Taylor Swift ทุบสถิติศิลปินรายได้สูงสุดปี 2016 รับไป $170 ล้าน

นิตยสาร Forbes เริ่มจัดอันดับคนดังรายได้สูงสุดประจำปี 2016 กันแล้ว โดยศิลปินที่ทำรายได้สูงสุดก็หนีไม่พ้นสาว Taylor Swift ที่คว้าไปเหนาะๆ 170 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ เกือบ 6 พันล้านบาทไทยเท่านั้นเอง (เหรอ) โดยรายได้ของเธอมาจากหลายทาง แต่ที่รับเต็มๆ คือจากทัวร์คอนเสิร์ตอัลบั้ม 1989 ในช่วงปีที่ผ่านมา แค่เฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ ก็ทำรายได้ไปถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าสถิติรายได้จากการทัวร์คอนเสิร์ตของลุงๆ The Rolling Stones เจ้าของสถิติเดิมไปได้เรียบร้อย

นอกจากการทัวร์คอนเสิร์ตสุดอลังการ ยังรับเงินค่ากินขนมเล่นๆ จากการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ต่างๆ อีกด้วย เช่น Diet Coke, รองเท้า Keds และ Apple

 

 

ถึงแม้หากจะนับกันแค่ “รายได้คนดัง” สาวเทย์จะทำได้เพียง “เกินครึ่งหนึ่ง” ของรายได้นักมวยระดับโลก Floyd Mayweather ที่เอาชนะ Manny Pacquiao ไปในแมชหยุดโลกเมื่อปี 2015 รับค่าเหนื่อยไป 300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 10.5 พันล้านบาท แต่หากนับกันแค่ศิลปินสายดนตรีล่ะก็ Taylor Swift ก็เอาชนะเพื่อน “Bad Blood” ของเธออย่างสาว Katy Perry แชมป์เก่าปี 2015 ไปได้เรียบร้อย เพราะสาวเคที่ทำรายได้เมื่อปี 2015 ไว้ 135 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น (เท่านั้น!?) หรือราว 4.75 พันล้านบาท

แค่ปีเดียว สาวเทย์ก็ทำรายได้เพิ่มขึ้นมามากกว่าเท่าตัว หลังจากที่ปีที่แล้วเธอทำรายได้ให้ตัวเองไว้ที่ 80 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ เกือบ 3 พันล้านบาทไทย

แต่ก็น่าเสียดายอยู่นิดหน่อย เพราะแฟนเก่าของสาวเทย์อย่าง Calvin Harris ก็ไม่ได้หลุดโผศิลปินรายได้สูงที่สุดในโลกไปไหนไกล อยู่ที่อันดับที่ 21 กับรายได้ 63 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.2 พันล้านบาท (แต่ก็น้อยกว่าสาวเทย์ถึงเกือบ 3 เท่าเลยนะ) หากทั้ง 2 ยังคงเป็นแฟนกันอยู่ จะกลายเป็น “คู่รักศิลปินที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลก” ด้วยจำนวนเงินถึง 233 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 8 พันล้านบาทกว่าๆ แต่สุดท้ายเพราะเลิกกันเสียก่อน เลยทำให้เจ้าของตำแหน่งนี้ตกเป็นของ Beyoncé และ Jay-Z ที่คว้าไป 107.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.8 พันล้านบาทไปโดยปริยาย

 

Calvin Harris

 

Jay-Z และ Beyoncé

 

นี่เรากำลังพูดถึงรายได้ต่อปีของเหล่าศิลปินระดับโลกกันอยู่นะ เงินเป็นพันๆ ล้านบาท นอกจากจะสวย รวย เก่ง แล้ว ทั้งหมดก็มาจากความสามารถ และความทุ่มเทกับงานที่ทำล้วนๆ ถึงจะอิจฉา แต่ก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะ (ฮา)

 

Source : Forbes.com
Photo : Gettyimages
Story : Jurairat N.