ทำไมการดูรายการ "รีแอค" #คั่นกู จึงเป็นอีกหนึ่งความสนุกที่แฟนซีรีส์ไม่ควรพลาด
ถึงแม้ว่าเพราะซีรีส์เพราะเราคู่กัน #คั่นกู จะลาจอไปแล้วด้วยเรตติ้งถล่มทลาย บรรดานักแสดงนำในเรื่อง ต่างได้รับคำชื่นชมกันอย่างถ้วนหน้า กระทั่งนักแสดงที่ไม่ใช่ตัวละครหลักยังได้รับการพูดถึง จดจำ ในฐานะ “ส่วนหนึ่ง” ของซีรีส์เรื่องนี้
การขึ้นอันดับ 1 ในโซเชียลมีเดียอย่างทวิตเตอร์อย่างต่อเนื่อง ทุกสัปดาห์ที่ซีรีส์ออนแอร์ล้วนเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในฐานะ “ความชื่นชอบ” ของแฟนๆ
รายการประเภท “รีแอค” ที่หลายช่องทางชาแนลออนไลน์ เลือกจะหยิบคอนเทนท์ “คั่นกู” ในแต่ละตอนมานั่งพูดถึงอีกครั้ง จึงได้รับความนิยมและยอดการรับชมจึงพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว เราลองมาดูเหตุผลกันบ้างดีกว่าว่าทำไมแฟนๆของซีรีส์เรื่องนี้ถึงควรนั่งดูรายการประเภทนี้
1.เพราะการดู “รีแอค” ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ดูซีรีส์พร้อมกับเพื่อนๆ
การนัดเจอเพื่อนในช่วงโควิด19 เป็นอะไรที่ยากพอๆกับการรอลุ้นว่าเมื่อไหร่โรงภาพยนตร์จะกลับมาเปิดบริการได้นั่นแหละ ช่วงเวลาแห่งบ้านใครบ้านมัน ทำให้เราต้องอยู่คนเดียวมากขึ้น เหงามากขึ้น การมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ลดลง รายการประเภทรีแอคที่มีลักษณะของเพื่อนๆ มานั่งดูซีรีส์ร่วมกัน พร้อมกับแสดงความรู้สึกในใจด้วยการ “พูดออกมา” พร้อมกับเรื่องราวที่ดำเนินไป จึงเปรียบเสมือนความรู้สึกที่เราไปนั่งดูรายการทีวี ละคร ซีรีส์ ภาพยนตร์หรือกระทั่งคอนเสิร์ตที่บ้านเพื่อน แล้วทุกคนก็พร้อมจะโหวกเหวกโวยวาย ชี้หน้าตัวละครที่เราเกลียดพร้อมคำด่าทอ กรีดร้องด้วยความฟินเพราะพวกเขากำลังกอด จูบ แสดงความรัก หรือ โศกเศร้าน้ำตาไหลพร้อมเสียใจไปกับตัวละคร เป็นต้น
อารมณ์ร่วมที่เกิดขึ้นพร้อมกับการดูรายการรีแอค จึงทำให้เราได้หวนคิดถึงบรรยากาศที่เราได้สนุกเวลาที่ได้อยู่กับเพื่อนๆ ทำให้ห้องของเราไม่เงียบเหงา ได้ฟังเสียงและความคิดเห็นของคนอื่น ทำให้เราไม่จมอยู่กับตัวเองมากจนเกินไปนั่นเอง
2.ความคิดที่หลากหลายช่วยเปิดมุมมองของเราให้กว้างขึ้น
บางครั้งการดูซีรีส์ #คั่นกู ในรอบแรก เราอาจจะรู้สึกไม่ชอบพฤติกรรมของตัวละคร A เช่น ทำไมเราถึงเกลียดแพมจะเป็นจะตาย สารวัตรทำร้ายจิตใจไทน์ทำไม พี่มิลทำไมถึงชอบพุ่งเข้ามาเสียบเวลาสารวัตรเผลอ แต่เมื่อเราลองได้ฟังบรรดาผู้ดำเนินรายการในรีแอคแสดงความเห็นในมุมมองต่างๆ ได้ช่วยทำให้เราเห็นว่า บางครั้งยังมีคนอื่นๆ ที่คิดไม่เหมือนกับเรา และแสดงทัศนะต่อตัวละครเหล่านี้ในมุมที่เราคิดไม่ถึง ช่วยทำให้เราเข้าใจตัวละครแต่ละตัวมากยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งช่วยให้เรามองเห็นความหลากหลายของเพื่อนมนุษย์ในสังคมด้วย
3.เลือกชาแนลของผู้ดำเนินรายการให้เหมาะกับจริตของเรา
ต้องยอมรับเหมือนกันว่า ความโด่งดังของคนทำชาแนลออนไลน์ถือเป็นแต้มต่อสำคัญที่ทำให้ผู้ชมอยากติดตาม “รีแอค” มากขึ้น องค์ประกอบสำคัญคือความเป็นกันเอง ไม่ปรุงแต่งของผู้ดำเนินรายการ อารมณ์ขันและมุกตลก ระดับความหยาบคาย วิธีการตัดต่อ ระยะเวลาของรายการในแต่ละตอน ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราหรือผู้ชม รู้สึกสบายใจที่จะเปิดดู นั่งฟังรายการเหล่านี้ ซึ่งเราจะหยิบประเด็นนี้มาพูดถึงในหัวข้อต่อไปเนื่องจากมีความเกี่ยวโยงกัน
4.แขกรับเชิญพิเศษที่ช่วยทำให้การดูซีรีส์รอบสองสนุกยิ่งขึ้น
ชาร์แนลของ Jennie Panhan (เจนนี่ ปาหนัน) ที่ทำรีแอคคั่นกูตั้งแต่ EP1 จนถึง EP สุดท้าย ด้วยอารมณ์ขันและความตลกอารมณ์ดีของเธอทำให้ผู้ชมติดตามรีแอคของช่องทางนี้โดยเฉลี่ยแต่ละ EP ไม่ต่ำกว่า 2 แสนครั้ง แต่ใน EP ที่ได้รับยอดวิวในหลักล้าน (ตอนนี้เฉียด 2 ล้านแล้ว) คือ EP9 ที่ไบรท์และวิน สองนำแสดงนำมาเซอร์ไพรส์ด้วยการมานั่งรีแอคร่วมกับสองผู้ดำเนินรายการหลัก จนสร้างกระแสความฟินและเพิ่มความน่าสนใจของคอนเทนท์มากขึ้นไปอีก ใน EP11 มีการเชิญคนแต่งนิยายอย่างจิตติ มาร่วมนั่งรีแอค ส่วนใน EP12 ได้ไมค์และท็อปแท๊ป จิรกิตติ์ มารีแอคบทแมนและพี่ไทป์ที่พวกเขาแสดง ส่วน EP13 ที่ไบร์ทกลับมาร่วมรีแอคอีกครั้ง เปิดโอกาสให้ไบร์ทได้แสดงมุมมองที่เขามีต่อตัวละครสารวัตร หรือทำให้คนดูเข้าใจยิ่งขึ้นว่าทำไมสารวัตรถึงแสดงออกแบบนั้นกับไทน์ จนทำให้ไทน์ร้องไห้หนักมาก หรือจริงๆแล้วสารวัตรรักไทน์มากมายแค่ไหน เป็นต้น
ชาแนล GMM TV ไม่น้อยหน้าเช่นกันด้วยการด้วยการหยิบเอาทีมนักแสดง #คั่นกู มารวมตัวกันดูตอนจบในอารมณ์แก๊งเพื่อนตัวป่วนนั่งดูทีวีกันในห้องรับแขก แต่คลิปอาจจะสั้นไปหน่อยจนให้ความรู้สึกว่ามันเป็นงานสปอนเซอร์คลิปขายของเอาซะมากกว่า
อันที่จริงแล้วรายการประเภท “รีแอค” นั้นไม่ใช่รายการแนวใหม่แต่อย่างใด เนื่องจากในยุคที่ DVD เฟื่องฟูนั้น จะมีสเปเชียลฟิเจอร์ (Special Future) อย่าง DVD Commentary ซึ่งจะนำบรรดาทีมงานเบื้องหลัง อาทิ ผู้กำกับ คนเขียนบท หรือ นักแสดงมานั่งดูหนังพร้อมกับแสดงความคิดเห็น โดยในยุคแรกๆนั้นอาจจะมีแค่ Audio Commentary ที่ผู้ชมจะสามารถเลือกเปิดเสียงดังกล่าวไปพร้อมๆกับการชมภาพยนตร์ ก่อนในยุคถัดมาจึงเริ่มพัฒนากลายเป็น VDO Commentary ที่มีการเก็บบันทึกภาพและอารมณ์ร่วมของทีมงานระหว่างชมภาพยนตร์ที่พวกเขาแสดงอีกครั้ง ซึ่งส่วนมากบรรดาหนังที่มีฟิเจอร์เหล่านี้ มักจะเป็นหนังที่ได้รับความนิยมนั่นเอง
สำหรับรายการประเภทรีแอคนั้นมีความหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการรีแอคละครดัง ภาพยนตร์ดัง มิวสิควิดีโอ เรียกได้ว่า อะไรก็ตามที่เป็นกระแสก็สามารถหยิบจับมาทำคอนเทนท์ได้หมดเช่นกัน
แม้ คั่นกู จะจบไปแล้ว แต่ถ้าคุณจะดูซ้ำลองหารายการประเภท “รีแอค” แล้วดูซ้ำกันอีกสักครั้ง อาจจะทำให้เพิ่มมุมมองที่หลากหลายให้กับตัวเองก็ได้นะครับ