รีวิว Feel the Beat ตกอับยังไงให้ กลับมาคัมแบค!

รีวิว Feel the Beat ตกอับยังไงให้ กลับมาคัมแบค!

รีวิว Feel the Beat ตกอับยังไงให้ กลับมาคัมแบค!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สตรีมมิ่งหนังเต้นเรื่องใหม่จาก Netflix ว่าด้วยนักแสดงละครเวทีผู้แสนทะเยอทะยาน ที่จับพลัดจับผลูต้องกลายมาเป็นครูสอนเต้นเด็กๆให้คว้าชัยชนะจากเวทีประกวดแข่งเต้นระดับชาติ เธอจะทำได้ไหม สามารถตามไปลุ้นกันได้กับ Feel the Beat

เอพริล (โซเฟีย คาร์สัน) วัยรุ่นสาวแสนทะเยอทะยานผู้มีความฝันจะเป็นนักแสดงนำในละครบรอดเวย์ ระหว่างที่เธอกำลังจะเดินทางไปออดิชั่นบทนำ ท่ามกลางพายุฝน ศึกในการช่วงชิงรถแท็กซี่กับมนุษย์ป้าหน้ามึน ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่าเธอคือรูธ ซิมเมอร์ (พาเมล่า แมคโดนัลด์) เจ้าของโปรดักชั่นละครที่เธอไปแคสติ้ง แน่นอนว่าการ “ตุ้บ” ครั้งนี้ทำให้เธอเสียความมั่นใจอยู่ไม่น้อย ประกอบกับเงินเก็บที่ร่อยเหรอทำให้เอพริลไม่เหลือเงินกระทั่งจะเอามาจ่ายค่าเช่าห้อง

เอพริลต้องขอความช่วยเหลือจากพ่อให้มารับเธอเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดอย่าง นิวโฮป ชุมชนเล็กๆที่เธอจากมา ณ เมืองนั้นเอพริลได้แวะกลับไปยังสตูดิโอสอนเต้นรำ และได้มีโอกาสพบกับบาร์บ (ดอนน่า ลินเน่ แชมปลิ้นท์) ครูสอนเต้นคนเก่าของเธอ ที่อยากจะให้เอพริลมาลองเปิดเวิร์คช็อปสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ

แม้แอพริลจะไม่ได้สนใจใยดีอะไรกับการสอนนัก เพราะเป้าหมายเดียวในชีวิตของเธอคือการไปเป็นดาราบนเวที นิสัยทะเยอทะยานและมองไม่เห็นหัวใครจึงอาจจะกล่าวได้ว่าเอพริลเป็นพวกเชิดไม่สนใจโลก แต่ดูเหมือนว่าบางทีโอกาสจะไปเป็นดาวโดดเด่นคืนฟอร์มอีกครั้งคือการพาเหล่าเด็กๆที่โรงเรียนสอนเต้นเข้าร่วมแข่งขัน การประกวดเต้นเยาวชนอายุไม่เกิน 8 ปี โดยในรอบไฟนอลครูผู้สอนจะได้รับโอกาสในการร่วมทำโชว์กับเด็กๆด้วย และกรรมการผู้ตัดสินรางวัล หนึ่งในนั้นคือเจ้าของโรงละครบรอดเวย์อย่าง วิลลี่ หว่อง (เร็กซ์ ลี)  

การปลุกปั้นให้เด็กๆที่ไม่เคยถูกกดดันให้ฝึกซ้อมอย่างหนักไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งกับคนทำงานเนี๊ยบแบบตัวเอพริลเอง การสอนเด็กๆด้วยความกดดัน ดุด่า จึงไม่ใช่ทางออกทีดีนัก เด็กๆหลายคนที่ทำรับความเหน็ดเหนื่อยไม่ไหว เริ่มตั้งคำถามถึงความดุดันของเอพริล ระหว่างที่เธอปลีกตัวมาเข้าห้องน้ำ เอพริลจึงได้ยินคำสอนจากครูบาร์บที่ว่า จริงๆแล้วการสอนเด็กๆนั้นคือการทำให้พวกเข้า “เห็นภาพ” และค่อยๆทำความเข้าใจกับสิ่งที่พวกเข้าจะต้องพัฒนาต่อไปต่างหาก

การกลายเป็น “ครู” แบบจำเป็นของเอพริลจึงเปิดโอกาสให้เธอได้ลดทิฐิของตัวเองลง พยายามเรียนรู้ความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองและคนอื่นมากยิ่งขึ้น เริ่มมองโลกในมุมของผู้ใหญ่ที่ไม่ได้วิ่งตามแต่ความฝันเพียงอย่างเดียว แต่พยายามเรียนรู้มุมมองใหม่ๆ ทำความเข้าใจเพื่อนมนุษย์และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้อย่างชาญฉลาด ไม่วู่วามและขาดการยั้งคิดแบบตอนต้นเรื่องนั่นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook