ดราม่าไหม? Beyoncé ปลุกระดมชาวผิวสีลุกฮือในเอ็มวี “Formation” หรือเปล่า

หลังจากปล่อยมิวสิควิดีโอตัวล่าสุด “Formation” มาได้สักระยะ โดยเลือกที่จะปล่อยเอ็มวีลงออนไลน์ก่อนการแสดงสดในงาน Super Bowl 50 เพียงวันเดียว (อ่านเพิ่มเติม >> โชว์สุดอลังการของ Coldplay, Beyoncé, Bruno Mars ในโชว์พักครึ่ง Super Bowl 50 ที่คนทั่วโลกรอคอย) สาวสวยหุ่นเฟิร์มผิวสีน้ำผึ้งอย่าง Beyoncé ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหู เกี่ยวกับสิ่งที่เธอพยายามจะสื่อในเอ็มวีตัวนี้ ด้วยภาพ เนื้อเรื่อง และเนื้อเพลงบางท่อนที่แสดงออกให้เห็นถึงเรื่องที่สุดแสนจะเซนซิทีฟอย่าง “สีผิว” นั่นเอง

Beyoncé - Formation (Dirty)

 

แฟนเพลงหลายคนคงทราบดีถึงความเป็นไอดอลผิวสีของสาวๆ หนุ่มแท้ และหนุ่มเทียมทั่วโลก ที่เห็นขุ่นแม่ Beyoncé เป็นศิลปินผิวสีที่สวย เก่ง ฉลาด มีความสามารถ และประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก ไม่ว่าจะเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว ที่เธอเองก็มีครอบครัว มีสามี และลูกน้อยที่แสนจะน่ารักน่าเอ็นดู ดังนั้นในเพลง “Formation” (การสร้าง, ก่อร่างสร้างตัว, การพัฒนา) พูดถึงเรื่องของความ “Black pride” หรือความภูมิใจในตัวเองที่เป็นคนผิวสีค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะพูดถึงเรื่องเชื้อชาติ ทรงผมหยิกๆ รูปร่างหน้าตาแบบชาวผิวสี ดนตรีที่ฟัง ไปจนถึงขั้นเป็นผู้หญิงที่สามารถเลี้ยงดูผู้ชายได้สบายๆ มีเงิน มีอำนาจ มีชื่อเสียงมากกว่าใคร พร้อมกับปลุก self-esteem หรือความภาคภูมิใจในตัวเองออกมาเรื่อยๆ กับท่อนที่ร้องว่า “I slay! We slay!”

นอกจากในเนื้อเพลงแล้ว ในเอ็มวีก็ไม่มีการปรากฏตัวของนักแสดงผิวขาวเลยแม้แต่คนเดียว (ยกเว้นตำรวจ) ทั้งตัวประกอบ แดนเซอร์ หรือแม้แต่เด็กๆ (ที่ได้ลูกสาว Blue Ivy ร่วมแจมด้วย) ไหนจะข้อความ “Stop shooting us” ถึงตำรวจอีก (สื่อถึงตำรวจที่มักมีภาพกลั่นแกล้ง หรือจับกุมคนร้ายผิวสีที่เห็นตามสื่อต่างๆ มากมาย) ทำให้ตำรวจอเมริกันบางคนเรียกวิดีโอตัวนี้ว่า anti-cop video เลยทีเดียว

ถ้ามองในแง่ดี เพลง “Formation” เปิดตัวปุ๊บ ก็พุ่งขึ้นสู่อันดับ 1 Billboard ปั๊บ ชาวผิวสีหลายคนฟังแล้วก็อาจจะโดนใจ หรือรู้สึกภาคภูมิใจในเชื้อชาติของตัวเองบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดี นับตั้งแต่ความรู้สึกไม่เท่าเทียมกันของคนอเมริกันเรื่องการแบ่งแยกสีผิว ที่ยังมีให้เห็นกันจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าเรื่องนี้จะผ่านมานานสักกี่สิบกี่ร้อยปีแล้วก็ตาม (ยังจำกระแส #Oscarissowhite ได้ไหมล่ะ?)

แต่หากยังคงมีการปลุกระดม ปั่นหัว ปั่นกระแสให้ชาวผิวสียังคงรู้สึกว่าตัวเองดี ตัวเองเด่น หรือยังมีความแตกต่างกับชาวผิวขาวอยู่เรื่อยไปล่ะก็ แล้วเมื่อไรล่ะที่ประเทศอเมริกันจะเป็นประเทศแห่งเสรีภาพอย่างแท้จริงกันสักที เพราะหากเสรีภาพเกิดขึ้นจริง เราคงไม่ได้เห็นกระแสแอนตี้รางวัลออสการ์ หรือเพลง และมิวสิควิดีโอที่ยังคงพูดถึงความแตกต่างของสีผิวกันอยู่แบบนี้หรอก จริงไหม?

 

____________________

Story : Jurairat N.