพันธ์ของตัวเองต้องล่มสลาย

3.คนบ้าที่รักเองเจ็บเอง

EP12 การมาถึงของตัวละครแพม (ที่คนดูส่วนมากสาปส่งนางนักหนาและกลายเป็นจำเลยสังคม) แต่จริงๆแล้วถ้าเราคิดอย่างมีสติและใช้วุฒิภาวะแล้ว เราจะพบว่าปัญหารักสามเส้าที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เกิดจากการที่ตัวละครแต่ละตัวอยู่ในสถานะ “สองคนรู้แต่เลือกจะไม่พูด” ไทน์เองก็เอาตามสอดส่องแอยบดูชีวิตสารวัตร ในแบบขนบละครช่องน้อยสีเมื่อสิบยี่สิบปีที่แล้ว อารมณ์เมียหลวงตามส่องเมียน้อย และไม่ยอมถามสามีตัวเองตรงๆ จนมานั่งตรอมใจให้นางร้ายได้แต่สะใจหัวเราะมุมปาก แต่เปรียบเทียบแบบนี้ก็คงไม่แฟร์กับแพม เพราะเธอไม่ใช่นางร้าย แต่เธอแค่ “ไม่รู้” ว่าตัวเองกำลังก้าวเข้ามาเป็นมือที่สาม ส่วนคนที่มีแฟนแล้วอย่างสารวัตรที่เที่ยวประกาศแก่สาธารณชนว่า “ไทน์ เป็นแฟนผม”อยู่ปาวๆ แต่เขากลับไม่กล้าที่จะบอกแฟนเก่าอย่างตรงไปตรงมาว่าตอนนี้หัวใจเขาไม่ว่างอีกแล้ว จึงนำไปสู่คำถามว่า ตกลงแล้วใครเป็นคน “ไม่ชัดเจน” กันแน่?

ถึงแพมจะเป็นรักแรกของสารวัตร แต่สารวัตรก็เคลียร์ตัวเองอย่างหนักแน่น มีเหตุผลกับไทน์ไปแล้ว “กูไม่ได้รู้สึกกับแพมเหมือนที่กูรู้สึกกับมึง” ไทน์ถามกลับว่า “หรือจริงๆมึงแค่ไม่รู้สึกอยากเสียเพื่อนแล้วเห็นกูเป็นแค่ตัวแทนของเขา” สารวัตรตอบว่า “มึงไปเอาความคิดบ้าๆแบบนี้มาจากไหน” ทำให้เราเข้าใจเลยด้วยซ้ำว่า ตอนนี้คนที่กำลัง “ดิ่ง” อยู่ในความรัก(และความหลง) แบบโงหัวไม่ขึ้นก็คือตัวไทน์เอง ไม่ใช่สารวัตร ไม่ใช่แพม

กระทั่งการเข้าใจผิดแบบภาคบังคับในละครหลังข่าว (ยุคโบราณและโคตรไม่สมเหตุสมผล) ด้วยการที่ไทน์ออกมาเห็นสารวัตรกอดกับแพมนั้น ก็ยิ่งทำให้เราเห็นว่า “การคิดไปเองของไทน์” และไม่ยอมสื่อสาร (หรือเลือกที่จะไม่สื่อสาร) และวิ่งไปร้องไห้ที่บันไดปล่อยโฮอย่างเสียสตินั้น บอกเราได้ว่าเขากำลังเป็นคนบ้าที่เลือกจะรักเองเจ็บเอง นั่นแล

ในทุกความสัมพันธ์ล้วนมีทางออก แต่ทางออกที่ดีที่สุดคือการเปิดใจคุยกัน บางทีเพราะตัวละครในเรื่อง “คั่นกู” คงจะเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา และมองว่าความรักนั้นจะต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องไปหมด แต่เมื่อพวกเขาเติบโตและเข้าใจอะไรมากขึ้น สารวัตรอาจจะเป็นแค่แฟนตาซีที่ดีเกินฝันไปไกล ไทน์ก็เป็นเด็กน้อยที่เพิ่งจะเข้าใจคำว่า “รัก” แต่คนอย่างแพมนี่สิ ที่กลายเป็นเหยื่อและจำเลยของสังคม โดยเฉพาะเรื่องความรักที่เรามักจะพบได้ในชีวิตจริงและอาจจะเป็นเพื่อนหรือคนใกล้ตัวของเราก็ได้

แต่ไม่น่าแปลกใจอย่างที่เราบอกไปว่า ในเมื่อมันเป็น “เรื่องราวของไทน์” ผู้เล่าเรื่อง เจ้าของเรื่องราว กระทั่งผู้กำกับ ก็มีสิทธิที่จะเล่าเข้าข้างตัวเองและเชื่อในวิธีคิดแบบที่ตัวเองต้องการ อย่างน้อยในจินตนาการของเขาเองก็ยังดี

 

หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับบทสรุปของ #คั่นกู ใน EP13 กันนะครับ

อัลบั้มภาพ 22 ภาพ

อัลบั้มภาพ 22 ภาพ ของ ไทน์คนชิคๆ ควายน้อย สู่คนบ้าที่รักเองเจ็บเอง ก่อนส่งท้าย #คั่นกูตอนจบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook