ก็อปไม่ก๊อป? “Sorry” ของ Justin Bieber/Skrillex โดนหาว่าก็อปเพลงคนอื่น!
เพลงดังมักมากับข่าวที่ไม่ค่อยดีอย่าง “ก๊อปเพลงคนอื่น” อยู่เรื่อย ล่าสุดเป็นกรณีของหนุ่ม Justin Bieber และดีเจคู่บุญที่ปั้นเพลงให้ JB จนดังระเบิดไปทั่วโลกอย่าง Skrillex ที่ถูก White Hinterland หรือชื่อจริง Casey Dienel ศิลปินอินดี้ป็อปชาวอเมริกัน กล่าวหาว่าก็อปปี้เพลง “Ring The Bell” ผลงานตั้งแต่ปี 2014 ของเธอไปแต่งเพลง “Sorry” ของ Justin Bieber
White Hinterand กล่าวว่า เธออุทิศทั้งหยาดเหงื่อแรงกายทั้งหมด เพื่อทำเพลง “Ring The Bell” ขึ้นมา แต่ก็ต้อตกใจมาก เมื่อได้ยินท่อน riff ของเพลง “Sorry” ของ Justin Bieber ที่เหมือนเพลงของเธอเด๊ะๆ “ฉันติดต่อไปยังทีมงานของ Justin Bieber และให้โอกาสพวกเขาได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังไมค์มาสักพักแล้ว แต่ทีมงานไม่แม้แต่จะแสดงการรับรูว่าได้รับข้อความของฉัน”
“Justin Bieber เป็นศิลปินระดับโลก และฉันก็มั่นใจว่าด้วยพลังอำนาจที่พวกเขามี พวกเขาคงโจมตีกลับหาฉันสุดแรงเกิดแน่ๆ แต่ยังไงซะ ฉันก็ไม่มีทางเลือก ฉันเชื่อว่าฉันมีสิทธิ์ที่ตอสู้เพื่อผลงานดนตรรและศิลปะของฉันเอง”
คลิกเพื่อฟัง Justin Bieber – Sorry
คลิกเพื่อฟัง White Hinterland – Ring The Bell
ท่อนที่เป็นปัญหาก็คือท่อนแรกที่ได้ยินในเพลงนั้นแหละ “อู่ว อู อู อู้ว อู้ว” ที่ White Hinterand เคลมว่าเป็นเสียงของผู้หญิงซะด้วย ลิสคนแต่งเพลงที่โดนฟ้อง ยาวเป็นหางว่าว รวมถึง BloodPop หรือ Julia Michaels, Justin Tranter และ Michael Tucker เรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน รวมถึงให้หยุดการเล่นเพลงนี้ไปเลยอีกด้วย
แต่งานนี้ Skrillex หนึ่งในผู้ปลุกปั้นเพลงนี้มากับมือ ไม่ยอมอยู่เฉย เจ้าตัวออกโรงแสดงหลักฐานลงใน Twitter ว่าท่อนเจ้าปัญหาที่ว่า มาจากเสียงร้องของ Julia Michaels หนึ่งในทีมแต่งเพลง ที่ร้องเพลงนี้เวอร์ชั่น Acapella เอาไว้ ท่อนที่เธอร้องว่า “อู่ว อู อู อู้ว อู้ว” ถูกตัดออกมาจากกลางเพลง แล้ว Skrillex ก็หยิบเฉพาะท่อนนี้มาปรับเสียงให้ดูกันสดๆ ผ่านคอมพิวเตอร์ตัวเอง Justin Bieber ก็ออกโรงรีทวีตโพสของ Skrillex พร้อมใส่ hashtag #wedontsteal @Skrillex @bloodpop #sorry :)
ทางด้าน Diplo หนึ่งในศิลปินที่เคยร่วมงานกับ Justin Bieber และ Skrillex ในเพลง “Where Are Ü Now?” ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่า “ผมคิดว่าหนึ่งในทีมแต่งเพลง ใครสักคน อาจจะเป็นคนใส่ท่อนนั้นลงไปใน sample นั้น แล้วไม่ได้บอกใครหรือเปล่า? แต่พวกเขาคงหาทางเคลียร์กับเธอได้แหละ เพราะพวกเขาคงไม่อยากไปสู้กันในชั้นศาลด้วยเรื่องนี้หรอก”
แถม Diplo ยังเล่าถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับเขา ตอนที่มีบางส่วนของเพลง “All Night” ของ Beyoncé ที่เขาแต่ง ดันไปคล้ายกับท่อนหนึ่งของเพลง “SpottieOttieDopaliscious” ของ OutKast แล้วทาง OutKast ต้องการให้มีเครดิตพวกเขาในเพลงนี้ด้วย Diplo กล่าวว่า “ผมต้องแบ่งรายได้ 25% จากเพลงนี้ให้ OutKast ซึ่งวำหรับผมมันเป็นอะไรที่เซ็งมาก แต่ก็ต้องจำใจจ่ายให้อยู่ดี”
งานนี้ยังไม่รู้ว่าจะจบลงเช่นไร จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกมาขอโทษหรือไม่ เพลงทั้งสองเพลงจะยังคงเปิดให้พวกเราฟังกันได้อยู่หรือเปล่า คอยอัพเดตกันอีกทีนะคะ แต่เอาใจช่วยให้ทั้งสองฝ่ายเคลียร์กันได้โดยเร็วที่สุดค่ะ