EXCLUSIVE! สัมภาษณ์ ONE OK ROCK กับก้าวแรกของการโกอินเตอร์
หันไปบอกใครว่า “วันนี้จะไปสัมภาษณ์ ONE OK ROCK” หลายคนทำหน้าอึ้งๆ แล้วบอกกลับมาว่า “ใครอ่ะ?” แต่หากลองเสิร์ชหาข้อมูลของวงนี้ในเฟซบุ๊คแฟนเพจ เว็บบอร์ดต่างๆ และเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น ร้อยทั้งร้อยต้องเจอบทความและบทสนทนาของวงนี้ปรากฎอยู่ด้วยแน่ๆ ยิ่งเห็นว่ามีคอนเสิร์ตในประเทศแล้วบัตรขายหมดเกลี้ยงด้วยเวลาอันรวดเร็วทั้งสองครั้ง แค่นี้ก็ยืนยันได้เป็นอย่างดีถึงความนิยมของ ONE OK ROCK ในหมู่แฟนเพลงเจร็อคในไทย ที่เหล่าบรรดา “วันโอคุ” (ชื่อเรียกแฟนเพลงของ ONE OK ROCK) ต่างคลั่งไคล้ และรอคอยการมาเยือนของพวกเขาในบ้านเราไม่แพ้สาวกเคป็อบเลยเชียวล่ะ
ด้วยความที่เราเป็นสื่อสุดท้าย เราก็ทั้งสงสารตัวเอง (ที่รอมา 4 ชั่วโมงครึ่ง) และสงสารสมาชิกวงแต่ละคน ที่ลงเครื่องปุ๊บ มานี่ปั๊บ พักแปบเดียวก็สัมภาษณ์อย่างมาราธอนทันที เราเลยพูดให้กำลังใจทุกคนว่า “คนสุดท้ายแล้วนะค๊าาา” สมาชิกทุกคนส่งเสียงเฮลั่น ปรบมือดีใจว่าจะได้กินข้าวกันสักที เราเลยย้ำไปว่า “จะรีบคุยให้เสร็จไวๆ เลยนะ” แต่ทากะ นักร้องนำก็รีบยกมือห้ามไว้ “ไม่เป็นไรๆ ตามสบายเลยครับ ไม่ต้องรีบ” ด้วยภาษาอังกฤษชัดแจ๋ว ถึงแม้จะร็อคอินเตอร์ขนาดไหน แต่เรื่องมารยาท ไว้ใจชาวญี่ปุ่นได้จริงๆ สินะ
มาไทยเป็นครั้งที่ 2 แล้ว รู้สึกยังไงบ้าง?
- ตื่นเต้นครับ ตั้งหน้าตั้งตารอมาที่นี่มากๆ นี่ก็ครั้งที่ 2 แล้ว จะพยายามทำให้ดีกว่าครั้งที่แล้วครับ
จำตอนที่มาไทยครั้งที่แล้วได้ไหม?
- จำได้แน่นอนครับ ตกใจมาก ประทับใจมาก ไม่คิดว่าจะมีแฟนเพลงชาวไทยมากขนาดนี้ ครั้งนี้ไม่ตกใจแล้ว เลยอยากเล่นให้ดีกว่าครั้งที่แล้วมากๆ ครับ
มาเปิดคอนเสิร์ต 2 ครั้ง บัตรก็ขายหมดทุกรอบ รู้สึกยังไงบ้าง?
- ไม่น่าเชื่อเลยครับ รู้สึกว่า “นี่เกิดอะไรขึ้น” (หัวเราะ)
ONE OK ROCK เดินทางสายดนตรีมา 10 ปีแล้ว มีอะไรที่เปลี่ยนไป หรือยังคงเหมือนเดิมบ้าง?
- ยังคิดว่าเป็นวัยรุ่นผู้หิวโหย ที่ยังอยากทำงานให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก จนในที่สุดพวกผมก็มีโอกาสได้โกอินเตอร์อย่างจริงจัง ทำให้ผู้คนทั่วโลกได้เริ่มรู้จัก ONE OK ROCK มากขึ้น แต่สิ่งที่ยังคงเหมือนเดิมคือ พวกเราจะพยายามทำผลงานเพลงกันต่อไปเรื่อยๆ นอกจากนี้สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ พวกเรามีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศบ่อยขึ้น จนบางครั้งไม่รู้ว่ากำลังอยู่ที่ไหน (หัวเราะ) ได้เจอผู้คนมากมาย สนุกดีครับ แต่อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย คือพวกเรา 4 คนยังสนิทกันเหมือนเดิม ตั้งแต่วันแรกจนถึงทุกวันนี้ครับ
พูดถึงเรื่องโกอินเตอร์ มีอัลบั้มภาษาอังกฤษล้วนแล้ว เริ่มต้นทำอัลบั้มนี้กันยังไงบ้าง?
- พวกเราเริ่มจากแต่งทำนองเพลงก่อน แล้วค่อยแต่งเนื้อเพลงใส่ตามลงไปทีหลังครับ
แล้วเนื้อเพลงภาษาอังกฤษล่ะ?
- (สมาชิกทุกคนชี้) ทากะครับ ตอนแรกเพลงทั้งหมดเป็นภาษาญี่ปุ่นก่อน จากนั้นค่อยแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็ให้เพื่อนต่างชาติช่วยแปลบ้าง ก็ค่อยๆ ทำไปแก้ไปครับ
ชื่ออัลบั้ม “35XXXV” มีที่มาที่ไปยังไง? (อ่านยังไงด้วย)
- อ่านว่า 35 ครับ (thirty-five) ช่วงที่พวกเราอัดเพลง ทำอัลบั้มที่อเมริกา พวกเราเห็นเลข 35 บ่อยมาก เลยคิดว่าอาจจะเป็นเลขนำโชคของพวกเรา เลยนำมาตั้งเป็นชื่ออัลบั้มครับ ส่วนเลขโรมันข้างหลัง เติมให้ดูเท่เฉยๆ (หัวเราะ)
อัลบั้มนี้มีคอนเซ็ปต์ยังไงบ้าง แล้วแตกต่างจากอัลบั้มอื่นๆ ยังไง?
- เราอยากให้คนทั่วโลกได้ฟังเพลงในอัลบั้มนี้ และเราก็ได้ทีมงานจากอเมริกามาช่วยทำเพลงให้ด้วย จึงทำให้มีซาวนด์ของความเป็นอเมริกาเพิ่มขึ้น ซึ่งแตกต่างจากอัลบั้มเก่าๆ ที่ทั้งซาวนด์ และทีมงานเป็นคนญี่ปุ่นทั้งหมด
อย่างนี้ก็แปลว่าสไตล์ของดนตรีในอัลบั้มนี้ก็ไม่ใช่เจร็อคแล้ว?
- จริงๆ แล้วพวกเราไม่เคยคิดว่าสไตล์เพลงของพวกเราเป็นเจร็อคอยู่แล้วนะครับ
งั้นจริงๆ แล้วแนวดนตรีของ ONE OK ROCK เป็นสไตล์ไหน?
- สไตล์ ONE OK ROCK ครับ (ทากะยิ้ม เพื่อนๆ ในวงหัวเราะ)
ได้ยินมาว่า แฟนเพลงแอบตกใจกับสไตล์ดนตรีใหม่ในอัลบั้มนี้ มีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?
- จริงๆ แล้วก็พอจะทราบมาบ้างนะครับว่าแฟนเพลงตกใจกับสไตล์เพลงที่ไม่เหมือนก่อน พวกเราเข้าใจนะ เพราะก็เหมือนพวกเราที่บางครั้งฟังเพลงศิลปินต่างประเทศ อัลบั้มใหม่ออกมาแล้วซาวนด์เพลงเปลี่ยนไปก็ตกใจเหมือนกัน แอบเสียใจว่าทำไมไม่เหมือนเดิม แต่พวกเราก็เพิ่งรู้ตัวเมื่อเร็วๆ นี้นี่เองว่าวงดนตรีมันเป็นสิ่งมีชีวิต เพราะฉะนั้นมันก็ย่อมมีการเติบโต ก็ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตามพวกเราจะยังคงพยายามทำดนตรีในแนวที่พวกเราชอบ สนุกไปกับมัน และสิ่งสำคัญคือ “อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง” กลับกันให้ใช้การเปลี่ยนแปลงนั้นทำประโยชน์ให้กับเรา ซึ่งพวกเราก็เพิ่งรู้ตัวว่านั่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับวงของเราต่อจากนี้ครับ
มีศิลปินที่ชอบ ที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำอัลบั้มชุดนี้หรือไม่?
- ไม่มีศิลปินที่ชอบถึงขั้นเป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลงนะครับ แต่สิ่งที่พยายามทำให้ดีที่สุดคือ พยายามทำให้เพลงในอัลบั้มออกมาเพราะทุกเพลง
ถ้างั้นมีศิลปินคนไหนที่อยากร่วมงานด้วยเป็นพิเศษไหม?
- คงจะเป็น Linkin Park ครับ แล้วก็อยากทำเพลงกับ Max Martin (โปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลงชื่อดังชาวอเมริกา ที่ร่วมงานกับศิลปินระดับโลกมากมาย) แล้วก็จะเป็น Biffy Clyro (วงร็อคจากสก็อตแลนด์) อีกวงก็ Paramore ครับ แต่จริงๆ แล้วก็อยากร่วมงานกับศิลปินที่มีชื่อเสียงในขณะนั้นทุกคนครับ
สุดท้ายแล้ว มีแฟนเพลงบางคนแอบสงสัย ว่าทำไมในเอ็มวี “The Way Back” ทากะถึงเปลี่ยนสีไมโครโฟน? (จากสีแดง เป็นสีขาว โดยปกติทากะจะใช้ไมโครโฟนสีแดงตลอดจนเป็น signature)
- (เกิดเสียงถกเถียงกันเล็กน้อยในเหล่าบรรดาสต๊าฟ ทากะนึกอยู่แปบนึง แล้วร้องอ๋อดังลั่น) อ๋อออออ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเลยครับ แค่แมชสีให้เข้ากับฉากในเอ็มวีเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรสำคัญ คราวหน้าอาจจะเห็นไมโครโฟนสีม่วงก็ได้ (หัวเราะ)
หลังจากพร้อมใจกันพูด “สวัสดีครับ” เพื่อเป็นการร่ำลา และตอบกลับคำขอบคุณกับเราว่า “อาริกาโตโกไซมัส” เสียงดังฟังชัดแล้ว หนุ่มๆ ก็เดินยิ้มกริ่มออกไปหาอะไรทานเป็นมื้อเย็นในเวลาเกือบสามทุ่ม ทากะเองยังแอบเอนจอยกับการสปีคอิงลิชเล่นกับเพื่อนๆ ในวงอยู่เรื่อยๆ เราเดินกลับออกมาจากโรงแรม พร้อมประโยคหนึ่งที่ยังคงติดหัวเราอยู่ตลอดนับตั้งแต่ก้าวขาออกมาจากห้องนั้น
“อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง”
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนๆ หนึ่งจะกล้าก้าวออกมาจาก comfort zone ถึงแม้จะรู้ว่าผลลัพธ์ที่ได้ออกมาต้องมีคนวิพากษ์วิจารณ์กันบ้าง แต่พวกเขาก็เลือกที่จะยอมรับ และให้เวลาพิสูจน์ตัวพวกเขาเอง
แฟนๆ ก็ลองเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ จากพวกเขาดูบ้างก็ได้นะ ไม่แน่ว่าฟังไปฟังมา อาจจะชอบพอๆ กัน หรืออาจจะมากกว่าอัลบั้มก่อนๆ อีกก็ได้ เพราะวงดนตรีมัน "มีชีวิต" นี่นา จริงไหม?
คลิกฟัง ONE OK ROCK - 35XXXV Album
____________________
Story : Jurairat N.
อัลบั้มภาพ 16 ภาพ