มวยถูกคู่! Justin Bieber VS One Direction อัลบั้มใหม่ใครจะอยู่ใครจะไป | Sanook Music

มวยถูกคู่! Justin Bieber VS One Direction อัลบั้มใหม่ใครจะอยู่ใครจะไป

มวยถูกคู่! Justin Bieber VS One Direction อัลบั้มใหม่ใครจะอยู่ใครจะไป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่รู้ว่าวางแผนกันมาก่อนหรือเปล่า แต่ไอดอลวัยทีนตัวท็อปฝั่งอเมริกา Justin Bieber กับบอยแบนด์แห่งชาติฝั่งอังกฤษ One Direction ตัดสินใจเข็นอัลบั้มใหม่ออกมาพร้อมกันเป๊ะในวันนี้ (13 พ.ย. 58) ใครจะอยู่ ใครจะไป ใครจะได้ครองอัลบั้มชาร์ตในคราวนี้ #belieber กับ #directioner คงต้องสู้กันหน่อยแล้วล่ะ

Justin Bieber – Purpose (Album) อัลบั้มที่ 4 เปิดตัวให้ฟังให้ดูเอ็มวีกันอย่างจุใจไปแล้วถึง 3 เพลง “Where Are U Now?” ที่ได้ Skrillex และ Diplo มาช่วยโปรดิวซ์ให้ แถมยังได้ฝีมือเจ้าพ่ออีดีเอ็ม Jack Ü มาช่วยเติมสีสันความแซ่บให้กับเพลงนี้ ผลคือโด่งดังเป็นพลุแตก ขึ้นถึงอันดับ 8 ใน Billboard Hot 100 Chart และเป็นครั้งแรกที่ผลงานของ Skrillex และ Diplo ไต่อันดับขึ้นอยู่ใน top 10 เรียกได้ว่างานนี้รวมกันเราสตรองจริงๆ ฝั่ง UK Chart ก็สามารถขึ้นไปถึงอันดับที่ 3 เลยทีเดียว นี่แค่เพลงแรกนะ

คลิกเพื่อชม Justin Bieber - Where Are U Now?


What Do You Mean?” ซิงเกิลที่ 2 ดังหนักกว่าเดิมอี๊กกก นอกจากเอ็มวีจะดังเปรี้ยง เพลงก็ติดหูง่ายแล้ว เนื้อเพลงก็โดนใจวัยรุ่น จากอาการปากอย่างใจอย่างของผู้หญิง แล้วที่สำคัญทำการตลาดดีมาก เพราะได้ศิลปินหลายคนช่วยโหมโปรโมตผ่าน social media ไม่ว่าจะเป็น Ariana Grande, Ed Sheeran, Meghan Trainor, Fifth Harmony, Hilary Duff ไปจนถึง Mariah Carey และข้ามฝั่งไปเกาหลีอย่าง G-Dragon เลยเชียวนะ แถมเพลงนี้หนุ่มจัสตินยังลงมือโปรดิวซ์เองอีกด้วย

คลิกเพื่อชม Justin Bieber - What Do You Mean?





“Sorry” แรงตามติดมาอย่างไม่ทันตั้งตัว และได้รับวิจารณ์ไปในทางที่ดีเสียด้วย ยังคงเป็นแนว tropical house เหมือนซิงเกิลที่แล้ว ด้วยแนวเพลงที่โตขึ้น น้ำเสียงที่โตขึ้น แทบจะทำให้เราลืมไปเลยว่าเขาคนนี้เคยร้องเพลงน่ารักจิ้มลิ้มอย่าง “Baby มาแล้ว


คลิกเพื่อชม Justin Bieber - Sorry




“I’ll Show You” ว่าเพลงที่แล้วมาแบบเงียบๆ แล้ว เพลงนี้เงียบกว่า จู่ๆ ก็ปล่อยออกมาให้แฟนคลับตกใจเล่น คราวนี้มาจังหวะช้าแบบโยกเบาๆ สวยๆ แต่ก็เหมาะกับบรรยากาศในเล้าจน์สลัว กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เจ๋งๆ สักแก้วเหมือนกัน


คลิกเพื่อชม Justin Bieber - I'll Show You




ใครที่ชอบแนว House, EDM นิดๆ ฟังสบาย ส่ายเอวได้นิดหน่อย ถือว่าเป็นอัลบั้มที่น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน (อย่าให้ชื่อของหนุ่มคนนี้ ทำให้คุณเบือนหน้าหนีทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลองฟังเพลงเขาซะล่ะ)
_______________________________________





One Direction – Made in the A.M. (Album) อัลบั้มที่ 5 ของ 4 หนุ่ม (ที่เคย 5) บอยแบนด์จากเกาะอังกฤษ เป็นอัลบั้มแรกที่ไม่มีหนุ่ม Zayn Malik และอัลบั้มสุดท้าย (แต่ยังไม่ท้ายสุด) ก่อนที่จะพักงานไปยาวๆ ในปี 2016 เพราะฉะนั้นในแง่ของแฟนคลับแล้ว เป็นอัลบั้มที่ต้องสนับสนุนให้เต็มที่ เพราะคงอีกนานกว่าจะได้ฟังผลงานใหม่ๆ ของพวกเขาอีก


“Drag Me Down” ถึงชื่อเพลงจะดูไม่ค่อยมงคลเท่าไร แต่เนื้อเพลงคือ Nobody can drag me down!” ต่างหาก ครั้งแรกที่ฟังถึงแม้จะเป็นแนวป็อบเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือจังหวะที่ถ้านำไปมิกซ์ในซาวนด์เอฟเฟ็คนิดหน่อย ก็กลายเป็น dubstep ได้เลยกระแสแรงจนครองอันดับ 1 ไปหลายชาร์ต ทั้ง UK, Ireland, New Zealand, Australia และอีกเพียบ ใน US เองก็ไต่ไปได้ถึงอันดับที่ 3 เลยเชียว จริงๆ จะว่าไปก็เปิดตัวแรงกว่าหนุ่ม JB อีกนะ


คลิกเพื่อชม One Direction - Drag Me Down



“Perfect” แม้จะไปไม่ถึงดวงดาว จอดอยู่ในอันดับที่ 2 บน UK Chart และได้อันดับที่ 10 ใน US Billboard Chart แต่ก็เป็นเพลงที่ 2 ที่ติด top 10 ของ Billboard จนได้ ทำลายสถิติซิงเกิลที่ติด top 10 Billboard 2 ซิงเกิลรวด (ในอัลบั้มเดียวกัน) ที่ The Beatles เคยทำเอาไว้ด้วยนะ แสดงเห็นว่าฐานแฟนคลับของ One Direction ในอเมริกามีไม่น้อยแน่นอน

คลิกเพื่อชม One Direction - Perfect


“Infinity” เพลงป็อบช้าสไตล์บริทิชที่ปล่อยเป็น digital promotional single ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา แนวถนัดของหนุ่มๆ แบบนี้ จึงได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนๆ เหมือนเดิม มีร้องคัฟเวอร์ตามมากมาย


โดยรวมก็คงจะเป็นอัลบั้มมี่เต็มไปด้วยเพลงป็อบชั้นดี ภาคดนตรีเข้มขึ้น โตขึ้น มีกลิ่นอายบริทป็อบบางๆ ที่พอจะทำให้เพลงของหนุ่มๆ มีซาวนด์แตกต่างจากวงบอยแบนด์อเมริกันทั่วไป ฟังได้ทุกเพศทุกวัย
_______________________________________



ที่เหมือนกันทั้งสองศิลปิน คือนอกจากจะมาสายป๊อปไอดอลด้วยกันทั้งคู่แล้ว ยังมีฐานแฟนคลับหนาแน่นทั้งใน US, UK และทั่วโลก แนวเพลงไม่เหมือนกันสักทีเดียว แต่พวกเขาต่างพัฒนาความสามารถของตัวเองให้เป็นมากกว่าป๊อปไอดอล โดยลงมือแต่งเพลง โปรดิวซ์เอง ทั้งๆ ที่อายุยังไม่ถึง 25 ปีสักคน ความสำเร็จที่ได้มาไม่ได้มาเพราะโชคล้วนๆ แน่นอน


คราวนี้ก็เหลือแต่แฟนๆ และพวกเรานี่แหละค่ะ ว่าจะช่วยตัดสินอนาคตของพวกเขาอย่างไร Justin Bieber VS One Direction ใครจะอยู่ ใครจะไป เดี๋ยวได้รู้กัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook