10 ภาพยนตร์กีฬาที่ทำรายได้มากที่สุดตลอดกาล
ท่ามกลางประเภทของภาพยนตร์ที่มีอยู่มากมาย “ภาพยนตร์กีฬา” คือหนึ่งในประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อาจเพราะด้วยมนต์เสน่ห์ของภาพยนตร์ประเภทนี้ที่มักจะบอกเล่าเรื่องราวของการแข่งขัน มิตรภาพ การต่อสู้ ออกมาได้อย่างลึกซึ้งและตื่นเต้นเร้าใจ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ภาพยนตร์ประเภทนี้จะสามารถกวาดรายได้ทั่วโลกอย่างถล่มทลาย
และนี่คือ 10 ภาพยนตร์กีฬาที่ทำรายได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ Main Stand หยิบยกมาพูดถึง
*หมายเหตุ ภาพยนตร์ที่จะอยู่ในลิสต์นี้ต้องเป็นภาพยนตร์ที่โครงหลักของเรื่องเกี่ยวข้องกับกีฬาหรือการแข่งขันกีฬาจริงๆ ดังนั้นภาพยนตร์ตระกูล Fast and Furious, XXX, หรือ Forrest Gump ที่ทำรายได้มากกว่าหรือเทียบเท่าภาพยนตร์ในลิสต์นี้จึงไม่ถูกนับมาจัดอันดับ เพราะถึงแม้จะมีฉากการแข่งขันกีฬาอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งเพื่อให้ภาพยนตร์สมบูรณ์เท่านั้น ไม่ใช่แก่นหลักของเรื่องแต่อย่างใด
10. SPACE JAM
ปีที่เข้าฉาย : 1996
รายได้ : 230,418,342 ดอลลาร์สหรัฐฯ
www.bustle.com
นี่คือภาพยนตร์กีฬาขนานแท้ก็ว่าได้ เนื่องจากนำแสดงโดยสุดยอดนักกีฬาบาสเกตบอลระดับตำนาน ไมเคิล จอร์แดน แถมยังเล่าเกี่ยวกับชีวิตการเติบโตสู่เส้นทางนักบาสเกตบอลของเขาเองอีกด้วย อย่างไรก็ตามความไม่ธรรมดาของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการที่มีโลกแห่งลูนีย์ทูนส์ และบรรดาตัวการ์ตูนต่างๆ นำโดย บักส์ บันนี่ มาเกี่ยวข้องด้วย
เมื่อ ไมเคิล จอร์แดน ได้เข้าสู่โลกแห่งลูนีย์ทูนส์เพื่อร่วมแข่งขันบาสเกตบอลกับเอเลี่ยนแคระ และช่วยเหล่าตัวการ์ตูนลูนีย์ทูนส์ที่จะต้องกลายเป็นนักโทษถ้าแพ้การแข่งขัน ... นี่แหละคือเรื่องราวใน Space Jam
ถึงแม้จะได้รับกระแสวิจารณ์ที่ไม่ดีนัก แต่ด้วยความโด่งดังของตัว ไมเคิล จอร์แดน บวกกับความสนุกสนานบ้าบอที่โดนใจเด็กๆ ก็ทำให้ Space Jam สามารถกวาดรายได้ไปถึง 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากทุนสร้าง 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และนี่คือภาพยนตร์บาสเกตบอลที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล
9. PLANES
ปีที่เข้าฉาย : 2013
รายได้ : 230,418,342 ดอลลาร์สหรัฐฯ
www.1zoom.me
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากค่าย Walt Disney Pictures ที่ว่าด้วยเรื่องราวการผจญภัยเพื่อเป็นเจ้าความเร็วในเวหาอันดับหนึ่งของโลกของ ดัสตี้ (พากย์โดย เดน คุ้ก) เครื่องบินเล็กที่ถึงแม้เขาจะไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อแข่งขัน แต่นั่นก็ไม่อาจจะหยุดความฝันของเขาได้
สำหรับในหมวดหมู่ของภาพยนตร์แอนิเมชั่น Planes เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องที่โด่งดังหรือเป็นที่จดจำเท่าไรนัก แต่ด้วยทุนสร้าง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสามารถทำเงินได้ 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก็เพียงพอแล้วที่จะพาให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้ามาติดในอันดับที่ 9 ในหมดภาพยนตร์กีฬา
8. JERRY MAGUIRE
ปีที่เข้าฉาย : 1996
รายได้ : 273,552,592 ดอลลาร์สหรัฐฯ
www.spotern.com
บางคนอาจจะจำ Jerry Maguire ได้ในฐานะของภาพยตร์รักหวานซึ้งกินใจสุดคลาสสิค บางคนอาจจะจำได้ในฐานะของหนึ่งในภาพยนตร์แจ้งเกิด ทอม ครูซ จนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ชื่อก้องโลกในปัจจุบัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Jerry Maguire ภาพยนตร์กีฬาสุดเข้มข้นอีกเรื่องหนึ่ง ถึงแม้ว่าตลอดทั้งเรื่องจะมีฉากแข่งขันกีฬาน้อยมากก็ตาม
เมื่อ เจอร์รี แมคไกวร์ เอเยนต์ฝีมือดีของบริษัทบริหารจัดการนักกีฬายักษ์ใหญ่โดนไล่ออกจากงานอย่างไม่เป็นธรรม เขาจึงออกมาเปิดบริษัทเอเยนต์นักกีฬาเล็กๆ ของตัวเอง โดยมีลูกค้าเพียงคนเดียวคือ ร็อด ทิดเวลล์ ปีกนอกฝีมือดีของทีมอเมริกันฟุตบอล แอริโซนา คาร์ดินัลส์ ก่อนที่ เจอร์รี จะต้องดิ้นรนต่อสู้ ไม่เพียงแต่ต้องทำให้ ร็อด ได้รับสัญญาใหม่ที่จะช่วยให้ตัวเขาและครอบครัวอยู่ได้เท่านั้น ยังรวมถึงการสร้างชื่อให้ตัวเองกลายเป็นเอเยนต์นักกีฬาฝีมือดีให้ได้อีกด้วย
ภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยประโยคอมตะ ไม่ว่าจะเป็น “Show me the money!”, “You had me at hello”, “You complete me” เรื่องนี้กวาดเงินไปกว่า 273 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากทุนสร้างเพียง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
7. TURBO
ปีที่เข้าฉาย : 2013
รายได้ : 282,570,682 ดอลลาร์สหรัฐฯ
you2play.com
อีกหนึ่งภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ได้เข้ามาอยู่ในลิสต์นี้คือเรื่อง Turbo ผลงานจากค่าย DreamWorks Animation ที่ว่าได้เรื่องราวของ เทอร์โบ หอยทากที่มีความคิดแหกขนบหอยทากตัวอื่น โดยเขาอยากสลัดภาพลักษณ์ที่เชื่องช้าของตัวเองและกลายเป็นสุดยอดหอยทากจ้าวความเร็วเพื่อลงแข่งใน อินดี้ 500 ศึกประชันความเร็วที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
เช่นเดียวกับ Planes ที่ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จเปรี้ยงปร้างเหมือนแอนิเมชั่นชื่อดังที่ทุกคนคุ้นชื่อ แต่ด้วยรายได้ 282 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากทุนสร้าง 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ Turbo เข้ามาอยู่ในลิสต์นี้
6. REAL STEEL
ปีที่เข้าฉาย : 2011
รายได้ : 299,268,508 ดอลลาร์สหรัฐฯ
Top Ten Everything
อีกหนึ่งภาพยนตร์ชกมวยที่ดุเด็ดเผ็ดมันที่สุด เพียงแต่มันไม่ใช่การแข่งขันชกมวยของคนปกติ แต่เป็นการแข่งขันชกมวยของหุ่นยนต์!
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ชาร์ลี เคนตัน นักมวยตกอับเพราะถูกแย่งงานไปโดยหุ่นยนต์ ทำให้เขาต้องกลายมาเป็นโปรโมเตอร์มวยหุ่นยนต์ โดยมี แมกซ์ ลูกชายคอยติดสอยห้อยตามไปด้วย จนกระทั่งวันหนึ่งสองพ่อลูกได้ซ่อมแซมหุ่นยนต์ธรรมดาๆ ตัวหนึ่งให้กลับมามีชีวิต พร้อมหมายมั่นปั้นมือว่าจะทำให้เจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้กลายเป็นหุ่นยนต์ต่อยมวยยอดฝีมือให้ได้
แม้เนื้อเรื่องอาจจะฟังดูคลีเช่ หรือเห็นมาบ่อยมากๆ (ถึงส่วนใหญ่จะเป็นการชกกันของคนจริงๆ ก็ตาม) แต่ด้วยระดับดีกรีความสนุก ตลอดจนความเข้มข้นของเนื้อเรื่อง ก็ช่วยให้ Real Steel กวาดรายได้ทั่วโลกไป 299 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากทุนสร้าง 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
5. ROCKY III, ROCKY IV
ปีที่เข้าฉาย : 1982 (Rocky III) 1985 (Rocky IV)
รายได้ : 270,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (Rocky III), 300,473,716 ดอลลาร์สหรัฐฯ (Rocky IV)
www.theguardian.com
เมื่อพูดถึงภาพยนตร์ชกมวย เชื่อว่าภาพยนตร์ตระกูล Rocky น่าจะเป็นหนึ่งในรายชื่อแรกๆ ที่ผุดเข้ามาในสมองของทุกคน และก็มีภาพยนตร์ Rocky ถึง 2 ภาคด้วยกันที่ประสบความสำเร็จเรื่องรายได้จนเข้ามาอยู่ในลิสต์นี้ จึงขอรวมทั้ง 2 เรื่องไว้ในอันดับเดียวเลยก็แล้วกัน
เนื่องจากเป็นภาพยนตร์ลำดับภาคที่ 3 และ 4 ดังนั้นเนื้อเรื่องจึงเล่าถึงตอนที่ ร็อคกี้ บัลบัว กลายเป็นนักมวยระดับแชมป์โลกที่ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ชีวิตเขาก็ยังต้องพบเจออุปสรรคอีกมากมาย รวมถึงคู่ต่อสู้สุดแกร่งอย่าง อีวาน ดราโก นักมวยจากสหภาพโซเวียตที่สูงถึง 6 ฟุต 4 นิ้ว และหนักกว่า 260 ปอนด์ ในบรรยากาศแห่งยุคสงครามเย็น
นอกจากภาพยนตร์ตระกูล Rambo แล้ว ก็มี Rocky นี่แหละที่เป็นผลงานสร้างชื่อให้ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน กลายเป็นสุดยอดนักแสดงระดับตำนาน
4. THE BLIND SIDE
ปีที่เข้าฉาย : 2009
รายได้ : 309,208,309 ดอลลาร์สหรัฐฯ
collider.com
ความโดดเด่นของ The Blind Side อาจจะค่อนข้างแตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ในลิสต์นี้ เนื่องจากหลักใหญ่ใจความของภาพยนตร์เรื่องนี้คือสายสัมพันธ์รักอันลึกซึ้งในครอบครัว
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ไมเคิล ออร์ เด็กชายผิวดำร่างใหญ่ที่มีปูมหลังครอบครัวสุดรันทด ทำให้เขาไม่ได้รับโอกาสเช่นเด็กคนอื่นๆ อย่างไรก็ตามเขากลับมีพรสวรรค์ในกีฬาอเมริกันฟุตบอลอย่างหาตัวจับได้ยาก และได้พบกับ ลี แอน ทูฮี นักธุรกิจสาวประจำเมือง และหลังจากนั้นโชคชะตาของ ไมเคิล ก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล จากความช่วยเหลือของเธอคนนี้ ... นี่คือเรื่องราวที่อิงจากชีวิตจริงของนักอเมริกันฟุตบอลดีกรีแชมป์ ซูเปอร์โบวล์ อีกด้วย
The Blind Side คือหนึ่งในภาพยนตร์ที่ลึกซึ้งเรียกน้ำตาที่สุดในปี 2009 จึงทำให้มันประสบความสำเร็จด้านรายได้อย่างงดงาม โดยกวาดไปถึง 309 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากทุนสร้างเพียง 29 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นเดียวกับในแง่ของคำวิจารณ์ เพราะ The Blind Side นี่แหละคือภาพยนตร์ที่ส่งให้นักแสดงสาว แซนดร้า บูลล็อค ขึ้นเวทีไปรับรางวัลออสการ์ตัวแรกในชีวิต ในสาขานักแสดงนำหญิง
3. DANGAL
ปีที่เข้าฉาย : 2016
รายได้ : 340,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
www.bbc.com
ถึงแม้จะเป็นภาพยนตร์จาก บอลลีวูด สัญชาติอินเดียเพียงหนึ่งเดียวในลิสต์นี้ แต่ด้วยคะแนนวิจารณ์ใน IMDb ที่สูงถึง 8.4/10 อีกทั้งยังนำแสดงโดย อาเมียร์ ข่าน นักแสดงซูเปอร์สตาร์ชาวอินเดีย จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไรที่ภาพยนตร์เรื่อง Dangal จะกวาดรายได้สูงถึง 340 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากทุนสร้างเพียง 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Dangal อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริง ว่าด้วยเรื่องราวของ มหาวีร์ ซิงห์ โพกัต ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอดีตนักมวยปล้ำชื่อดัง แต่ด้วยปัจจัยและอุปสรรคมากมายที่ถาโถมเข้ามา ทำให้ปัจจุบันเขาต้องกลายมาเป็นพนักงานบริษัทธรรมดา เลิกล้มความฝันในเส้นทางมวยปล้ำไปหมดสิ้นแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบว่าลูกสาว 2 คนของเขามีพรสวรรค์ในการต่อสู้ จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ความฝันที่เคยดับมอดไปแล้วลุกโชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่ในฐานะนักกีฬา แต่เป็นฐานะของผู้ปลุกปั้นให้ลูกสาวทั้งกลายเป็นสุดยอดนักมวยปล้ำหญิงให้จงได้ ... และตำนาน พี่น้องโพกัต แห่งวงการมวยปล้ำหญิงก็ได้เริ่มต้นขึ้นนับจากนั้น
ถ้าใครเคยดู 3 Idiots, PK, หรือ Sanju มาก่อนจะรู้ซึ้งดีเลยว่าถ้าภาพยนตร์อินเดียเรื่องไหนโด่งดังออกนอกประเทศได้ ภาพยนตร์เรื่องนั้นย่อมไม่ธรรมดา และ Dangal คือภาพยนตร์อินเดียอีกหนึ่งเรื่องที่รอให้คุณพิสูจน์ความยอดเยี่ยมของมันด้วยตัวเอง
2. THE KARATE KID
ปีที่เข้าฉาย : 2010
รายได้ : 359,126,022 ดอลลาร์สหรัฐฯ
www.elimparcial.es
ถึงแม้ The Karate Kid ที่ขึ้นหิ้งคลาสสิคและอยู่ในความทรงจำของผู้คนส่วนใหญ่จะเป็น The Karate Kid ในเวอร์ชั่นดั้งเดิมปี 1985 แต่ในแง่การประสบความสำเร็จด้านรายได้ The Karate Kid เวอร์ชั่นปี 2010 ที่นำแสดงโดยดารามหาชนขวัญใจชาวเอเชียอย่าง เฉินหลง หรือ แจ็คกี้ ชาน และ เจเดน สมิธ ลูกชายของซูเปอร์สตาร์ วิล สมิธ กลับทำได้ดีกว่าอยู่หลายช่วงตัว เพราะด้วยทุนสร้างเพียง 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ The Karate Kid เวอร์ชั่นนี้กลับกวาดรายได้อย่างถล่มทลายไปกว่า 359 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
The Karate Kid ว่าด้วยเรื่องราวของ เดร พาร์กเกอร์ เด็กหนุ่มจากดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา ที่ต้องย้ายถิ่นฐานสู่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ด้วยภาระการงานของครอบครัว และที่ปักกิ่งนี่เอง เดร ปาร์กเกอร์ ได้พาตัวเองไปข้องเกี่ยวกับแก๊งอันธพาล ก่อนที่จะได้พบกับ ลุงฮัน ที่ได้เข้ามาช่วยเหลือ ก่อนจะอาสาฝึกวิชาการต่อสู้ให้กับเดร เพื่อให้เดรนำไปจัดการกับเหล่าอันธพาลในงานแข่งขันประลองยุทธที่กำลังจะจัดขึ้น
1. CARS SERIES
ปีที่เข้าฉาย : 2006 (Cars), 2011 (Cars 2), 2017 (Cars 3)
รายได้ : 462,216,280 ดอลลาร์สหรัฐฯ (Cars), 562,110,557 ดอลลาร์สหรัฐฯ (Cars 2), 383,930,656 ดอลลาร์สหรัฐฯ (Cars 3)
www.hometownsource.com
ขออนุญาตมัดรวมทั้ง 3 เรื่องไปในอันดับเดียวเลยก็แล้วกัน เนื่องจากภาพยนตร์แอนิเมชั่นทั้ง 3 ภาคจากค่าย Pixar Animation Studios นั้นครอง 3 อันดับแรกในหมวดภาพยนตร์กีฬาที่ทำเงินสูงที่สุดตลอดกาลแบบเรียงกันมาเลย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผลงานของค่ายนี้ ที่ไม่ว่าจะปล่อยภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องอะไรมา ส่วนใหญ่ก็มักจะกลายเป็นภาพยนตร์ทำเงินโกยกำไรเป็นเวลาเล่น
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นตระกูล Cars ว่าด้วยเรื่องราวการผจญภัยของ ไลท์นิ่ง แม็คควีน เจ้ารถแข่งสีแดงแรงฤทธิ์ กับเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ในการช่วงชิงความเป็นสุดยอดแห่งโลกความเร็ว และด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ ทำให้ถึงแม้จะเป็นแอนิเมชั่น แต่ Cars ก็สามารถครองใจผู้ชมได้ทุกกลุ่ม จนทำให้ทั้ง 3 ภาคสามารถกวาดเงินรวมกันได้สูงเกือบ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว จากทุนสร้างรวมเพียง 495 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ