ปนัดดา เรืองวุฒิ เปิดใจ! ถึงการเปลี่ยนแนวและการร่วมงานกับ "โบว์ แวนด้า"
การที่ศิลปินคนหนึ่งจะอยู่ในวงการมา 20 ปีนั้น จัดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเลย เพราะนอกจากจะต้องทำงานหนักแล้ว เขาเหล่านั้นจะต้องมีความสามารถและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆด้วย และวันนี้ Sanook! Music เองก็มีโอกาสได้พูดคุยกับ นัท "ปนัดดา เรืองวุฒิ" ศิลปินหญิงเสียงเพราะผู้อยู่ในวงการมาตั้งแต่ประกวดร้องเพลงในปี 2539 และผ่านการทำเพลงในยุคเทปสู่ยุคดิจิตอล ซึ่งวันนี้เธอก็มาเล่าถึงงานใหม่ กับสิ่งที่เธอต้องเจอเมื่ออยู่วงการมาหลายปี
คลิกชมคลิปการสัมภาษณ์ ได้ที่นี่
ทำไมคุณ นัท ถึงชอบร้องเพลงอกหัก หรือแนวความรักของคนมาทีหลังเป็นหลัก
จริงๆแล้วร้องทุกแนวเลย แต่ว่าเพลงที่โดนใจแฟนเพลง จะเป็นชุมชน Community ย่อยไป อย่างเพลง ผู้ชายแบบไหน ก็เป็นเรื่องราวคนที่ถูกกระทำ ส่วนมากที่ออกมาก็จะเป็นเพลงแนวอกหักทั้งนั้นเลย
เพลง รักไปเจ็บไปไม่เอา มีเนื้อหาอย่างไร
ก็ถ้าเอารวมกับเนื้อหาในมิวสิควีดีโอ ก็จะเป็นความรักที่ไม่มีสถานะ คือรอให้เขาชัดเจนไม่ได้ คือเรารอมานานแล้วให้คนที่เรารักชัดเจนก็ไม่ไหว คือเราโดนมาเยอะแล้วกับการรักตัวตนกับการไร้สถานภาพ ก็เลยเก็บเอาเศษเสี้ยวอารมณ์ที่เหลืออยู่มาสร้างสเตตัส สร้างความเข้มแข็งและออกมาอยู่คนเดียว
ทำไมคราวนี้ถึงนำเรื่องความรักเพศที่สาม มาเล่าในเอ็มวี
คือความรักที่ไม่มีสเตตัสมันมีเยอะ คือแบบคบยังไม่รู้ ไปไหนมาไหนด้วย มีการกันห่วงใยกัน และอยู่ดีๆอีกฝ่ายมีแฟนและเราก็งงหรือเบลอ เลยคิดว่าถ้าจะสื่อสารเรื่องนี้ให้ชัดเจนที่สุดก็ต้องเป็น ชายรักชาย ที่ถึงแม้จะเปิดกว้าง แต่บางคนก็ยังไม่เปิดเผยตัวเอง และไม่สามารถให้คนยอมรับ เลยยังมีการปิดบัง ก็เลยชัดเจนที่ถ้าาจะสื่อสารเรื่องชายรักชาย
แล้วเรื่องราวในเอ็มวีนี้เป็นอย่างไร
เนื้อหาก็จะพูดถึงเพื่อนผู้ชายที่รักกัน ดูแลกันแต่อีกฝ่ายต้องปิดบังตัวเอง คือไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แต่เวลาอยู่ในคนหมู่มากกลุ่มเพื่อนต้องเเกล้งทำเป็นว่าเป็นเพื่อนธรรมดาไม่มีอะไรมากกว่านั้น และน้องเต็งหนึ่งพระเอกเอ็มวีก็ตัดสินใจที่จะไม่อยู่กับสถานะแบบนี้ ถึงแม้จะมีความรักอยู่ แต่ก็ออกมาอยู่ในสถานะที่เคารพตัวเอง และลอยแพน้องอีกคนไปเลย
ทำไมถึงเลือกเต็งหนึ่งมาเป็นพระเอกเอ็มวีเพลง รักไปเจ็บไปไม่เอา
จริงๆกับน้องเต็งหนึ่งเคยทำงานอื่นมาก่อน แต่ไม่เคยร่วมงานเป็นทางการ และน้องเขาเล่นซีรี่ย์วายและกระแสดีมาก และสาวๆก็จะชอบมาก เลยมาต่อยอดหน่อยคือทำเรื่องราวแบบนี้อยู่แล้ว เลยเลือกน้องเต็งหนึ่งมา
แล้วมีอะไรจะฝากถึงแฟนเพลงที่มีสถานะเหมือนในเพลงนี้บ้าง
ก็อย่างแรกคือให้ถามตัวเองว่าไหวไหม ว่าจะต้องเสียใจแบบนี้ทะเลาะแบบนี้ เราเสียใจไหม หรือจะเจ็บคราวเดียวและกลับมาดูแลตัวเอง และเจอคนที่ยอมรับและให้ความชัดเจนกับเรา ให้เลือกเอาว่าจะทำแบบไหน
คุณนัทอยู่วงการเพลงมา ตั้งแต่ยุคเทป จนถึงยุค โซเชี่ยลมีเดีย ปรับตัวยากไหมในการเปลี่ยนแปลง
จริงๆพี่นัทเป็นคนโชคดีนะคะ ในเรื่องของการปรับตัว เพราะมีทีมงานที่เข้าใจพี่นัท และเข้าใจตลาด เลยช่วยได้มาก การทำงานเลยไม่เหนื่อยและสนุก คือถูกกระตุ้นกับการตลาด จากการเปลี่ยนจากยุคเทป สู่ซีดีสู่การโหลดและยอดวิว คือโชคดีว่าทีมงานและเเฟนเพลงน่ารัก คือเรายังสนุกกับการทำงานคือปรับตัวง่าย คือถ้าเราต้องมาสู้รบกับทีมงาน เราคงเหนื่อยแน่ๆ
รู้สึกอย่างไรที่ได้ร่วมงาน โบว์ แวนด้า ในเอ็มวี "ดาวกระดาษ" เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
คือนัทจำไม่ได้เลย คือตอนนั้นเป็นเด็กน้อยมีแก้ม แต่ตอนนี้ผอมเพรียวเลย คือไม่แน่ใจว่าเป็นงานชิ้นเเรกหรือเปล่า ถือซะว่าคือมันเป็นความบังเอิญที่ได้ร่วมงานกัน คือจำบรรยากาศในงานได้ คือดีใจที่นึกได้ แต่เวลาที่นึกได้ก็เป็นเวลาที่น่าอึดอัดบ้าง แต่ก็ดีใจที่ได้ร่วมงานกัน
คลิกชมมิวสิควีดีโอเพลง ดาวกระดาษ ได้ที่นี่
การทำงานในยุคโซเชี่ยลนี่ต่างจากสมัยก่อนอย่างไรบ้าง ชอบแบบไหนมากกว่ากัน
คือการทำงานเปลี่ยนไประดับนึง คือคนจะรอเอ็มวี แต่เดี๋ยวนี้เพลงมาพร้อมเอ็มวี วิธีการเสพก็เปลี่ยน ทำให้ต้องนำสองอย่างมาอยู่ด้วยกัน คือต้องคิดงานมากขึ้น ให้รายละเอียดมากขึ้น ก็สนุกไปอีกแบบเพราะสมัยก่อนเราเป็นนักร้อง ตอนนี้ก็มาช่วยทีมงานคิดเรื่องการสื่อสารภาพด้วย คือคนฟังได้กำไร ได้ภาพด้วยนอกจากเพลง
สุดท้ายนี้ คุณนัทมีมุมมองกับความรักอย่างไร
ก็อยากให้เป็นตัวของตัวเองนั่นเเหละค่ะ แต่อยากให้คุณค่ากับความรู้สึกตัวเอง คือเจอความรักหลายรูปแบบมาก คือต้องคุณค่าความรักตัวเอง คือมันจะทำให้ความรักยืดยาว คือถ้ารักตัวเองเป็นก็จะให้ความรักคนอื่นเป็น ไม่มากไม่น้อยเกินไป
เรียกได้ว่าการพูดคุยกันครั้งนี้ คุณนัท ปนัดดา ได้แชร์มุมมองความรักและการทำงานที่น่าสนใจมาก ซึ่งแฟนๆ Sanook! สามารถฟังเพลงของคุณ ปนัดดา ได้ที่ Joox Music และติดตามผลงานและข่าวอัพเดทของคุณปนัดดาได้ที่เฟสบุ๊คค่าย Werkgang และที่ Sanook! Music เช่นกันครับ
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ