กลับมาแน่! Justice League ฉบับ Snyder Cut ดราม่าอันแสนยาวนานของมหากาพย์หนังฮีโร่ดีซี
ย้อนกลับไปในปี 2017 Justice League เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ซึ่งในช่วงเวลาที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายนั้น สารพัดดราม่าเกี่ยวกับตัวหนังก็แพร่สะพัดบนโลกออนไลน์อย่างไม่จบสิ้น ประเด็นสำคัญที่สุดคือเรื่อง ตัวหนังถูกลดทอนความยาวให้เหลือแค่เพียง 119 นาทีเท่านั้น
Justice League สั้นจนคนดู “งง”
ความยาวของ Justice League นั้นถือได้ว่าสั้นกว่า Batman V Superman: Dawn of Justice ราว 30 นาที ซึ่งเมื่อนับความยาวแล้วถือได้ว่าเป็นในหนังที่สั้นที่สุดในจักรวาลดีซี จนเกิดคำถามว่า “มันควรจะสั้นขนาดนี้หรือเปล่า ทั้งที่เป็นหนังรวมตัวละครเด่นจากจักรวาลตัวเองแท้ๆ” แต่ทั้งหมดนี้ เกิดจากความตั้งใจของผู้บริหารของค่ายวอร์เนอร์ บราเธอร์ส เควิน สึจิฮาระ ส่วนจอส วีดอน ที่รับหน้าที่เป็นผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์ ถูกเรียกตัวมาเป็นคนตัดต่อภาพยนตร์ในเวอร์ชั่นที่ทุกคนได้ชมกันในโรงภาพยนตร์นั่นแหละครับ อันที่จริงตัววีดอนเอง คืออีกหนึ่งผู้กำกับที่รับหน้าที่ในการมาถ่ายทำฉากเพิ่มเติมในเรื่องหลังจากที่ตัวผู้กำกับแซค สไนเดอร์ปิดกล้องไปแล้ว
สำหรับหนังในเวอร์ชั่นแรก ของผู้กำกับแซค สไนเดอร์ เขายังนั่งแท่นเป็นผู้ตัดต่อภาพยนตร์ด้วยตัวเอง แต่หลังจากที่ได้ฉายให้บรรดาผู้บริหารสตูดิโอชมแล้ว กลับถูกให้มีการถ่ายทำซ่อมและใส่ฉากเพิ่มเติมเข้าไปในหนัง ทว่าระหว่างนั้นเองก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อลูกสาวของแซคเกิดเสียชีวิตและทำให้เขาต้องกลับไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัว หน้าที่ในการควบคุมดูแล Justice League จึงตกมาเป็นของวีดอนกลางทาง
ปริมาณฉากที่ถ่ายทำเพิ่ม และสไตล์ที่แตกต่างกันระหว่างแซคและจอส ทำให้ต้องมีการตัดต่อเพื่อหลอมรวมเอกลักษณ์ของแต่ละฝ่ายให้ลงตัว จนสุดท้ายงบประมาณของหนังเรื่องนี้แทบจะปลายไปถึง 300 ล้านเหรียญฯ เลยทีเดียว
เมื่อหนังเข้าฉายกลายเป็นว่า Justice League ได้รับเสียงวิจารณ์ปานกลางค่อนไปทางลบ มิหนำซ้ำรายได้ในอเมริกาเหนือ เรียกได้ว่ายังต่ำกว่าที่ประเมินเอาไว้อย่างมาก โชคยังดีที่หนังยังไปได้สวยในตลาดต่างประเทศทำให้เมื่อสิ้นสุดการฉาย หนังสามารถทำรายได้ทั่วโลกอยู่ที่ 657 ล้านเหรียญฯ แต่สตูดิโออย่างวอร์เนอร์ คาดหวังว่ามันจะทำรายได้มากกว่านี้
สงครามน้ำลาย แฟนคลับไม่ชอบ คนเกี่ยวข้องออกมารุม
นี่อาจจะเป็นหนังฮีโร่ที่ผู้ชมและนักวิจารณ์เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า หนังมันสนุกน้อยกว่าที่ควรจะเป็น องค์ประกอบโดยรวมย่ำแย่ การลำดับเรื่องค่อนข้างสับสน ก่อนที่ภายหลัง เจ็ตต์ เอลิน ลูกชายของแซค สไนเดอร์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นของตัวเองผ่านสื่อออนไลน์ว่า “สาเหตุประการสำคัญที่ทำให้ Justice League ออกมาเละเทะ เป็นเพราะการเข้ามายุ่มย่ามของผู้บริหารในสตูดิโอ ที่อยากจะเปลี่ยนโน่นนี่นั่นจนไม่เป็นไปตามวิสัยทัศน์เริ่มต้นของตัวแซค สไนเดอร์เอง” อย่างไรก็ตามความเห็นตรงนี้ได้นำไปสู่จุดเริ่มต้นด้วยการที่บรรดาแฟนหนังพากันร่วมลงชื่อใน CHANGE.ORG เพื่อให้วอร์เนอร์ส ฉายหนัง Justice League นำเวอร์ชั่นของแซค ชไนเดอร์ออกมาฉาย แต่กว่าหลายปีที่ผ่านมา มันไม่สามารถเป็นรูปเป็นร่างได้ ก็เพราะสตูดิโอจะต้องใช้งบประมาณในขั้นตอน Post Production อาทิ การตัดต่อ เทคนิคพิเศษ ทำดนตรีประกอบ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆอย่างแน่นอน
3 ปีผ่านไปกับฝันของแฟนๆที่เป็นจริง
แม้ว่าไม่กี่วันที่ผ่านมาจะมีการลือให้ทั่วว่า Justice League ในเวอร์ชั่น Snyder Cut จะมีโอกาสได้กลับมาฉายใหม่ทางช่องสตรีมมิ่งอย่าง HBO Max ของวอร์เนอร์มีเดียที่จะเปิดทำการปลายพฤศจิกายนนี้ ตอนนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่า มีการฉายอย่างแน่นอนทางช่องสตรีมมิ่งดังกล่าว แต่จะเป็นช่วงปี 2021ซึ่งคนที่ออกมายืนยันข่าวนี้คือตัวแซค สไนเดอร์เอง
ทางด้านโรเบิร์ต กรีนแบลตต์ ประธานของวอร์เนอร์ มีเดีย เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ได้ยืนยันเช่นกันว่าก่อนหน้านี้เขาได้รับการร้องขอจากแฟนหนังเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงการเห็นแฮชแท็ก #ReleaseTheSnyderCut ที่แฟนๆเรียกร้องมาผ่านทางอีเมลและอินบอกซ์ทางโซเชียลมีเดีย อย่างไรก็ตามการกลับมาในเวอร์ชั่นนี้คือการร่วมมือกันของทีม HBO Max และวอร์เนอร์ บราเธอร์ส พิคเจอร์
สำหรับ Justice League เวอร์ชั่น Snyder Cut จะมีความยาวประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งยังไม่มีการฟันธงออกมาว่าจะฉายเป็นเวอร์ชั่นหนังยาว หรือจะแบ่งออกเป็นตอนๆ เป็นแบบซีรีส์ ซึ่งตอนนี้แซคเองต้องระดมทีมงานชุดเดิมที่เกี่ยวข้อง อาทิมือตัดต่อ คนทำซีจี และคนทำดนตรีประกอบ รวมไปถึงอาจจะใช้ทีมนักแสดงกลับมาให้เสียงเพิ่มบทสนทนาเพิ่มเติมด้วยนั่นเอง ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการทำงานตรงนี้อยู่ที่ประมาณ 20-30 ล้านเหรียญฯ
ตัวแซคยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า “สำหรับสิ่งที่ผู้ชมจะได้ชมนั้นนี่คือเรื่องราวใหม่ ประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จนถึงทุกวันนี้ผมยังเคยดูหนังฉบับของจอช วีดอนเลย และเมื่อฟังคำบอกเล่าจากผู้ชมแล้ว ผมบอกได้เลยว่าหนังที่คุณได้ดูนั้น ผลงานที่เป็นงานของผมเป็นแค่ 1 ใน 4 ของหนังทั้งหมด”
ไม่เพียงเท่านั้นทางด้านเฟเบียน วากเนอร์ผู้กำกับกับภาพยังเคยเปิดเผยออกมาว่า “ขณะที่ผมนั่งดูหนังในเวอร์ชั่นที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ผมเศร้ามากที่เห็นงานของตัวเองถูกเปลี่ยน ถูกตัดออกจนอยากจะบอกว่านี่ไม่ใช่งานของผมเลย แต่เป็นงานของใครก็ไม่รู้”
เอาเป็นว่ายิ่งเราได้อ่านบทสัมภาษณ์เหล่านี้แล้ว ยิ่งทำให้เราอยากดู Justice League เวอร์ชั่น Snyder Cut เร็วๆ ว่าตกลงแล้วเวอร์ชั่นไหนกันแน่ที่ดีกว่ากันและกำลังนำพาจักรวาลดีซีไปในทิศทางไหนในอนาคต