7 ความเสียหายของทรัพย์สินในกองถ่าย ที่มีมูลค่าสูงที่สุด!
หนึ่งในเสน่ห์ของหนังฮอลลีวู้ดทุนสูงคือเราได้เห็นฉากแอ็คชั่นวินาศสันตะโรที่ไม่มีทางจะได้เห็นในชีวิตจริง นอกจากจะได้เห็นภาพเหล่านี้บนจอหนังอันเกิดจากวิสัยทัศน์บ้าระห่ำของผู้สร้างฮอลลีวู้ดเท่านั้นที่จะสร้างภาพตึกรามบ้านช่องพังทลาย รถหรูราคาแพงระยับเอามาวิ่งชนกัน ฉากสาดกระสุนเข้าใส่อาคารบ้านเรือน หรือบ้านสวย ๆ ต้องถูกไฟไหม้วอดวายไปกับตา เหตุการณ์เหล่านี้ที่เราได้เห็นผ่านตากันไป แน่นอนล่ะว่าต้องเกิดมาจากการวางแผนที่รัดกุมโดยทีมงานมืออาชีพมากประสบการณ์ แต่ต้องบอกก่อนว่า บางทีภาพที่เราเห็นก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเสมอไป บางฉากบางตอนผู้สร้างก็ใช้อุปกรณ์จริงที่มีราคาแพงลิบลิ่วมาประกอบฉาก แล้วก็ต้องเสียหายไปโดยบังเอิญ
ตำแหน่งหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือ เจ้าหน้าที่จัดหาอุปกรณ์ประกอบฉาก (assistant prop master)ที่ต้องเอาหน้าเอาชื่อไปยืม ไปเช่าอุปกรณ์เหล่านี้มาเข้าฉาก ในกรณีที่ไม่สามารถหาซื้อหรือทำเลียนแบบขึ้นมาได้ ซึ่งพอเข้าใจความรู้สึกได้เลยเวลาที่เห็นของแพง ๆ เหล่านี้ที่อยู่ในความรับผิดชอบของพวกเขา ต้องยับเยินเสียหายไปต่อหน้าต่อตา หรือไม่ก็เกิดสูญหายระหว่างที่อยู่ในกองถ่าย เป็นตำแหน่งหน้าที่ที่เครียดอย่างมากตำแหน่งหนึ่งในกองถ่าย และความเสียหายเหล่านี้ย่อมส่งผลถึงต้นทุนของหนังที่เพิ่มขึ้นโดยปริยาย บวกกับความล่าช้าในการจัดหาทรัพย์สินเหล่านั้นมาชดเชย ถ้าฉากที่ทรัพย์สินเหล่านั้นเสียหายแล้วเป็นภาพที่ใช้งานได้จริงก็ถือว่ายังเป็นเรื่องดี และนี่คือ 7 ฉากจากหนังที่ได้ทำลายทรัพย์สินราคาแพงด้วยความบังเอิญหรือผิดพลาดในระหว่างถ่ายทำ
1.ภาพยนตร์ : The Hateful Eight
ทรัพย์สินที่เสียหาย : กีตาร์มาร์ตินอายุ 145 ปี
มูลค่า : ประเมินค่ามิได้
สาเหตุ : ทีมงานลืมสลับเอากีตาร์ปลอมเข้ามาแทนในฉากนี้
ในฉากนี้ จอห์น รูธ บทของ เคิร์ต รัสเซล กระชากกีตาร์มาร์ตินมาจากมือของ เดซี เดอร์มากิว บทของ เจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ แล้วฟาดเข้ากับเสาจนแหลกเละเทะไม่มีชิ้นดี
ในฉากนี้เราจะเห็น เดซี ร้องอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ “โว้ โว้ โว้”
ที่เห็นเธอร้องนั้นไม่ใช่การแสดง แต่เป็นอาการตกใจจริง ๆ เมื่อเห็น เคิร์ต รัสเซล ทำลายกีตาร์โบราณ ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1870s ลงไปต่อหน้าต่อตา
“เคิร์ตเค้ารู้สึกแย่มากจริง ๆ ค่ะ เค้าไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย แต่พอเค้ารู้ว่าที่เค้าฟาดไปเป็นกีตาร์เก่าตัวจริง น้ำตาเค้าก็คลอเบ้าเลย”
เจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ เล่าเหตุการณ์ในกองถ่าย
ตัวเจนนิเฟอร์เองก็ใจหายด้วยเหมือนกัน เพราะเธอเพิ่งหัดเล่นกีตาร์กับกีตาร์ตัวนั้นเอง แล้วเธอยังได้รับอนุญาตจากกองถ่ายให้เอากีตาร์ตัวนี้กลับบ้านไปฝึกซ้อมได้ด้วย เธอประทับใจกีตาร์ตัวนี้มาก ถีงกับไปถามเจ้าหน้าที่ว่ากีตาร์ตัวนี้มันกี่บาทกัน เธออยากจะซื้อไว้เองหลังจากหนังปิดกล้องแล้ว ซึ่งตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าทีมงานยืมกีตาร์ตัวนี้มาจากพิพิธภัณฑ์
ที่ไม่น่ารักเลยคือกองถ่ายรวมหัวกันปกปิดเรื่องนี้ไม่บอกพิพิธภัณฑ์ เพียงแค่เปรย ๆ ไปว่ากีตาร์มันเสียหายนิดหน่อย แต่ไม่ได้เล่ารายละเอียด ดิค โบค ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ก็เข้าใจไปเองว่าน่าจะเกิดจากความผิดพลาดในกองถ่าย แล้วยังใจดีเสนอจะให้ยืมกีตาร์ตัวอื่นไปทดแทนอีกด้วย ทีมงานก็ปิดปากเงียบ แล้วยังไม่มีการทำเรื่องคืนกีตาร์ยาวไปจนหนังถ่ายทำเสร็จ ซึ่งมีการสัมภาษณ์นักแสดงในระหว่างเดินสายโปรโมตหนัง แล้วมีการเล่าถึงเหตุการณ์นี้ ทำให้ ดิค โบค ได้รู้ความจริงว่ากีตาร์มาร์ตินที่ให้ยืมไปนั้นกลายเป็นเศษกีตาร์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปเรียบร้อยแล้ว ทำเอาดิค โบค หัวเสียมาก
“ในบทภาพยนตร์น่ะ มันมีเขียนบอกไว้ชัดเจนแล้วว่ากีตาร์จะต้องถูกฟาดจนแหละ แต่ยังไม่มีใครไปบอกกับนักแสดง เรื่องนี้ผมเองก็เพิ่งรู้เลย พวกเราน่ะไม่ได้รู้อะไรในบทภาพยนตร์ด้วยเลย แล้ว มีใครได้บอกเคิร์ต รัสเซล ด้วยมั้ยว่ากีตาร์ตัวนั้นน่ะ มันประเมินราคาไม่ได้เลย มันเป็นของที่เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้แล้ว”
“จากนี้ไปพิพิธภัณฑ์จะไม่ให้กองถ่ายไหนมายืมของอีกแล้วไม่ว่ากรณีใด ๆ”
ดิค โบค กล่าวอย่างมีอารมณ์
ไงล่ะ ทำเสียเรื่องเดียว เน่าไปทั้งวงการเลย น่าเสียดายว่าข่าวนี้ไม่มีข้อสรุปว่าสุดท้าย กองถ่าย The Hateful Eight ชดให้พิพิธภัณฑ์ไปอย่างไร
2.ทีวีซีรีส์ : Battlestar Galactica ซีซันที่ 3
ทรัพย์สินที่เสียหาย : โมเดลจำลองเรือใบ
มูลค่า : 200,000 เหรียญ
สาเหตุ : นักแสดงไม่รู้ว่าเป็นของจริง
ทีวีซีรีส์สุดฮิตในปี 2004 ที่ลากยาวมาได้ 4 ซีซัน ได้นักแสดงเจ้าฝีมือ เอ็ดเวิร์ด เจมส์ ออลโมส มารับบทนำเป็น นายพลวิลเลียม อดามา ในซีซันที่ 3 ตอนที่ชื่อว่า “Maelstrom”นั้น นายพลวิลเลียม ผู้มีงานอดิเรกที่ชื่นชอบคือ สร้างโมเดลเรือใบจำลอง แต่ในฉากนั้นนายพลวิลเลียมอยู่ในภาวะหัวเสียอย่างหนัก ด้วยความเป็นนักแแสดงเจ้าบทบาทเขาก็เลยคิดท่าทางการระบายอารมณ์ขึ้นมาเอง ด้วยการขยำขยี้โมเดลเรือจำลองนั้น ด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นเรือจำลองอันปลอมที่มักนำมาเข้าฉากเป็นประจำ
จะว่าไปมันก็เป็นความผิดพลาดในการสื่อสารระหว่างทีมงานกับนักแสดงนั่นแหละ จริงอย่างที่เอ็ดเวิร์ดเข้าใจผิด เพราะหลาย ๆ ฉากที่ผ่านมานั้น ทีมงานมักจะเอาเรือจำลองราคาถูกมาเข้าฉาก แต่ในฉากนี้กล้องจะจับภาพโคลสอัปของเรือจำลองขณะที่นายพลวิลเลียมกำลังบรรจงแต้มสีสันลงไปบนเรือจำลอง เมื่อเป็นภาพระยะใกล้ จึงจำเป็นต้องเอาเรือจำลองโบราณที่ทีมงานฝ่ายฉากขอยืมมาจากพิพิธภัณฑ์ มาใช้ในฉากนี้ และทีมงานก็ไม่รู้ว่าเอ็ดเวิร์ด จะนำเสนอวิธีการระเบิดอารมณ์ด้วยการทำลายเรือจำลอง
“พวกคุณจะเอามันเข้ามาในฉากนี้ทำไมกัน? บทบาทที่ผมแสดงนั้น เพิ่งรู้ว่าลูกสาวตัวเองตาย พวกคุณคาดหวังว่าจะให้ผมแสดงยังไงเหรอ?”
เอ็ดเวิร์ด ออกอาการหัวเสียกับทีมงานเมื่อรู้ว่าเขาเพิ่งสร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาลไป
สรุปว่ากองถ่ายก็ต้องชดใช้ให้กับพิพิธภัณฑ์ไป ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ก็ประเมินมูลค่าของเรือจำลองนั้นออกมาที่ 200,000 เหรียญ ประมาณ 6.3 ล้านบาท
3.ภาพยนตร์ : Skyfall (2012)
ทรัพย์สินที่เสียหาย : ร้านค้าในตลาดเก่าแก่ 330 ปี
มูลค่า : ประเมินค่ามิได้
สาเหตุ : ความผิดพลาดของสตันท์แมน
Skyfall เป็นหนังเจมส์ บอนด์ เรื่องที่ 3 ล่ะ ที่ไปถ่ายใช้สถานที่ถ่ายทำกันในกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี แล้วเราเชื่อว่านี่จะได้เป็นหนังเจมส์ บอนด์ เรื่องสุดท้ายล่ะที่ได้ไปถ่ายทำในตุรกี หลังจากความผิดพลาดใหญ่หลวงในการถ่ายทำเรื่องนี้
ฉากที่ผิดพลาดนี้เป็นฉากไล่ล่าตอนเปิดเรื่อง เจมส์ บอนด์ ควบมอเตอร์ไซค์วิบากไล่กวด แพททริซ ที่ซิ่งมอเตอร์ไซค์อีกคันหนีอยู่ ทั้งคู่ไล่ล่ากันไปบนหลังคาบ้านในอิสตันบูล แล้วสุดท้ายแพททริซก็พุ่งมอเตอร์ไซค์ชนเข้ากับกระจกประดับอาคาร แล้วพุ่งเข้าไปในตลาดคนเดินภายในอาคารที่นาแน่นไปด้วยผู้คนและร้านค้าสองข้างทาง ตลาดนี้เป็นตลาดเก่าแก่ของอิสตันบูล รู้จักกันในชื่อว่า Grand Bazaar
ในหนังเป็นภาพที่ดูราบรื่นดี แต่เบื้องหลังคือความเสียหายครั้งใหญ่หลวง เหตุเกิดจากช่วงที่สตันท์แมนควบมอเตอร์ไซค์พุ่งผ่านกระจกเข้ามาใน แกรนด์ บาซาร์ นั้น ต้องเจอกับฝูงตัวประกอบจำนวนมาก ทำหน้าที่เป็นชาวบ้านที่มาเดินตลาด สตันท์แมนหักมอเตอร์ไซค์หลบบรรดาตัวประกอบ แล้วเสียการทรงตัว พุ่งเข้าชนร้านค้าข้างทาง แล้วดันเลือกร้านถูกเสียด้วยสิ เพราะเป็นร้านขายอัญมณีเครื่องประดับ กระจกร้านนี้เป็นกระจกคริสตัลตกแต่งโบราณมีอายุเก่าแก่พอ ๆ กับร้านที่ 330 ปี
มันเหมือนกับว่าที่ทุ่มเทฝึกซ้อมมาอย่างยาวนานนั้นกลับไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย เมื่อถึงตอนถ่ายทำจริง คนที่รับผิดชอบในงานนี้คือ เมนเดเรส ดีเมอร์ ผู้จัดการกองถ่าย ที่เล่าให้ฟังว่าเขาต้องเตรียมความพร้อมในการถ่ายทำฉากไล่ล่านี้ขนาดไหน
“ก่อนถ่ายทำจริง พวกเราต้องไปขอร้องบรรดาร้านค้าที่มีมากมายถึง 1,650 ร้าน ทั่วทั้ง แกรนด์ บาซาร์ และ ตลาดเครื่องเทศที่อยู่ในละแวกนั้น”
เจ้าหน้าที่กองถ่ายยังต้องวุ่นวายเรื่องงานเอกสารอีกมาก ต้องทำจดหมายขออนุญาตกระทรวงวัฒนธรรมของอิสตันบูล ติดต่อขออนุญาตจากคณะกรรมาธิการขนส่งจังหวัด, กรมตำรวจอิสตันบูล แล้วขั้นตอนท้ายสุดก็คือการซักซ้อมอย่างหนักเพื่อมั่นใจว่าจะไม่เกิดการผิดพลาด
แต่สุดท้ายมันก็เกิดไปแล้วจริง ๆ เจ้าของร้านที่เสียหายถึงขั้นหัวเสียมาก เธอบอกว่าค่าซ่อมแซมนี่มันแพงมาก เพราะมันเป็นงานฝีมือที่ยาก แล้วยังทำให้ร้านต้องเสียรายได้ไประหว่างปิดซ่อมอีกด้วย
“พื้นที่ตลาดแกรนด์ บาซาร์ นี้ อยู่ในพื้นที่ควบคุมของ สภาการโบราณสถาน พวกเราจะเปลี่ยนหน้าต่างเองยังไม่ได้เลย ต้องขออนุญาตเขาทุกขั้นตอนไม่ว่าจะทำอะไร”
แต่จุดที่แย่ที่สุด ที่เจ้าของร้านบ่นว่าผิดหวังมากคือความรับผิดชอบจากกองถ่าย Skyfall
“ไม่มีใครจากกองถ่ายมาถามฉันเลยว่า ค่าเสียหายนี้มันเท่าไหร่ สุดท้ายเราก็ต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ”
อ้าว อ้าว อ้าว ไหงเกเรกันงั้นล่ะครับ Skyfall ใช้ทุนสร้างไป 200 ล้านเหรียญ แต่ทำรายได้ทั่วโลกไปถึง 1,108 ล้านเหรียญเลยเชียวนะ
4.ภาพยนตร์ : The Master (2012)
ทรัพย์สินที่เสียหาย : โถส้วมยุคโบราณ
มูลค่า : ไม่มีการแจ้ง
สาเหตุ : วาคีน ฟินิกซ์ อิมโพรไวซ์ระหว่างแสดง
เป็นอีกเรื่องที่อารมณ์ของนักแสดงพาไปจริง ๆ อย่างที่เรารู้จักกันอยู่แล้วว่า วาคีน ฟินิกซ์ คือนักแสดงที่ทุ่มเทในการแสดงจริง ๆ ไม่ว่าจะให้เขารับบทบาทเป็นอะไร เขาจะจมลึกไปกับบทบาทนั้นสุด ๆ โดยบางครั้งก็ไม่ได้คำนึงถึงสวัสดิภาพของตัวเองเลย อย่างในหนัง Joker เขาก็จริงจังกับบทจนทำให้กระดูกหัวเข่าเคลื่อนไปแล้ว
ในหนัง The Master นั้น วาคีน ฟินิกซ์ รับบทเป็น เฟรดดี้ เควลล์ เขาถูกจับเข้าคุกในห้องที่ติดกันกับ แลนคาสเตอร์ ด็อดด์ ที่รับบทโดย ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟฟ์แมน อีกหนึ่งนักแสดงระดับออสการ์ ในฉากนี้ เฟรดดี้ อยู่ในอารมณ์เดือดดาลถึงขีดสุด เขาถูกใส่กุญแจมือไขว้หลัง เป็นอีกฉากที่วาคีนแสดงท่าทางตามอารมณ์ตัวเองในขณะนั้นที่สื่อถึงความเดือดดาลสุดขีด เขาเอาหัวโหม่งเตียง 2 ชั้นซ้ำ ๆ จนกระดอนไปมา เดินมาเตะประตูห้องขัง แล้วหันกลับไปกระทืบโถส้วม กระทืบทีแรก โถร้าว เขากระทืบซ้ำอีกที รอบนี้มันแตกเป็นเสี่ยง ๆ
วาคีนบอกว่าเขาทำการบ้านมาก่อนที่จะแสดงฉากนี้ ด้วยการดูสารคดีชีวิตสัตว์ เพื่อมาใช้เป็นแรงบันดาลใจ เขาจำอากัปกิริยาของสัตว์เวลาที่โดนจับใส่กรง พวกมันมักจะแสดงท่าทางตามธรรมชาติที่สุดท้ายมักจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บ
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำลายข้าวของเลยนะ ตามบทภาพยนตร์ก็ไม่ได้บอกไว้แบบนั้นด้วยซ้ำ ผมไม่คิดว่ามันจะแตกได้ง่าย ๆ แบบนั้น”
วาคีน ฟินิกซ์ กล่าวหลังทราบถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น
“น่าเสียดายนะ ที่โถส้วมนั้นมันเป็นเครื่องเคลือบโบราณ มันเป็นสุขภัณฑ์ระดับประวัติศาสตร์ เราทำมันออกมาได้แค่ครั้งเดียว”
ผู้กำกับ พอล โธมัส แอนเดอร์สัน กล่าวถึงความผิดพลาดนี้
5.ภาพยนตร์ : The Dark Knight (2008)
ทรัพย์สินที่เสียหาย : กล้อง IMAX
มูลค่า : 500,000 เหรียญ
สาเหตุ : ความผิดพลาดในกองถ่าย
นอกเหนือจากการแสดงที่่น่าจดจำของ ฮีธ เล็ดเจอร์ ในบทบาท Joker แล้ว ก็มีฉากไล่ล่าอันน่าดุเดือดนี้ล่ะ ที่สมควจะพูดถึงจากหนัง The Dark Knight ปี 2008 ในฉากนี้ โจ๊กเกอร์ ยกลูกน้องก๊วนใหญ่มาในรถบรรทุกที่ขับไล่กวดกับรถของหน่วย S.W.A.T. ที่คุมตัว ฮาร์วีย์ เดนต์ ไว้ภายใน โจ๊กเกอร์เปิดฉากถล่มเหล่าตำรวจ และหน่วย S.W.A.T.ด้วยอาวุธหนักอย่างสนุกสนาน ก่อนที่แบตแมนจะเข้ามาผสมโรงในภายหลัง ฉากนี้ลากยาวหลายนาทีและเดินหน้าไปอย่างน่าตื่นเต้นชวนติดตาม ด้วยมุมกล้องที่ตัดภาพไปมาระหว่างฝั่งโจ๊กเกอร์ และฝั่งตำรวจ แต่ผู้ชมก็หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังความสนุกสนานของฉากนี้ถึงกับต้องแลกมาด้วยกล้องราคามูลค่ามหาศาล
เรื่องอุบัติเหตุในระหว่างถ่ายทำแล้วกล้องถ่ายทำภาพยนตร์ต้องเสียหายนั้น เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ แต่สำหรับกล้อง IMAX นั่นมันอีกระดับหนึ่งแล้ว เพราะว่าราคากล้อง IMAX นั้นมันราคาถึง 500,000 เหรียญ ไม่มีกองถ่ายทำเรื่องไหนบ้าพอที่จะลงทุนซื้อกล้อง IMAX ไปถ่ายทำเอง ซึ่งทาง IMAX ก็เปิดโอกาสให้กองถ่ายสามารถเช่ากล้องไปใช้ถ่ายหนังได้
ไม่ได้มีการอธิบายลงลึกว่าการชนกันในวินาทีไหน ที่เป็นเหตุให้กล้อง IMAX โดนชนกระแทกจนเสียหาย แต่ความผิดพลาดครั้งนี้ก็ทำให้กองถ่ายมีต้นทุนเพิ่มมาอีก 500,000 เหรียญ ก็พอให้ได้เครียดกันอยู่หรอก มูลค่าของกล้องที่สุดแพงน่ะเป็นปัญหาของกองถ่ายที่ต้องชดใช้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเดียว เพราะในวันนั้นกล้อง IMAX นอกจากแพงแล้วยังเป็นของหายากอีกด้วย เพราะทางบริษัท IMAX ก็ผลิตออกมาแค่ 4 ตัวเท่านั้น แล้วคริสโตเฟอร์ โนแลน ก็ทำเจ๊งไปแล้ว 1 ตัว สุดท้ายก็ต้องไปยืมมาอีกตัวล่ะ เพื่อถ่ายทำให้จบ
6.ภาพยนตร์ : The Dark Knight Rises (2012)
ทรัพย์สินที่เสียหาย : กล้อง IMAX อีกหนึ่งตัว
มูลค่า : 500,000 เหรียญ
สาเหตุ : Catwoman ขับแบตพอดพุ่งชนกล้อง
ตัวเดียวมันน้อยไป คริสโตเฟอร์ โนแลน สร้างสถิติด้วยการกล้อง IMAX พังตัวที่ 2 ในหนังของเขา ระหว่างถ่ายทำ The Dark Knight Rises หนังปี 2012
ในฉากนี้เป็นฉากเหตุโกลาหลที่เกิดขึ้นหน้าศาลาว่าการเมืองก็อตแธม ผู้คนกำลังทะเลาะวิวาทกันบนขั้นบันไดหน้าศาลาว่าการ ทันใดนั้น Catwoman ก็ขี่ แบตพอด พาหนะคู่ใจออกมาจากอาคาร ขี่ลงลงขั้นบันไดมุ่งหน้าเข้าหากล้อง แล้วสุดท้ายก็พุ่งเข้าชนกล้อง IMAX ตรง ๆ เลย
งานนี้เราได้เห็นกันจะ ๆ ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะมีผู้บันทึกวิดีโอไว้ด้วยกล้องโทรศัพท์มือถือ จะเห็นได้ว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้เลย เพราะสตันท์หญิงที่เล่นเป็น Catwoman ก็ไม่ได้ขี่แบตพอดลงมาด้วยความเร็วเลย แต่เธอก็ไม่ได้คาดว่าสุดท้ายแล้วรถมันจะพุ่งเข้าชนกับกล้อง IMAX เข้าตรง ๆ แบบนี้จนกล้องหลุดออกจากมือช่างถ่ายภาพยนร์ลงไปหมุนอยู่บนพื้นแบบนั้น 500,000 เหรียญ หายวับไปกับตา อุบัติเหตุนี้ทำให้กล้อง IMAX ที่เหลืออยู่อีกแค่ 2 ตัว มีมูลค่าสูงขึ้นไปอีกเป็น 2 เท่า
วีรกรรมของหนังของเสด็จพ่อกับกล้อง IMAX ยังไม่จบ ไม่รู้แกผูกพันอะไรนักหนากับกล้อง IMAX มาถึง Dunkirk หนังปี 2017 คริสโตเฟอร์ โนแลน ก็ยังไปยืมกล้อง IMAX มาใช้อีก เอ้า!กล้ายืม IMAX ก็กล้าให้สิ แล้วก็ยังเอาไปใช้กับฉากเสี่ยงทำกล้องเค้าพังอีกด้วยนะ รอบนี้คริสโตเฟอร์ เอากล้อง IMAX ขึ้นไปกับเครื่องบิน ที่ต้องพุ่งลงทะเล ด้วยความมั่นใจว่าพอกล้องตกน้ำแล้วกล้องจะลอยได้นานพอที่ทีมงานจะไปเก็บกล้องมาได้ทัน แต่พอถ่ายทำจริง กล้องจมแว้บหายไปกับตา กว่าประดาน้ำจะไปงมกลับมาได้ ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง แต่รอบนี้โชคดีหน่อยครับ ทีมงานกู้กล้องกลับมาใช้งานได้ปกติ แถมภาพที่บันทึกไว้ก็อยู่ครบ โอ้ว!! ทนจริง แปลว่ากล้อง IMAX นี่ทนน้ำ แต่ไม่ทนกระแทก
การที่กู้สภาพกล้อง IMAX ตัวนี้กลับมาใช้งานได้ ทำให้สถิติการทำลายกล้อง IMAX ของคริสโตเฟอร์ โนแลน ยังคงอยู่ที่ 2 ตัว
7.ภาพยนตร์ : The Sacrifice (1986)
ทรัพย์สินที่เสียหาย : บ้านทั้งหลัง
มูลค่า : ไม่ได้เอ่ยถึง
สาเหตุ : กล้องถ่ายภาพยนตร์เสีย
ผลงานคลาสสิกของผู้กำกับ อังเดร ทาร์คอฟสกี ที่คว้ารางวัล FIPRESCI Prize จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ในปี 1986 และอีกหลาย ๆ รางวัลจากหลากหลายเวที ได้เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม และเป็นหนังที่มีเหตุการณ์ระหว่างถ่ายทำที่น่าจดจำ ด้วยสาเหตุผิดพลาดถึงขั้นต้องสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ทั้งหลัง
The camera jammed while shooting a burning house on set of Tarkovsky’s “The Sacrifice” from cinematography
ในฉากไคลแมกซ์ของหนัง ตัวเอกของเรื่อง อเล็กซานเดอร์ จะเผาบ้านของเขาเอง ซึ่งเป็นบ้านที่ทีมงานสร้างขึ้นมาเพื่อเผาทิ้งในฉากสำคัญนี้อยู่แล้ว เรื่องเผาบ้านน่ะไม่ใช่ความผิดพลาดหรอก แต่ความผิดพลาดคือกล้องถ่ายทำภาพยนตร์ ที่ทีมงานมั่นใจถึงกับใช้กล้องแค่ตัวเดียวบันทึกฉากสำคัญนี้ แล้วกล้องดันเกิด เจ๊ง ขึ้นมาในนาทีสำคัญนั้น บ้านก็ไหม้ไปเรื่อย ๆ ทีมงานก็ได้แต่ยืนดู จนเมื่อ อังเดร ทาร์คอฟสกี ได้รู้ถึงปัญหาเขาถึงกับยกมือขึ้นปิดหน้า
“ทำไมพวกคุณถึงไม่บอกผม สิ่งสุดท้ายที่ผมคาดหวังก็คือทีมงานกล้องจะทำให้ทุกอย่างมันเจ๊งแบบนี้”
สุดท้ายบ้านทั้งหลังก็มอดไหม้ไปโดยไร้ประโยชน์
การแก้ปัญหาครั้งนี้ก็คือสร้างบ้านขึ้นมาใหม่อย่างเร่งด่วนภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์ รอบนี้ไม่ยอมให้ผิดพลาดซ้ำสองแล้ว ตั้งกล้องถ่าย 2 ตัวไปพร้อมกันเลย เพื่อให้คุ้มค่ากับการรอคอย ฉากนี้ใส่ไว้ในหนังยาวถึง 6 นาทีกันเลย พอการถ่ายทำฉากนี้จบ ทีมงานถึงกับน้ำตาแตกกันด้วยความปลาบปลื้มใจ