[รีวิว] BABA YAGA จ้างผีมาเลี้ยงเด็ก-โปรดระวังหนังผีรัสเซีย
เรียกได้ว่าแม้จะมีหนังมาฉายบ้านเราไม่บ่อยเท่าไหร่ แต่พอเห็นหน้าหนังแล้วก็น่าสนใจทุกครั้งสำหรับหนังจากประเทศที่คนไทยมักจะเติมสร้อยว่า “โหดสัส” อย่างประเทศรัสเซีย เอาแค่ที่เพิ่งมาฉายบ้านเราอย่าง Guardians (2017) เมื่อไม่กี่ปีก่อนก็ทำเอาคนหลงตีตั๋วไปดูด้วยกระแสซูเปอร์ฮีโร่แต่คำวิจารณ์กลับไม่ดีนัก แล้วก็ยากเหลือเกินที่เราจะได้มีโอกาสดูหนังดี ๆ ในระดับไข่ปลาคาเวียร์ราคาแพงเหมือนหนังยุคโซเวียตที่กลายเป็นตำนานภาพยนตร์อย่าง Battleship Potemkin (1925) ที่มักมีประเด็นการเมืองมาตีคู่การนำเสนอที่รุนแรงและเร้าอารมณ์
สำหรับ Baba Yaga ด้วยหน้าหนังแล้วมันก็มุ่งขายความน่ากลัวที่ไปเอาตำนานปีศาจจับเด็กอย่าง YAGA ที่มันต้องการจับเด็กไปสูบกินวิญญาณและต้องการหาเด็กพิเศษ (หมายถึงเด็กที่มีบารมีนะครับ ไม่ได้หมายถึงเด็กออร์ทิสติกแต่อย่างใด ขอดักคอไว้ก่อน) มาพามันกลับไปสู่โลกคนเป็นอีกครั้ง โดยมี “นกต่อ” ที่จะส่งไปเพื่อเป็นเอเยนต์สำหรับหาเด็กมาให้มันบริโภคต่อไป
และด้วยความที่ปีศาจที่มันเอามามีเรื่องราวที่น่าสนใจและมีความน่าสะพรึงกลัวในตัวอยู่แล้ว โดยเฉพาะลักษณะการหาเด็กแบบ ดาวไลน์ เอ้ย แบบมีสมุนเป็นนกต่อก็เอื้อให้เกิดความลึกลับและคนดูจะต้องเอาใจช่วย ไอ้หนุ่ม อีกอร์ (โอเล็ก ชูกูนอฟ) หนุ่มน้อยญานทิพย์ที่ดันเห็นอะไรแปลก ๆ ในบ้านที่อาจมาคุกคามน้องสาวตัวน้อย หลัง แทตทียานา (สเวตลานา อุตสติโนวา) พี่เลี้ยงสุดเอ็กซ์ ก้าวเข้ามาในบ้าน หรือจะเป็น ดาชา (กลาฟีรา โกลูบีวา) สาวน้อยสุดฮอตที่ที่อีกอร์แอบหมายปองแต่ดันไปทับไลน์กับ แอนทอน (อาร์ตยอม จีกูลิน)แบดบอยหนุ่มกำพร้าที่ต้องไปอาศัยอยู่กับป้าที่ไม่เต็มใจเลี้ยงเขานัก ให้รอดพ้นจากปีศาจ
ยอมรับเลยว่าช่วงองก์แรกไปถึงองก์สองถูกปูมาดีมากโดยเฉพาะที่มาที่ไปของ อีกอร์ ที่เปิดเรื่องมาด้วยฝันร้ายที่เขาได้เจอแม่ที่จากไปแล้วก็ช่วยให้เราเข้าใจสภาพจิตใจของวัยรุ่นเลือดร้อนที่มีปมในอดีต ยิ่งต้องมาใช้ชีวิตกับพ่อที่พยายามลืมแม่แล้วสร้างครอบครัวใหม่กับ แม่คนใหม่ที่เพิ่งให้กำเนิดน้องสาวตัวน้อยก็ยิ่งให้เหตุผลกับเควสต์ที่ อีกอร์ จะต้องปกป้องและช่วยน้องสาวจากปีศาจร้ายให้ได้ แล้วช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดของหนังก็คือในช่วงแรกที่อีกอร์เจอปีศาจแต่ไม่มีใครเชื่อเขาผ่านทางกล้องวงจรปิดที่ให้ความน่ากลัวและลึกลับตามรอยหนังชุด Paranormal Activities ได้เลย
โดยความน่าสนใจอีกอย่างนอกจากความน่ากลัวของงานภาพแล้ว บทหนังที่ สเวียโตสลาฟ ปอดกาเยฟสกี ผู้กำกับและร่วมเขียนบทต้องการสื่อเกี่ยวกับสภาพสังคมรัสเซียก็น่าสนใจ โดยเฉพาะการจับเอาปีศาจที่มุ่งร้ายกับเด็ก คู่ขนานไปกับสภาพครอบครัวของตัวละครนำทั้งสามที่มุ่งให้เห็นปัญหาสังคมอย่างการมีลูกโดยไม่พร้อมก็น่าสนใจเพราะนอกจากเรื่องครอบครัวอีกอร์แล้วยังมีประเด็น แม่ที่ไม่ต้องการให้ ดาชา ไว้ใจผู้ชาย หรือ แอนทอน ที่ถูกปฏิบัติเสมือนภาระของป้า ก็เอื้อให้หนังสร้างทั้งความสะพรึงกลัวและให้แง่คิดที่น่าสนใจไม่น้อย
ส่วนข้อเสียของหนังก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต เพียงแต่หากใครรับกับจุดหักมุมของหนังไม่ได้ก็อาจจะเกลียดไปเลย โดยหากจะบอกแบบไม่สปอยล์มากนัก มันมีกลิ่นอายของ Stranger Things และ หนัง IT ภาคแรกที่เอาเยาวชนมาต่อกรกับปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งหากรับกับจุดนี้ได้เราก็จะได้เพลิดเพลินไปกับความตื่นเต้นที่หนังขยันประเคนให้ตั้งแต่ต้นเรื่องไปจนจบได้เป็นอย่างดี แม้ความน่ากลัวจะด้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของหนังก็ตาม